โลกอีกใบหลังประตูวิเศษ มิ้น สวรรยา
การเดินทางของแต่ละคนให้ผลลัพธ์ต่างกันบ้างน้อยนิด บ้างมหาศาลอย่างเธอคนนี้ มิ้น-รภัทร แก้วมีชัย
โดย...รอนแรม ภาพ... มิ้น สวรรยา
การเดินทางของแต่ละคนให้ผลลัพธ์ต่างกันบ้างน้อยนิด บ้างมหาศาลอย่างเธอคนนี้ มิ้น-รภัทร แก้วมีชัย หรือ มิ้น สวรรยา ที่กลับบ้านมาพร้อมแรงบันดาลใจก้อนใหญ่และการค้นพบ “ประตูวิเศษ” ที่ไม่ได้เปิดสู่ประเทศใด แต่เปิดเชื่อมใจจากความคิดถึงกัน
เก็บแรงบันดาลใจ
มิ้นทำงานในวงการเพลงมาตลอดตั้งแต่ศึกษาจบปริญญาตรี มีอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองครั้งแรกเมื่อปี 2546 และมีผลงานเพลงคุ้นหูมากมายอย่างเพลงเก็บอยู่ในหัวใจ เธอไม่เคยรู้ ต่างคนต่างเหงา สักวันคงเจอ กระทั่งวันนี้เธอมีซิงเกิ้ลใหม่ชื่อเพลง ประตูวิเศษ เป็นผลงานที่ทำเองล้วนๆ ทั้งแต่งเพลง ร้องเอง ถ่ายปก เดินสายโปรโมท แต่ที่น่าสนใจคือเป็นผลงานแรกในรอบ 6 ปี หลังการเดินทางตามหาตัวโน้ตที่หายไป
“มิ้นทำงานในวงการเพลงมาสิบปีตั้งแต่เรียนจบ ทำจนไม่รู้ว่าต้องไปในทิศทางไหนยังไง ทำจนมันตัน ตอนนั้นเลยหยุดไม่ทำ เพราะงานเพลงเป็นอะไรที่รักมากที่สุด ถ้าเราไปบังคับมัน งานจะออกมาไม่ดี มิ้นก็ไม่อยากทำแบบนั้น” เธอจึงผันตัวไปเป็นครูสอนร้องเพลง เปิดสตูดิโอถ่ายภาพนิ่งที่บ้านและเป็นอาจารย์พิเศษวิชาการพูดในมหาวิทยาลัย ซึ่งระหว่างที่ทำงานเธอก็เดินทางไปเรื่อยๆ
“4-5 ปีที่ผ่านมาไปเที่ยวตลอด” เธอกล่าว “แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 5 วัน มันติดนิสัยไปแล้วว่าไปไหนต้องไปอยู่นานๆ เพราะไปแล้วก็อยากไปใช้ชีวิตแบบที่คนท้องถิ่นใช้กัน” แต่ไม่ว่าอย่างไรนานาประเทศที่เธอเดินทางไปไม่มีที่ไหนน่าจดจำไปกว่าสหรัฐอเมริกา เพราะเธอพบตัวโน้ตที่หายไปที่นั่น
“ไม่คิดว่าจะไปอเมริกาเพราะคิดว่ามันเป็นประเทศที่ใครๆ ไปก็เลยไม่อยากไป แต่พอได้ไปแล้วตอนแรกจะอยู่แค่ 1 เดือน ไปๆ มาๆ อยู่ 6 เดือน ทำให้รู้เลยว่าพวกเขาอยู่กันยังไง โดยหลักๆ อยู่ที่นิวยอร์ก แล้วก็ไปบอสตัน วอชิงตันดี.ซี.ซานฟรานซิสโก ลาสเวกัส แกรนด์แคนยอน ไปอยู่ตามบ้านเพื่อน แทบจะไม่ได้นอนโรงแรมเลย มันเลยสนุกมาก”
ระยะเวลาครึ่งปีพาเธอพบปะผู้คนมากมายโดยเฉพาะคนที่รักดนตรีเหมือนกัน ซึ่งคนแปลกหน้าเหล่านั้นทำให้เธอค้นพบความรู้สึกบางอย่างที่หายไปนาน “พออยู่ที่นั่นได้ไปแจมในวงดนตรีต่างๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนเรียนจบใหม่ๆ อีกครั้ง ทำให้รู้ว่าการทำงานเพลงไม่ได้เครียดหรอก มันเหมือนได้ปลดแอกความน่าเบื่อแล้วกลับมาสนุกกับการร้องเพลง”
หลังจากนั้น เธอก็กลับประเทศไทยมาด้วยความตั้งใจว่าจะทำเพลงของตัวเอง มิ้นเล่าว่าวันนั้นหยิบกีตาร์มานั่งเล่น เล่นไปเล่นมากลายเป็นว่าได้เพลงประตูวิเศษ ถามว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ เธอบอกว่า “ตอนนั้นคิดถึงคนที่นู่น (นิวยอร์ก) คิดถึงเวลาที่ได้ไปเที่ยว เพลงนี้จึงเกิดขึ้นเพราะการเดินทางล้วนๆ”
เก็บความทรงจำ
มีคนเคยบอกเธอว่า เธอเป็นคนขี้เสียดาย พอไปที่ไหนเห็นอะไรก็จะบันทึกผ่านภาพถ่ายและใส่ไปในความทรงจำ “ทุกครั้งที่จะก้าวออกจากประเทศๆ หนึ่ง จะคิดเสมอว่าชาตินี้จะได้กลับไปอีกไหม ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็คิดแบบนี้” คนคนนั้นพูดถูก “ทุกที่เราจะไปอยู่นานและใช้เวลาให้มันคุ้ม ทำให้ต้องเก็บภาพและจดบันทึกสถานที่แห่งนั้นเหมือนกับว่าจะไม่ได้กลับไปแล้ว”
