posttoday

เสียงเชียร์ “ไทยแลนด์” ดังกระหึ่มที่เวียดนาม

15 ตุลาคม 2558

กองเชียร์สีน้ำเงินเริ่มแสดงศักยภาพให้คนเวียดนามเห็นตั้งแต่หน้าสมาคมฟุตบอลเวียดนามจนถึงในสนามมาย ดินห์

เรื่อง...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย /ภาพ...เอเอฟพี

คนไทยทั้งประเทศน่าจะทราบผลการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกระหว่างเวียดนามกับไทยที่สนามกีฬาแห่งชาติมาย ดินห์ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเมื่อวันที่ 13 ต.ค.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เอาเป็นว่าพื้นที่นี้จะไม่ขอพูดถึงรูปเกมการแข่งขันในวันนั้น แต่อยากจะมาบอกเล่าถึงมุมอื่นของการแข่งขันในครั้งนี้จะดีกว่า

ส่วนตัวได้เดินทางจากประเทศไทยไปเวียดนามในวันที่13ต.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันแข่งขัน โดยเดินทางด้วยเที่ยวบิน VN610 ของสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์เวลา11.05น.

พอมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็สัมผัสได้ว่ามีแฟนบอลคนไทยที่ตามเชียร์ทีมตัวเองถึงเป็นเวียดนามจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ด้วยเหตุผล 2 ประการ

1.ไม่สามารถแลกเงิน “ดอง” ซึ่งเป็นสกุลเงินของเวียดนามจากประเทศไทยไปได้ เจ้าหน้าที่รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิจำนวนไม่น้อยต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีเงินดองให้คนไทยได้ เพราะได้จำหน่ายให้คนไทยที่เดินทางไปเวียดนามก่อนหน้านี้จำนวนมาก

2.พ็อกเก็ตWifi ที่ใช้สำหรับที่เวียดนามหมดเกลี้ยง ในเรื่องนี้ได้มีโอกาสไปสอบถามเจ้าหน้าที่จำหน่ายพ็อกเก็ตWifiที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะเอาไว้ใช้สำหรับเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตที่เวียดนาม ปรากฏว่าหมดเกลี้ยงเช่นกัน โดยได้รับคำตอบว่าได้มีกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปเวียดนามมารับบริการดังกล่าวไปหมดแล้ว

เมื่อมาถึงเคาท์เตอร์เช็คอินเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องบิน ปรากฏว่ามีกลุ่มคนไทยประมาณ 20-30 รายสวมเสื้อฟุตบอลสีน้ำเงินของทีมชาติไทยต่อแถวบริเวณดังกล่าว

ต่างคนต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อสวมเสื้อสีเดียวกันก็ต่างคุยกันในเรื่องฟุตบอลนัดนี้เหมือนกัน ร่วมวิเคราะห์กันว่ารูปเกมวันนี้จะเป็นอย่างไร ขุนพลช้างศึกจะเผด็จศึกทีมเวียดนามได้หรือไม่

เนื่องจากเวียดนามเพิ่งได้ใจจากการเสมออิรักมา 1-1ก่อนหน้านี้ การสนทนาของคนไทยที่มาจากรอยพ่อพันแม่เป็นไปอย่างชื่นมื่น

ชมคลิป https://youtu.be/E5Oq-kac0Ew

 

ถ้าจะเปลี่ยนเครื่องบินที่เดินทางไปในวันนั้นจากเวียดนามแอร์ไลน์มาเป็น “ไทยแลนด์แอร์ไลน์” ชั่วคราวก็คงไม่แปลกนัก เพราะเครื่องบินที่พาผู้โดยสารเหินฟ้ามุ่งหน้าไปที่ฮานอยนั้นมีคนไทยที่สวมเสื้อน้ำเงินอยู่ไม่น้อย

ระยะทางระหว่างกรุงเทพ-ฮานอย ประมาณ 988 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินโหน่ยบ่าย (Noi Bai International Airport) เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเวียดนามลงตราประทับให้กับคนไทยสามารถเข้าเวียดนามได้อย่างถูกกฎหมาย ก็ทยอยเรียกแท็กซี่มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองฮานอยทันที

ถัดมากลุ่มคนไทยจำนวนไม่น้อยต่างมุ่งตรงไปที่เค้าเตอร์จำหน่ายซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเวียดนาม แน่นอนว่าเป็นการซื้อเอาไว้ใช้สำหรับเล่นอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์

ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 45 นาทีเท่านั้นก็มาถึงที่พักย่านทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม หรือที่เรียกกันว่า “ทะเลสาบคืนดาบ” ซึ่งบริเวณรอบๆมีที่พักราคาถูกจำนวนมาก และพบว่ามีแฟนบอลคนไทยจำนวนมาเดินทางมาพักในบริเวณเดียวกัน

