มุมเล่นหมากรุก ของ ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์
นี่เป็นพื้นที่ที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของหลากหลายแนวคิด ซึ่งถูกส่งผ่านไปสู่การปฏิบัติจริง
โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน
นี่เป็นพื้นที่ที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของหลากหลายแนวคิด ซึ่งถูกส่งผ่านไปสู่การปฏิบัติจริง จนเป็นแรงขับเคลื่อนให้ภาพลักษณ์ของนักเรียนอาชีวศึกษา หรือที่มักจะถูกเรียกแบบเหมารวมว่าเป็น “เด็กช่าง” ขยับไปเป็นถูกมองในแง่บวกมากขึ้นจนกลายเป็นภาพของเด็กช่างใฝ่ดี ออกไปช่วยเหลือสังคมเมื่อยามที่ต้องการ เช่นเกิดภัยพิบัติในประเทศ ยังไม่นับรวมถึงด้านสร้างสรรค์อีกมากมายที่ล้วนแต่ส่งผลให้เด็กจำนวนไม่น้อยหันมาเรียนสายนี้ ผู้ปกครองจำนวนมากก็เริ่มสนับสนุนให้เลือกเรียนด้านอาชีพมากขึ้นที่มีงานทำ มากกว่ายึดติดกับการเรียนเพื่อเอาใบปริญญามาประดับฝาบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปีติดต่อกัน
พลังในการผลักดันให้มาถึงจุดนี้มาจากการระดมสมองจากหลากคนอาชีวะทั่วประเทศ โดยมี ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นั่งหัวโต๊ะขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างแข็งขันมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา
อาจารย์ชัยพฤกษ์ชอบนั่งทำงานในห้อง แต่กลับไม่ชอบนั่งตรงโต๊ะทำงานที่ถูกจัดไว้ให้ในมุมหนึ่งของห้องนี้ มุมโปรดที่ใช้นั่งทำงานคือโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ในอีกมุมของห้อง บนโต๊ะตัวนี้อาจารย์บอกว่ามีเนื้อที่มากพอที่จะทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ อาหารมื้อเที่ยง กาแฟระหว่างวัน หรือเวลามีใครมาเข้าพบพูดคุย บริเวณนี้ก็พร้อมรับรองผู้ที่มาเยือนเป็นอย่างดีนอกเหนือจากงานและกิจกรรมที่กล่าวมาแล้ว โต๊ะตัวนี้ยังเป็นพื้นที่ของอีกกิจกรรมหนึ่งที่อาจารย์บอกว่าช่วยในเรื่องสมาธิและการฝึกฝนความคิด ลับปัญญาของตัวเองให้คมกริบอยู่เสมอ นั่นก็คือ “การเล่นหมากรุกกับตัวเอง”
อาจารย์บอกว่า เล่นหมากรุกกับตัวเองนั้น ได้อะไรที่หลายคนคาดไม่ถึง สมัยยังเป็นนักศึกษาเคยรั้งตำแหน่งนักหมากรุกสากลระดับตัวแทนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถึงกับเคยมาแข่งในส่วนกลางที่กรุงเทพฯ แม้ในครั้งนั้นจะไม่ได้ตำแหน่งแชมป์กลับบ้าน แต่อาจารย์ก็ไม่เคยทิ้งให้กระดานหมากรุกฝุ่นจับโดยไม่ขยับลับความคิดเลย
“เวลาเล่นกับตัวเอง เราจะได้ทบทวนตรึกตรองหมากสองฝ่าย ทั้งสีขาวและสีดำ ค่อยๆ คิด เดินหมากแต่ละตัวต้องระวังไม่ให้ตัวเองเผลอ เหมือนบอกตัวเองว่า มือข้างหนึ่งกำลังตั้งหมาก วางแผนการเดินแบบนี้ มืออีกข้างจะตั้งรับด้วยกลยุทธ์แบบไหน” เลขาฯ อาชีวะ เล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาจดจ่ออยู่กับหมากบนกระดานก่อนอธิบายอีกว่า หมากรุกนั้นมีรายละเอียดให้เรียนรู้ได้ไม่รู้จบตลอดชีวิต
