posttoday

พลายบุรีรัมย์ "สันติสุข 9 ดี"

30 กันยายน 2558

พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา

โดย...พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา

“การทำงานจะประสบความสำเร็จมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการวางแผน และถ้าวางแผนดีก็เท่ากับทำงานสำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง”

วรรคทองนี้เป็นจริงเสมอในสังคมไทย โดยเฉพาะคนระดับฐานรากที่ไม่ได้ร่ำเรียนวิชาวางแผนเหมือนคนในกรุง ทำให้เสียโอกาสในการทำงานให้สำเร็จ จึงควรมีการฝึกปฏิบัติการวางแผนที่ถูกต้อง

อาจเป็นด้วยเหตุที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนให้สอนวิธีการวางแผนและการบริหารแผนที่ถูกต้องให้กับชาวบ้าน วรรคทองนี้จึงถูกนำมาเขียนในกล่าวนำของ Buriram Case Management Model (BCM Model) ซึ่งเป็นคู่มือการวางแผนพัฒนาหมู่บ้านเพื่อให้ จ.บุรีรัมย์ มุ่งสู่การเป็น “จังหวัดคุณธรรม”

แนวคิด BCM Model เริ่มตั้งแต่สมัยที่ผู้ว่าราชการจังหวัด เสรี ศรีหะไตร รับราชการที่ จ.พัทลุง และสมัครใจเข้าโครงการต้นแบบ “จังหวัดคุณธรรม” เมื่อปี 2557 ได้จัดทำ คู่มือ PCM Model “พัทลุงโมเดล” หรือ Patthalung Case Management Model : ตัวแบบระบบการบริหารจัดการรายกรณี โดยใช้ชื่อว่า “หัวใจการวางแผน (ฉบับขวัญใจชาวบ้าน)”

ในคำนำของหนังสือฉบับนี้ได้เขียนไว้ว่า

“PCM Model ถือเป็นสมบัติสาธารณะที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผู้สนใจสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยอิสระ เพื่อช่วยกันพัฒนาหรือเติมเต็มให้เป็นตัวแบบที่มีมาตรฐานและเกิดประโยชน์ต่อการจัดทำแผนพัฒนาที่มีคุณภาพ โดยผู้ใช้สามารถศึกษารายละเอียดการใช้ PCM Model อย่างลึกซึ้งเพิ่มเติมได้จากคู่มือ PCM Model ‘กล่องดวงใจการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์’ ที่ได้จัดทำขึ้นอีกฉบับหนึ่ง”

ต่อมาในเดือน มิ.ย. 2557 ผู้ว่าฯ เสรี ได้ย้ายมารับราชการที่ จ.บุรีรัมย์ จึงนำมาขยายผลให้เป็นรูปธรรมด้วยการจัดทำโครงการ “พลายบุรีรัมย์ สันติสุข 9 ดี” โดยใช้ BCM Model เป็นคู่มือการดำเนินโครงการ ซึ่งรายละเอียดของคู่มือนี้ผู้สนใจหาอ่านได้จากเว็บไซต์ จ.บุรีรัมย์

คณะผู้จัดทำโครงการนี้เชื่อว่า ปัญหาที่เกิดจากการพัฒนาประเทศ ได้แก่ ปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรม ปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาด้านการศึกษา ปัญหาความยากจน ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ ฯลฯ สามารถแก้ไขได้ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน

แนวคิดนี้ตรงกับทางราชการที่ได้จัดตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่สนองต่อนโยบายของรัฐบาลและรับผิดชอบการทำกิจกรรม ได้แก่ คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) และชุมชนเมือง (กชช.)

