posttoday

วิษณุพงษ์ ลิ่วประโคน ชายผู้หลงใหลในเสน่ห์ของกาแฟ

10 พฤศจิกายน 2558

ความฝันของผู้ชายคนนี้ “อินดี้-วิษณุพงษ์ ลิ่วประโคน” แรกทีเดียวฝันอยากเป็นทหาร

โดย...ตุ้ย แมงโก้หวาน ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

ความฝันของผู้ชายคนนี้ “อินดี้-วิษณุพงษ์ ลิ่วประโคน” แรกทีเดียวฝันอยากเป็นทหาร ตำรวจ ช่วง ม.4 ฝันของเขาก็เป็นจริง เมื่อไปสมัครสอบตำรวจแล้วสอบได้และต้องเรียนเตรียมทหาร 2 ปี แต่ด้วยความที่ฐานะทางบ้านไม่สู้ดี เรียนได้แค่ 7 วันก็ตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อแล้วกลับมาเรียน ม.4 ต่อจนจบ ม.6 แล้วต่อ ปวส. พร้อมทำงานพาร์ตไทม์ส่งตัวเองเรียนในร้านกาแฟชื่อดังตั้งแต่ปี 2005

การทำงานในร้านกาแฟจึงเป็นจุดเริ่มให้เขาตกหลุมรักกาแฟ โดยเริ่มไต่เต้าจากการเป็นพนักงานล้างจาน ล้างแก้ว ก่อนจะได้รับโอกาสจากผู้จัดการร้านให้ทดลองชง ก่อนขึ้นประจำการบนบาร์ในฐานะผู้ชงกาแฟของร้าน กระทั่งวันหนึ่งถูกส่งเข้าแข่งขันชงกาแฟภายในองค์กรแบล็คแคนยอน ในประเภทสมัครเล่น จากนั้นแข่งระดับมืออาชีพในระดับประเทศ ก่อนได้เป็นแชมป์บาริสต้าประเทศไทย ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการชงกาแฟประจำสถาบันสอนพัฒนาธุรกิจกาแฟ อโรม่า คอฟฟี่ อคาเดมี (Aroma Coffee Academy หรือ ACA)

หนุ่มวัย 30 จากบุรีรัมย์ ย้อนอดีตความฝันให้ฟังว่า แรกทีเดียวอยากเป็นตำรวจ ทหาร ตอน ม.4 มีโอกาสไปสมัครสอบตำรวจในเหล่าของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปรากฏว่าสอบได้และต้องไปเรียนเตรียมทหารอีก 2 ปี แต่เนื่องจากการเรียนต้องใช้เงิน (ในความรู้สึกเขาเป็นเงินที่มาก) ทางครอบครัวไม่มีเงินส่งจึงลาออก พร้อมเบนเข็มชีวิตด้วยการหางานทำและเรียนไปด้วย โดยไปสมัครทำงานที่ร้านกาแฟแบล็คแคนยอนในฐานะพนักงานพาร์ตไทม์ ตั้งแต่เรียน ม.4 จนถึง ปวส.

วิษณุพงษ์ ลิ่วประโคน ชายผู้หลงใหลในเสน่ห์ของกาแฟ

 

“ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นตำรวจ ทหาร พอเพื่อนชวนไปสอบก็ไปด้วย ผมสอบได้แต่เพื่อนสอบตก แต่เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินส่งผมจึงกลับมาเรียน ม.4 ต่อ พร้อมกับการหาเงินเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว จึงไปสมัครทำงานที่ร้านกาแฟแบล็คแคนยอนในฐานะพนักงานพาร์ตไทม์ตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งพอมาเจอกาแฟ กลับรู้สึกว่าเหมือนกับตอนความฝันที่อยากเป็นตำรวจ ทหาร สงสัยตลอดว่า เฮ้ย กาแฟ ทำไมต้องหอม กินแล้วทำไมตื่นตัวดี ทุกครั้งได้กลิ่นกาแฟรู้สึกมีความสุขเหมือนมันเข้าถึงจิตใจเรา”

การเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ที่ร้านแบล็คแคนยอน วิษณุพงษ์ทำหน้าที่ทั้งเสิร์ฟ ทั้งล้างจาน ล้างแก้ว (เนื่องจากเป็นร้านอาหารด้วย) จนกระทั่งเรียน ปวส. ก็ได้รับโอกาสจากผู้จัดการร้านให้ประเดิมทดลองชงกาแฟ ก่อนที่ต่อมาได้มอบความไว้วางใจให้เขาได้ก้าวขึ้นประจำการบนบาร์ทำหน้าที่บาริสต้าเต็มตัว แม้ว่าจะเป็นแค่พนักงานพาร์ตไทม์ก็ตาม

“ช่วงเรียน ปวส. อายุประมาณ 17 ปี ไม่ได้เรียนทุกวัน เรียนเฉพาะอังคาร พฤหัสฯ ศุกร์ ตอนนั้นก็ยังล้างจานอยู่ แต่ต่อมาก็ขยับมาล้างแก้ว แต่ก็โอเคนะ เพราะล้างแก้วอยู่ใกล้บาร์มากขึ้น มีโอกาสได้ถามพวกพี่ๆ ตลอดว่าชงกาแฟยากไหม สนุกไหม ทำไมกลิ่นกาแฟหอมจัง รสชาติกาแฟที่ชงจากเครื่องนี้ต่างจากกาแฟกระป๋องในตู้แช่ยังไง ผมมีความสุขที่ได้ถาม เพราะเราอยากรู้เกี่ยวกับกาแฟ

จนวันหนึ่งพนักงานบาร์ลาออกพอดี ทางผู้จัดการบอกว่าเธอล้างจานก็ล้างมาแล้ว ล้างแก้วก็ล้างแล้ว เสิร์ฟก็เสิร์ฟมาเยอะ ทำงานก็มาเช้ากว่าคนอื่น กวาดพื้นถูพื้นและช่วยพี่ๆ เขาเตรียมบาร์ เช่น เช็ดแก้ว เช็ดบาร์ เติมของตลอด ตอนนั้นความรู้สึกดีมากต่อให้ไม่ได้ชงก็ตาม เพราะได้คลุกคลีกับกาแฟมากขึ้น พอผู้จัดการบอกให้มาอยู่บาร์ เป็นความฝันเลยที่จะได้ไปยืนชงจริงๆ แต่ว่าก่อนที่จะขึ้นไปยืนบนนั้นเราก็ได้รับการสอนชงกาแฟมาเรียบร้อย”

วิษณุพงษ์ ลิ่วประโคน ชายผู้หลงใหลในเสน่ห์ของกาแฟ

 

หลังการทำหน้าที่ในฐานะบาริสต้าของร้านผ่านไป 1 ปี โอกาสดีๆ ก็เข้ามาหาเขา เมื่อทางร้านได้ส่งเขาเข้าแข่งขันการชงกาแฟ ซึ่งทางบริษัทแบล็คแคนยอนจัดขึ้นเป็นการภายใน ในปี 2007 โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นสองประเภท คือ ดาวรุ่งและมืออาชีพ เขาเองลงแข่งในประเภทดาวรุ่ง เพราะไม่เคยประกวดที่ไหนมาก่อน (ก่อนแข่งขันต้องผ่านการอบรม) แล้วผลออกมาเขาชนะเลิศประเภทดาวรุ่ง จากนั้นโอกาสก็เข้ามาหาเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือ การเป็นตัวแทนบริษัทเข้าแข่งชงกาแฟระดับประเทศ 

“ที่ชนะเลิศประเภทดาวรุ่ง เพราะผมไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองต้องเข้าแข่งขันนะ แต่ผมต้องการรู้เรื่องกาแฟและอยากทำให้ได้เท่านั้น แล้วเวลาแข่งผมจึงไม่ได้รู้สึกกดดันทำให้ทำออกมาได้ดี แล้วปี 2008 ผม (ยังเป็นพาร์ตไทม์) ก็ได้เป็นตัวแทนบริษัท รวมกับพี่ๆ อีก 6 คนไปแข่งขันระดับประเทศ ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทบาริสต้า เน้นรสชาติอร่อยและสะอาด อีกประเภท ลาเต้อาร์ต (ศิลปะบนโฟมนม) ดูรูปภาพอย่างเดียว ก่อนไปแข่งเก็บตัวอยู่ 2 เดือน กลับไปร้านพาลูกค้าคุยเกี่ยวกับกาแฟได้สบายๆ ผลการแข่งขันได้ที่ 2 ของบาริสต้า ที่ 3 ของลาเต้อาร์ต ส่วนตัวแทนคนอื่นไม่ได้เข้ารอบที่ 1 ที่ 2 ที่ 3”