วิธีเก็บความทรงจำของมิ้นเธอเลือกวิธีการเดิน เดินไปเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดหมาย โดยสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คก็เก็บครบ และเก็บรายละเอียดตามตรอกซอกซอย ซึ่งทำให้เธอเห็นบ้านเมืองนั้นในมุมของตัวเอง ประเทศที่ไปนานร่วมเดือนมีทั้งนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรปอีกหลายประเทศ
“ไปโฮจิมินห์ 2 รอบ รวมกันประมาณ 1 เดือน ที่ไปนานเพราะเพื่อนไปออกกองทำหนังที่นั่น แต่เพื่อนก็ทำงานไป เราก็เที่ยวคนเดียวทุกวัน ได้ไปเห็นเรื่องจุกจิกที่สนุก เช่น เวลากินถั่วต้มต้องทิ้งเปลือกลงพื้น ห้ามวางไว้บนโต๊ะเพราะทางร้านจะได้กวาดทิ้งทีเดียว ซึ่งมันเป็นวัฒนธรรมที่ต่างจากเรา มันเลยสนุกที่ได้ไปเจออะไรแบบนั้น”
นอกจากนี้ เธอยังได้พบปะผู้คนมากมายที่แม้จะจากกันในขณะนั้น แต่ยังเป็นเพื่อนกันในขณะนี้ เธอเล่าถึงพนักงานขายตั๋วรถรางที่เมืองแอนด์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ที่พาไปเลี้ยงข้าวไถ่โทษที่ไม่ยอมขายตั๋วรถรางให้ หรือชาวอังกฤษที่ขึ้นไปร้องเพลงด้วยกันในผับแจ๊ซที่นิวยอร์กซึ่งตอนนี้ก็ยังติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก
“มิ้นคิดว่าประตูวิเศษมันมีอยู่ทุกที่นะ มันอาจจะอยู่ในจินตนาการผ่านความคิดถึงที่เรามีให้กัน หรือสื่อต่างๆ ที่ตอนนี้มีหลายทางอย่างไลน์ เฟซบุ๊ก หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ทำให้คนห่างไกลกลายเป็นใกล้กัน” เธอยังบอกด้วยว่า ความรู้สึกที่ได้พบและจากลามันคือความรู้สึกอันเป็น “นิรันดร์” แม้จะเป็นคำที่ฟังแล้วน้ำเน่าแต่เธอก็รู้สึกแบบนั้นและอธิบายได้ยากว่ามันคืออะไร เพราะคำร่ำลาเป็นเพียงถ้อยวาจาชั่วขณะแต่การจากลาก็ยังมีสายสัมพันธ์บางอย่างเชื่อมถึงกันไว้
เก็บความสุข
มิ้นเดินทางไปสัมผัสทั้งเมืองศิวิไลซ์ และเมืองเล็กซึ่งทำให้เธอค้นพบว่า ความสุขเป็นเรื่องปัจเจกที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ “คนในเมืองเล็กๆ เขามีความสุขในสิ่งที่เขามี ตามที่เขาเป็น ซึ่งในสายตาของคนอื่นอาจมองว่าเขามีโอกาสน้อยกว่าคนในเมืองใหญ่แต่เราก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครมีความสุขมากกว่ากัน”
ถามย้อนกลับไปว่าความสุขของเธอคืออะไร เธอตอบว่า “ชีวิตนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าความสุขทางจิตใจ อย่างทุกครั้งที่มิ้นไปเที่ยว เราไม่ต้องคาดหวังว่าจะเจอกับอะไร เพราะแค่ได้หลุดจากกรอบที่เราเคยอยู่ กรอบที่ทำให้เราเครียดนั่นแหละก็คือความสุขแล้ว” รอยยิ้มเปื้อนหน้าเธอตลอดเวลา
โลกของมิ้น
ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ อยากให้โลกใบนั้นเป็นอย่างไร หลังจากฟังคำถามเธอยิ้มอายสักพักก่อนตอบว่า “ทุกคืนเวลาสวดมนต์จะอธิษฐานขอให้ทุกคนบนโลกมีแต่ความสุข” เธอกล่าวไปเขินไปแต่ก็เป็นสิ่งที่เธอทำจริงๆ “มิ้นอยากให้ทุกคนบนโลกมีความสุข มีจิตใจดี มีเมตตาเพราะเมื่อทุกคนมีจิตใจที่ดีแล้วก็จะส่งผลกระทบต่อตัวเราเอง” แม้ตอนนี้โลกที่เธอกล่าวถึงจะเป็นโลกในฝัน แต่ความสุขในโลกของมิ้น สวรรยา เกิดขึ้นจริงแล้วโดยเริ่มจากใจของเธอเอง
ติดตามโลกของมิ้น สวรรยา ได้ที่ www.rabhat.com, www.facebook.com/mintofficial, Instagram: mint_rabhat และ Youtube: mintofficial