แฟนบอลชาวไทยที่เจอหน้ากันต่างสอบถามกันว่าจะเดินทางไปที่สนามแข่งอย่างไร สุดท้ายต่างมีคำตอบเหมือนกัน คือ “แท็กซี่ดีที่สุดครับ” ใช้เวลาเพียง 30-45 นาทีก็มาถึงสนามแข่งขัน

สำหรับแฟนบอลคนไทยที่ซื้อบัตรชมการแข่งขันจากเมืองไทย ต้องเอาบัตรที่มีในมือไปแลกบัตรเข้าสนามที่สมาคมฟุตบอลเวียดนามก่อน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสนามมาย ดินห์

ทั้งนี้ ได้ถามเจ้าหน้าที่คนไทยที่มาให้บริการที่จุดแลกบัตรว่าบัตรเข้าสนามสำหรับแฟนบอลไทยหมดหรือไม่ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “ไทยโควต้าสำหรับแฟนบอลทีมเยือนประมาณ1400 ใบ จำหน่ายไปเกือบหมดแล้ว เหลือนิดหน่อย”

เสียงเชียร์ “ไทยแลนด์” ดังกระหึ่มที่เวียดนาม

กองเชียร์สีน้ำเงินก็เริ่มแสดงศักยภาพให้คนเวียดนามเห็นตั้งแต่หน้าสมาคมฟุตบอลเวียดนาม ทั้งการรวมตัวถ่ายภาพ และร้องตะโกน “ไทยแลนด์ ไทยแลนด์” แฟนบอลเวียดนามที่เดินผ่านก็ตะโกนแซวกลับมาว่า “เวียดนาม เวียดนาม เวียดนาม” แฟนบอลทั้งสองฝ่ายต่างปรบมือให้แก่กัน และถ่ายรูปร่วมกันเพื่อแสดงถึงมิตรภาพ

มีคนไทยบางกลุ่มเดินเลือกซื้อสีเสื้อแดงประดับดาวสีทองตรงกลาง เลยเข้าไปสอบถามว่าซื้อไปเปลี่ยนหลังแข่งขันหรือเปล่า แฟนบอลกลุ่มนั้นได้แต่ยิ้มๆและหัวเราะกลับมา

การเชียร์ของคนไทยที่หน้าสมาคมฟุตบอลเวียดนามว่าคึกคักแล้วแต่ก็ยังไม่เท่ากับการเชียร์ปลุกใจที่หน้าสนามมาย ดินห์ กลุ่มผู้นำเชียร์คนไทยกลุ่มใหญ่ได้มาตั้งกลุ่มและตีกลองตะโกน “ไทยแลนด์ ไทยแลนด์” เป็นจังหวะ

ส่วนแฟนบอลเวียดนามบางคนเดินมาขอถ่ายรูปการปลุกใจของแฟนบอลไทย ระหว่างนั้นมีพริตตี้สาวสวยเวียดนามของบริษัทจำหน่ายเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง เดินเข้ามาแปะสติ๊กเกอร์รูปธงชาติเวียดนามให้กับแฟนบอลไทยด้วย

เวลา 17.00น. ประตูสนามก็เปิด เจ้าหน้าที่ประจำสนามได้ขอตรวจค้นกระเป๋าของแฟนบอลทั้งสองฝั่งอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้นำวัตถุที่เป็นอันตรายเข้าไปภายในสนาม แม้แต่ขวดน้ำดื่มพลาสติกก็ไม่ให้เอาเข้าไปในสนาม ซึ่งเป็นกฎเหล็กเดียวกับที่สนามราชมังคลากีฬาสถานของไทย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาสำคัญของฝ่ายจัดการแข่งขันของเวียดนาม คือ “การแบ่งโซนที่นั่งระหว่างแฟนบอลไทยกับเวียดนาม”

แฟนบอลทีมไทยได้สิทธินั่งชมฝั่งโซนAของสนาม แต่พอยิ่งใกล้เวลาแข่งปรากฏว่ามีแฟนบอลเวียดนามมานั่งปะปนฝั่งเดียวกับแฟนบอลไทยพอสมควร สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเหตุกระทบกระทั่งอย่างมาก กลุ่มผู้นำเชียร์ของไทยต้องประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงส่วนตัวให้แฟนบอลไทยที่นั่งกระจัดกระจายมานั่งติดๆกัน แต่สุดท้ายแฟนบอลไทยกับเวียดนามต่างยืนเชียร์ใกล้กัน โดยไม่มีการกั้นโซนที่นั่งเพื่อป้องกันเกิดการปะทะกันระหว่างแฟนบอลของทั้งสองทีม

ทันทีที่นักฟุตบอลของไทยลงมาอบอุ่นร่างกายในสนามตอน18.00น. เสียงเชียร์ฝั่งไทยเริ่มดังขึ้นแต่ตั้งแต่นั้น ขุนพลช้างศึกของไทยเดินปรบมือและโบกมือทักทายแฟนบอล ด้านแฟนบอลเวียดนามก็ทยอยเข้าสนามมาจนเต็มก่อนการแข่งขัน และเริ่มส่งเสียงเชียร์ทีมตัวเอง