วิษณุพงษ์ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นก็ประกวดมาเรื่อยๆ ทั้งในปี 2009, 2010, 2011 แต่ทุกครั้งที่ลงแข่งขันจะได้ที่ 2 ของทั้งสองประเภท กระทั่งในปี 2012 (ตอนนั้นเป็นพนักงานประจำของแบล็คแคนยอนเต็มตัว แต่ยังเรียนด้วยทำงานไปด้วย) ก็ได้เป็นตัวแทนบริษัทเข้าแข่งขันรายการเนชั่นแนล ไทยแลนด์บาริสต้า แชมเปี้ยนชิพ หรือ NTBC เพื่อหาตัวแทนประเทศไปแข่งขันรายการ เวิลด์ บาริสต้า ซึ่งเขาได้แชมป์ประเทศไทย พร้อมคว้าสิทธิไปแข่งระดับโลก

“บอกตรงๆ ครับว่าการที่ได้ที่ 2 มาตลอดในการแข่งขันระดับประเทศผมไม่ได้เสียใจนะ เพราะทุกครั้งที่แข่งขันมันเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอด เช่น ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้เรียนรู้กาแฟใหม่ๆ ตลอดเวลา แต่ปรากฏการแข่งขันครั้งนี้ผมเป็นแชมป์บาริสต้าประเทศไทย พร้อมกับการเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเวิลด์ บาริสต้าที่ประเทศออสเตรีย ซึ่งการแข่งขันมี 53 ประเทศ เราอยู่อันดับ 23 นอกจากนี้ผมยังไปแข่งรายการอาเซียนบวก 6 (อาเซียนกับอีก 6 ประเทศ) ผมได้ที่ 2 สิงคโปร์ได้ที่ 1”

วิษณุพงษ์ ลิ่วประโคน ชายผู้หลงใหลในเสน่ห์ของกาแฟ

เส้นทางของผู้ชายคนนี้กว่าที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ คุณสมบัติหนึ่งในตัวเขาที่เห็นได้ชัดเจน คือ เขาหลงรักในเสน่ห์ของกาแฟ หลงใหลในกลิ่นอันหอมหวนชวนกิน ทุกครั้งที่เข้าแข่งขันเขาไม่ได้หวังชนะเลิศ แต่แค่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับกาแฟใหม่ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากการไปแข่งขันที่ออสเตรียเขาได้ลิ้มรสกาแฟ และได้รู้จักกาแฟจาก 53 ประเทศ

ปัจจุบันวิษณุพงษ์ได้ลาออกจากแบล็คแคนยอน เพื่อมาเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการชงกาแฟให้กับสถาบันสอนพัฒนาธุรกิจกาแฟ อโรม่า คอฟฟี่ อคาเดมี (Aroma Coffee Academy หรือ ACA) มาได้ประมาณ 1 ปีกว่าๆ อนาคตเขาอยากเปิดร้านกาแฟของตัวเอง แต่ไม่ได้มุ่งหวังกำไรมาก แต่ต้องการทำให้เป็นที่เรียนรู้เรื่องกาแฟให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป

ท้ายที่สุด แชมป์บาริสต้าประเทศไทยปี 2012 ได้แนะนำการดูแลสุขภาพในเรื่องของการดื่มกาแฟให้ฟัง โดยเขาบอกว่า กาแฟจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อผู้ดื่มเลือกดื่มกาแฟที่ถูกต้อง เช่น การดื่มกาแฟดำที่เป็นช็อตเอสเปรสโซ่ประจำจะช่วยให้ระบบหมุนเวียนของโลหิตดี การกินแซนด์วิชกับกาแฟดำช่วยให้ย่อยง่าย หรือการกินต้มยำกุ้งที่รสชาติเผ็ดๆ แล้วดื่มกาแฟที่ผสมนมข้น ครีมเทียม และวิปครีม จะช่วยเคลือบกระเพาะได้ เป็นต้น

ข่าวล่าสุด

อีลอน มัสก์ สร้างสถิติเป็นคนแรกของโลกที่รวยเกิน 700,000 ล้านดอลลาร์