อาจารย์อธิบายด้วยว่า การเริ่มต้นวางหมาก โดยแต่ละคนมีสูตรการวางเฉพาะตัวไม่เหมือนกัน อาจจะใช้สูตรวางแบบ “รุย โลเปซ” หรือสูตรที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานที่นักเล่นทุกคนคุ้นเคยอย่างดี เป็นชื่อสูตรที่ตั้งตามชื่อเซียนหมากรุกชาวสเปน หรือสูตรต่างๆ ตามแต่ถนัด ควีนหรือขุน คือตัวที่มีค่ามากที่สุดในเกม เพราะตามกฎการเล่น นี่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการแข่งขัน ถ้าเราเสียควีนไปก็เท่ากับว่าเราแพ้ และหากนับค่ามาตรฐานของตัวหมากแต่ละตัวหากเทียบกับหมากรุกไทยRook ก็คือเรือ ตัว Bishop ก็คือโคน Knight ก็คือม้า Pawn ก็คือเบี้ย แต่ละตัวมีลักษณะการเดินที่ต่างกันออกไป
ตัวหมากของหมากรุกสากล มีอานุภาพทำการไกลกว่าหมากรุกไทย เช่น หมากรุกไทย หมากตัวที่เดินได้ยาวที่สุดคือหมากตัว “เรือ” คือเดินในแนวตรงไม่จำกัดระยะ ตราบใดที่ไม่มีหมากตัวอื่นขวาง หมากรุกฝรั่งนั้นนอกจากหมากตัว Rook แล้ว ยังมีตัว Bishop ที่เดินในแนวทแยงได้ไม่จำกัดตาเช่นกัน
ขณะที่ตัว Queen ซึ่งเดินได้ 8 ทิศรอบตัวไม่จำกัดระยะทาง ส่งผลให้แผนการรุกทำได้รวดเร็วฉับพลันและทำได้จากระยะไกลได้มากกว่าหมากรุกไทย รวมทั้งการป้องกันก็ยากกว่าเช่นกัน หมากรุกสากลมีอาวุธทั้งสั้นและยาวมากกว่า จึงมีกลยุทธ์ให้เลือกได้หลากหลาย
“หมากรุกฝรั่งนั้นมีมุมแปลกอยู่อีกมุมหนึ่ง นั่นคือนักเล่นชั้นเซียนจะไม่เริ่มตั้งหมากเป็นสูตร แต่จะมีรูปแบบของตัวเองที่ดูเผินๆ เหมือนมั่วๆ หรือคนที่เล่นไม่เป็น จะรู้อีกทีว่าฝีมือระดับไหนก็ตอนขยับเดิน” เขาเล่า
อาจารย์เล่าอีกว่า เคยมีโอกาสได้เรียนกับเซียนหมากรุกดังอย่าง สุชาติ ชัยวิชิต หรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อ“เซียนป่อง” ปรมาจารย์หมากรุกไทยและสากลเจ้าของตำแหน่งแชมป์หมากรุกขุนทองคำ 5 สมัย ความประทับใจเมื่อครั้งที่ได้เรียนกับเซียนป่องยังประทับอยู่ในความทรงจำ ถึงช่วงที่ปรมาจารย์ท่านนี้ประมือกับนักศึกษาแปดคนในคราวเดียวโดยไม่เพลี่ยงพล้ำเลย
เมื่อว่างจากการงาน หรือเป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ อาจารย์ชัยพฤกษ์จะหยิบหมากที่มีอยู่สองชุด คือ ทำจากไม้ และหินอ่อน มานั่งเล่นที่โต๊ะตัวนี้ และคำนึงอยู่เสมอว่า ไม่ว่าจะเล่นกับตัวเองหรือว่าเล่นกับใคร ทุกย่างก้าวของการเดินหมากมีผลต่อผลลัพธ์ของเกมอย่างเสี่ยงไม่ได้ หมากที่เดินไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาอีกได้ หากเดินพลาดก็อาจจะมีโอกาสปราชัยได้ภายในครั้งเดียวเท่านั้น การวางแผนการเล่นอย่างละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบในทุกๆ ตาที่เดิน และคิดล่วงหน้า คิดเผื่อไปถึงตาเดินถัดๆ ไป หรือคิดหลายชั้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก และเรื่องนี้ก็เป็นเสมือนหัวใจในการทำงานอื่นๆ ของอาจารย์เช่นกัน