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาที่ตรงกับบริบทของแต่ละสังคมต้องมุ่ง “สร้างความเข้มแข็งให้กรรมการหมู่บ้านและชุมชนเมือง” และเป็นที่มาของ “ดีที่ 9 สร้างความเข้มแข็งคณะกรรมการหมู่บ้าน/ชุมชนเมือง”

จากการระดมความคิดของประชาชน ได้กำหนดคุณสมบัติสำคัญของกรรมการหมู่บ้าน 2 ประการ คือ เสียสละเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว และไม่มีความมุ่งหวังที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง

เมื่อได้กรรมการหมู่บ้านที่ดีแล้ว อาจไม่มีความรู้ในการวางแผนจึงต้องใช้ BCM Model เป็นคู่มือในการวางแผน โดยผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น และนักวิชาการในจังหวัด เป็นผู้สอนวิธีการวางแผนทำกิจกรรมให้กับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไปชี้แนะให้กับกรรมการหมู่บ้าน

บุคคลเหล่านี้จะไม่บอกว่า “ต้องทำอะไร” ปล่อยให้ชาวบ้านคิดเอง แต่จะแนะนำว่า “ทำอย่างไร” ในสิ่งที่อยากทำ โดยใช้ BCM Model เป็นแนวทางให้เกิดผลสัมฤทธิ์

การคิดในกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในหมู่บ้าน เริ่มจากคำถาม 2 ข้อ คือ “ปัญหาที่อยากแก้” และ “ความดีที่อยากทำ”

หลังจากดำเนินการเป็นเวลา 6 เดือน สามารถสรุปความดีที่ต้องทำและไม่ทำรวมเป็นธรรมนูญ 99 ข้อ สามารถจัดกลุ่มได้ 9 ความดี จึงเป็นที่มาของ “สันติสุข 9 ดี” ประกอบกันเป็นช้างพลายบุรีรัมย์ ดังนี้

ดีที่ 1 เป็นคนดี – เสมือน “หัวใจช้าง”

ดีที่ 2 มีปัญญา – เป็น “สมองช้าง”

ดีที่ 3 รายได้สมดุล – เป็น “งวงช้าง”

ดีที่ 4 สุขภาพแข็งแรง – เป็น “ลำตัวช้าง”

ดีที่ 5 สิ่งแวดล้อมสมบูรณ์ – เป็น “หางช้าง”

ดีที่ 6 สังคมอบอุ่น – เป็น “หลังช้าง”

ดีที่ 7 หลุดพ้นอาชญากรรม – เป็น “งาช้าง”

ดีที่ 8 กองทุนพึ่งพาตนเอง – เป็น “ท้องช้าง”

ดีที่ 9 สร้างความเข้มแข็งกรรมการหมู่บ้าน – เป็น “ขาช้าง” หรือฐานรากของจังหวัด

เมื่อช่วยกันแสวงหา “ความดี” ที่คนบุรีรัมย์จะยึดถือปฏิบัติแล้ว ปัญหาที่ตามมา คือ “ทำอย่างไรจึงจะมีการนำไปสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน” ซึ่งคำตอบ คือ ต้องสร้าง “ความเชื่อ” เพื่อให้ยึดถือจนเป็น “วิถีชีวิต”

ความเชื่อแรก เกิดขึ้นจากการค้นหาในประวัติศาสตร์พบว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เคยมาตั้งทัพเพื่อปราบปรามข้าศึกศัตรู จึงได้นำจุดนี้มารณรงค์ให้คนบุรีรัมย์ตระหนักว่า “เป็นลูกหลานของรัชกาลที่ 1 ต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประพฤติตนเป็นคนดี” พร้อมกับสร้างพระราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 เพื่อเป็นที่สักการะของคนบุรีรัมย์

ความเชื่อที่สอง รณรงค์ให้คนบุรีรัมย์คำนึงถึงการ “สร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน” ด้วยการยึดมั่นปฏิบัติตนตาม “ธรรมนูญหมู่บ้านสันติสุข 9 ดี” ที่ทุกคนร่วมกันคิดจากปัญหาที่เคยเกิดขึ้น โดยเชื่อว่า

“ธรรมนูญหมู่บ้านสันติสุข 9 ดี เป็นคัมภีร์สร้างอนาคตที่ดีให้ลูกหลาน ไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นเครื่องมือส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ เป็นหลักจริยศาสตร์ จารีตประเพณีที่ต้องปฏิบัติสืบเนื่องไปอย่างยั่งยืนและเป็นสัญญาประชาคมที่ทุกคน ทั้งภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจ/เอกชน และประชาชน จะต้องประพฤติปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”

ความเชื่อที่สาม สืบเนื่องจากคนบุรีรัมย์มีความเชื่อในบาปบุญคุณโทษเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงมีการสร้างศาลธรรมนูญประจำหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนได้ปฏิญาณตนเป็นคนดียึดมั่นในธรรมนูญหมู่บ้าน และสำนึกผิดขอขมาลาโทษเมื่อประพฤติตนฝ่าฝืนธรรมนูญหมู่บ้าน พร้อมกับให้สัญญาว่าจะไม่กระทำเช่นนั้นอีก

ในด้านกิจกรรมร่วมกัน คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เป็นแกนกลางในการร่วมกันปรึกษาหารือหาหนทางแก้ไขปัญหาของหมู่บ้านร่วมกัน และจัดทำแผนการปฏิบัติการตามหลักพัฒนาคุณภาพด้วยวงจรเดมมิ่ง (PDCA) ได้แก่ การวางแผน ทดลองปฏิบัติ ตรวจสอบประเมินผล และจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติ

9 เดือนของการเริ่มโครงการได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน จ.บุรีรัมย์ กว่า 1,000 หมู่บ้าน จาก 2,546 หมู่บ้าน ได้รับการประเมินผลความก้าวหน้าในระดับเป็นที่น่าพอใจ และจะดำเนินการขยายผลต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเสริมสร้างคุณธรรมความดีอย่างยั่งยืนทั่วทั้งจังหวัด

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ หลายหมู่บ้านเลิกประเพณีเลี้ยงสุราและเล่นการพนันในงานศพ เด็กแว้นที่เคยขับขี่มอเตอร์ไซค์สร้างความรำคาญให้ชาวบ้าน เปลี่ยนพฤติกรรมมาช่วยเป็นอาสาสมัครคุ้มครองหมู่บ้าน พ่อแม่หันมาเอาใจใส่กับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่เยาวชนร่วมกัน ฯลฯ

เมื่อวันที่ 24-25 ส.ค. 2558 จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ได้จัดงานสมัชชาคุณธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ “บุรีรัมย์เมืองสันติสุข 9 ดี” ณ หอประชุมศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำเสนอและพาชมหมู่บ้านที่ผ่านการประเมินในระดับ “ต้นแบบ” ที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้

ดีที่ 1 “เป็นคนดี” บ้านนาโพธิ์ ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์

ดีที่ 2 “มีปัญญา” บ้านโนนสำราญ ต.ถลุงเหล็ก อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

ดีที่ 3 “รายได้สมดุล” บ้านโคกเมือง ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

ดีที่ 4 “สุขภาพแข็งแรง” บ้านโนนสมบูรณ์ ต.สะแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

ดีที่ 5 “สิ่งแวดล้อมสมบูรณ์” บ้านระเบิกขาม ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

ดีที่ 6 “สังคมอบอุ่น” บ้านโปรงตึกพัฒนา ต.เมืองฝ้าย อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์

ดีที่ 7 “หลุดพ้นอาชญากรรม” บ้านเจริญสุข ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์

ดีที่ 8 “จัดตั้งกองทุนพึ่งตนเอง” บ้านสนวนนอก ต.สนวน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์

ดีที่ 9 “สร้างความเข้มแข็งคณะกรรมการหมู่บ้าน/ชุมชนเมือง” บ้านโคกพลวง ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดในงานวันนั้น คือ นายอำเภอ 4 คน เป็นวิทยากรแนะนำชาวบ้านเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาหมู่บ้านด้วย BCM Model อย่างเป็นกันเอง ซึ่งนับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของนักปกครอง

การพัฒนาชุมชนให้มีคุณธรรมเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คนบุรีรัมย์ได้เริ่มปฏิรูปตนเองแล้ว หวังว่าหน่วยงานของรัฐจะให้การสนับสนุนโครงการนี้จนบรรลุเป้าหมาย “จังหวัดคุณธรรม” อย่างยั่งยืน

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68