การแข่งขันเริ่มตรงเวลาในเวลา 19.00น. เสียงเชียร์ “We support Thailand โอเล โอเล โอเล” ดังขึ้น และแฟนบอลคนไทยก็ลุกขึ้นยืนดูเกมการแข่งขันตลอด 90 นาที

ลูกยิงของ “เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์” ในนาทีที่ 28 เกิดขึ้นเป็นลูกยิงที่ยิงเข้าประตูในฝั่งที่แฟนบอลชาวไทยยืนเชียร์กันอยู่ เสียงเฮดังขึ้น แฟนบอลกระโดดตัวลอย พร้อมกับการหันหลังกอดคอโยกตัวไปมาและตะโกนเชียร์แบบฟุตบอลต่างประเทศ

ส่วนครึ่งหลังทีมชาติไทยบุกจากซ้ายไปขวาของแฟนบอลไทย ซึ่งเป็นคนละฝั่งกับจุดที่กองเชียร์ของไทยยืนอยู่ เลยทำให้ลูกยิงลูกสองของเกริกฤทธิ์ในนาทีที่ 56 แฟนบอลไทยหันมาถามกันว่าสรุปว่าเข้าประตูหรือเข้าด้านข้าง

แต่พอนักเตะคนอื่นๆวิ่งไปแสดงความดีใจกับเกริกฤทธิ์ ธงชาติไทยผืนใหญ่ก็ถูกกางขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงตะโกน “ไทยแลนด์ ไทยแลนด์” อย่างสะใจของแฟนบอล

ยิ่งลูกยิงลูกที่สามของ “ธีราทร บุญมาทัน” กัปตันทีมนาทีที่ 76 ยิ่งทำให้กองเชียร์ชาวไทยตะโกนกันเสียงแหบเสียงแห้งกันเข้าไปใหญ่

เสียงเชียร์จาก “ไทยแลนด์ ไทยแลนด์” กลายเป็น “เอิ้ว เอิ้ว เอิ้ว” ตามจังหวะการส่งบอลแบบเท้าสู่เท้าของนักเตะไทย โดยที่นักเตะของเวียดนามไม่ได้สัมผัสบอล

เสียงเชียร์ “ไทยแลนด์” ดังกระหึ่มที่เวียดนาม

ช่วงท้ายเกมมีเหตุการณ์ปั่นป่วนเล็กน้อย หลังจากมีขวดน้ำปริศนาถูกขว้างมาจากด้านบนลงมาตรงกลางกองเชียร์ฝั่งไทย

โชคดีที่ไม่มีอะไรบานปลาย เจ้าหน้าที่สนามของเวียดนามรีบเข้าไปคุมสถานการณ์บริเวณกองเชียร์เจ้าถิ่น ต่อมาแฟนบอลเจ้าบ้านบางส่วนเริ่มทยอยออกจากสนามก่อนหมดเวลาการแข่งขัน แฟนบอลไทยพร้อมใจตะโกน “เวียดนาม เวียดนาม เวียดนาม” เป็นจังหวะเพื่อให้กำลังใจทีมเวียดนามและแฟนบอล

จบการแข่งขัน เจ้าหน้าที่สนามเร่งให้แฟนบอลเวียดนามออกจากสนามก่อนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย

ส่วนแฟนบอลไทยยังอยู่กันแน่นขนัดในสนามราวกับสนามมาย ดินห์ เป็นสนามราชมังคลากีฬาสถาน

“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ช นำนักฟุตบอลทุกคนเดินขอบคุณแฟนบอลรอบสนาม ก่อนมาหยุดบริเวณกองเชียร์ฝั่งไทย

เสียงตะโกน “We support Thailand โอเล โอเล โอเล” จากแฟนบอลก็ดังขึ้นอีกครั้ง และตามมาด้วยการร้องตะโกน “ซิโก้ ซิโก้ ซิโก้”

เจ้าหน้าที่เวียดนาม ส่งสัญญาณให้แฟนบอลไทยรีบออกจากสนาม บรรยากาศด้านนอกสนามนั้นเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีการกระทบกระทั่งของแฟนบอลทั้งสองทีม มีแฟนบอลบางส่วนมายืนรอส่งนักเตะทั้งสองทีมออกจากสนาม

วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์กีฬาของเวียดนามพาดหัวข่าวเป็นภาษาเวียดนาม ซึ่งผมได้ถามพนักงานของโรงแรมว่าแปลว่าอะไร เขาบอกมาเป็นภาษาอังกฤษที่แปลเป็นไทยว่า “ทำดีที่สุดแล้ว”

เป็นอันว่าทั้งขุนพลช้างศึกและแฟนบอลที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเชียร์ต่างจบภารกิจของตัวเองได้อย่างสวยงาม โดยภารกิจต่อไป คือ การเปิดบ้านรอรับการมาเยือนของทีมชาติไต้หวันในวันที่ 12 พ.ย.ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานต่อไป

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา