หนุ่มหล่อ ใฝ่ธรรมะ
ความสนใจของผู้ชายสมัยนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องแมนๆ อย่าง รถ กีฬา หุ่นโมเดลของเล่น หรือผู้หญิงหน้าตาสวยๆ เท่านั้น
โดย...พุสดี/กองทรัพย์
ความสนใจของผู้ชายสมัยนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องแมนๆ อย่าง รถ กีฬา หุ่นโมเดลของเล่น หรือผู้หญิงหน้าตาสวยๆ เท่านั้น แต่ผู้ชายสมัยนี้ยังหันมาสนใจเรื่องของธรรมะเพื่อเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะสมการของธรรมะไม่จำเป็นว่าต้องถือศีลหน้าดำคร่ำเคร่ง ต้องโกนหัว ออกบวชเพื่อบรรลุนิพพานถึงจะได้ชื่อว่าหนุ่มใจบุญ แต่การรู้จักน้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามานำทาง เป็นแสงสว่างของชีวิต ปฏิบัติธรรมบ้างตามโอกาส แค่นี้ก็นับว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่หัวใจใฝ่ธรรมะแล้ว
จากนี้คือนานาทัศนะจากสามหนุ่มหล่อที่เห็นประโยชน์จากการน้อมนำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันและอยากบอกต่อ
ธรรมะดึงไว้ไม่ให้เหลิง
เริ่มจาก แบรี่-ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกหนุ่มขวัญใจมหาชน ที่เรามักเห็นภาพเข้าวัดทำบุญ ปฏิบัติธรรม ผ่านอินสตาแกรมของคุณแม่แก้ว (สุดารัตน์ คูกิมิยะ) อยู่เสมอ ล่าสุดเจอณเดชน์ในงานเปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ “แอร์เอเชียบินคุ้ม คุณภาพครบ” ณเดชน์ถือโอกาสเฉลยถึงที่มาของฉายา “ณเดชน์ซุป’ตาร์สายบุญ” พระเอกหนุ่มยกความดีทั้งหมดให้แม่แก้ว ซึ่งเป็นผู้สั่งสอนและเบิกทางบุญให้ตั้งแต่เด็กด้วยการพาเข้าวัด สวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นประจำ
“ผมรู้สึกว่าถัดจากคุณแม่ ผมก็คงจะเป็นเจเนอเรชั่นต่อไป เป็นเจนวายที่จะเป็นสะพานบุญให้กับทั้งแฟนคลับ และผู้มีศรัทธาในพระธรรมคำสอน โดยส่วนตัวผมว่าการอยู่ใกล้กับพระธรรมไว้ ไม่ทำให้เราจมหรือเดือดร้อน เพราะแบบนี้คนก็เลยอาจจะเห็นผมค่อนข้างอารมณ์ดี ไม่หุนหันพลันแล่น สามารถปล่อยวางสิ่งไม่จำเป็นได้ง่ายมาก สิ่งที่เข้ามากระทบให้โมโหหรือไม่สบายใจ ก็ถือว่าคำกล่าวหาเหล่านั้นเหมือนอุจจาระที่ร่างกายต้องขับถ่ายออกเป็นปกติ ถ้าเราเก็บไว้ตัวเราเองนั่นแหละจะไม่สบาย”
ไม่เพียงแต่ใช้ความเป็นนักแสดงต่อยอดบอกบุญขยายไปถึงแฟนคลับเท่านั้น แต่ซูเปอร์สตาร์พันธุ์ข้าวเหนียวยังทำบุญในรูปแบบอื่นๆ เช่น จัดผ้าป่าโรงเรียน สร้างอาคารเรียน ห้องสมุด ให้กับสถานศึกษาที่ขาดแคลน ให้ทุนการศึกษากับน้องๆ ด้วยการรับอุปการะและส่งเสียให้เรียนต่อจนจบมีงานทำไปหลายคนแล้ว โดยณเดชน์บอกว่า จะให้ตามกำลังที่สามารถให้ได้ อย่างการอุปการะส่งเสียน้องให้เรียนหนังสือ เรามีกำหนดเวลาว่าจะส่งได้ถึงชั้นไหน ส่วนตัวมองว่าการให้โอกาสเพื่อให้เขาไปดูแลครอบครัวของเขาต่อเป็นสิ่งที่ยั่งยืนและดีกับชีวิตเขาด้วย
“ผมว่าหลายๆ คน ที่ตื่นเช้ามาใส่บาตร ไปไหว้พระทำบุญตามวันสำคัญ สิ่งเหล่านี้เป็นการปลูกฝังความยั้งคิด ถ้าเราทำอะไรที่ถูกต้องจนเป็นนิสัย เวลาทำสิ่งผิดจะรู้สึกละอายใจโดยอัตโนมัติ เมื่อนั้นแหละแสดงว่าธรรมได้กินใจเข้าไปแล้ว สำหรับผมเองก็ไม่ได้ดี 100% มีด้านมืดด้านสว่าง มีหลงระเริงตามโลกภายนอกบ้าง ความซ่าหรือเฮ้วมีอยู่แล้วตามวัย แต่ว่าเราจะอยู่อย่างไรให้เป็นเท่านั้นเอง ผมว่าการคิดดีเป็นการสร้างบุญให้กับตัวเอง การทำสิ่งดีๆ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเข้าวัดเสมอไป ถ้าเราคิดไตร่ตรองพิจารณาในสิ่งที่เราทำแล้ว อะไรถูกอะไรควรเราจะค้นพบด้วยตัวเอง ความสุขสงบก็จะตามมา” พระเอกใจบุญยิ้มกว้าง
ธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัว
แต๊งค์-พงศกร มหาเปารยะ อดีตนักแสดงวัยรุ่นชื่อดังที่เคยตัดสินใจลาสิกขาบทนานถึง 3 ปี บอกว่า ตั้งแต่ก่อนบวชตนไม่ได้แบ่งชัดเจนว่าอยู่คนละโลกของทางธรรม เพราะจริงๆ แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนเกี่ยวพันกันหมด พระสงฆ์ท่านก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแต่อาจจะต้องมีหลักปฏิบัติที่ไม่เหมือนคนธรรมดา
“สิ่งที่ผมคิดว่าแตกต่างมีเพียงเรื่องเดียวคือ ที่ผ่านมาตอนยังไม่ได้เข้ามาในโลกธรรมะ คือ เราไม่เคยเรียนรู้ ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งที่คำสอนของพระพุทธองค์เป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่เราเอามาปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ตัวผมเองจากเด็กที่ไม่เคยสวดมนต์ ไม่เคยเข้าวัด ดีที่ชอบขบคิดหาทางออกเวลาเพื่อนหรือคนรอบตัวเจอปัญหา เพราะมาเจอกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเลยเอามาปรับใช้ได้ไม่ยาก”
แต๊งค์ บอกว่า หลังจากเข้ามาศึกษาธรรมะ สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ มองเห็นตัวเองมากขึ้น ใจเย็นขึ้น รู้จักรอเวลา รู้ว่าบางครั้งคนเราไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้เองทั้งหมด
“ผมว่าธรรมะทำให้ผมรู้จักเจียมตัวมากขึ้น รู้ว่าเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องกันมา ทุกอย่างขึ้นกับธรรมชาติ เราต้องปรับตัวตามมันถึงจะอยู่รอด ทุกวันนี้ ผมไม่ได้มีแนวทางปฏิบัติที่แน่นอน พูดไปจะเรียกว่าอวดเก่งหรือไม่ ถ้าจะบอกว่าเราสำเร็จแล้ว แต่สำเร็จในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องบรรลุนิพพานแน่ๆ นะ แต่หมายถึงเรารู้แล้วว่าคำสอนคืออะไร เอามาปรับใช้อย่างไร ผมอาจจะไม่ได้นั่งสมาธิเป็นประจำ จะนั่งเวลาฟุ้งซ่านมากๆ ซึ่งเราทำได้เองที่บ้าน เพราะเรารู้วิธีการแล้วว่าจะนั่งอย่างไร อย่างสวดมนต์ ผมไม่กล้าพูดว่าทำทุกวัน แต่จะทำทุกครั้งที่นึกได้”
พูดถึงเด็กยุคใหม่กับการเข้าวัด แต๊งค์ บอกว่า เด็กสมัยนี้โชคดี มีโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นสื่อกลางให้ใกล้กับธรรมะมากขึ้น อย่างน้อยก็มีคนเอาหลักธรรมดีๆ มาแชร์ตามโลกออนไลน์ คนที่ไปทำบุญมาก็เอาบุญมาฝากกันในโลกออนไลน์
“ผมดีใจที่เห็นเด็กสมัยนี้ทำบุญแล้วมาบอกต่อกันในโลกออนไลน์ มีการอนุโมทนาบุญกันต่อ ซึ่งผมเองตอนเป็นเด็กวัยรุ่นยังไม่รู้เลยว่า การอนุโมทนาบุญคืออะไร แต่เด็กสมัยนี้รู้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งเด็กสมัยนี้โตเร็ว มีความรัก เข้าสังคมเร็วขึ้น การมีธรรมะในจิตใจ อย่างน้อยก็เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเวลาต้องเจอปัญหาในชีวิต”
เดินหน้าสร้างกองบุญ
อาร์ท-พิพัฒน์ ธัญญกิจ นายแบบโฆษณาและนักแสดงอิสระ คืออีกหนึ่งหนุ่มที่ใฝ่ธรรมะ อาร์ทบอกว่าถ้ามีเวลาช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะไปปฏิบัติธรรม เดินจงกรม ที่ จ.ระยอง เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยส่วนใหญ่ถ้าไม่ไปกับคุณแม่ หรือเพื่อน ก็ไปคนเดียว โดยเขามุ่งมั่นที่จะส่งกองบุญที่ทำให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับและเจ้ากรรมนายเวร
“จุดเริ่มต้นที่ผมไปปฏิบัติธรรม คือ คุณแม่ ท่านมักพาไปปฏิบัติธรรมที่วัดประจำที่ จ.ระยอง ด้วยความที่คุณปู่ของผมเองก็เป็นเจ้าอาวาสบวกกับตั้งแต่เด็กคุณย่าจะสอนให้ผมสวดมนต์ สวดอิติปิโส คาถา
ชินบัญชรมาตลอด ผมเลยได้ซึมซับและรู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว จนทุกวันนี้ ผมก็มีไปทำวัตรเย็น ปล่อยนกปล่อยปลา จนเป็นหนึ่งในกิจกรรมยามว่างของผม”
อาร์ทบอกว่า สำหรับเขาการพาตัวเองมาอยู่ในโลกของพระธรรม การปฏิบัติธรรมต่างๆ ไม่ได้ทำเพราะคิดว่าเราจะได้อะไรตอบแทน แต่ทำเพราะรู้สึกดีกับสิ่งที่ทำ ทำแล้วรู้สึกมีแต่สิ่งดีเข้ามาในชีวิต ยิ่งหลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งมีโอกาสบวชเรียนมาเมื่อปลายปีที่แล้ว การบวชครั้งนั้นยิ่งทำให้เขาซาบซึ้งในโลกของพระธรรม
“ผมเพิ่งบวชเป็นเวลา 1 เดือน การบวชพาผมไปสู่โลกของพระธรรมที่ผมไม่เคยได้ศึกษามาก่อน นั่นคือ การฟังเทศน์ ฟังธรรม อ่านหนังสือธรรมะ ศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนา และศึกษาเรื่องนรกสวรรค์ การที่ได้ศึกษาธรรมะ ทำให้ผมได้ประโยชน์มาก อย่างน้อยก็ทำให้ผมใจเย็น คิดอะไรก่อนที่จะทำ มีสติ ผมรู้สึกว่าเวลาผมทำอะไรผิด กรรมจะตามสนองผมเร็วมาก ยกตัวอย่าง ถ้าผมโกหกใคร วันรุ่งขึ้นก็จะเจอกับเรื่องไม่ดีทันที อย่างสมมติผมโกหกว่าท้องเสีย พรุ่งนี้ผมก็ท้องเสียเลย”
อาร์ทยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ความสุขใจจากการพาตัวเองเข้ามาศึกษาพระธรรมคือ นอกจากจะได้ประโยชน์ในฐานะผู้รับ เขายังมีโอกาสบอกต่อสิ่งดีๆ นี้ไปสู่คนรอบตัว แรกๆ เขาอาจเป็นฝ่ายชวนเพื่อนไปทำบุญ ปฏิบัติธรรม แต่หลังจากเพื่อนๆ เห็นว่าทำแล้วดียังไง ก็ไปทำต่อกันเอง ซึ่งก็เหมือนเขาได้มีส่วนส่งต่อสิ่งดีๆ ให้คนอื่นซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ


