posttoday

ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นดินแดนลี้ลับมาช้านาน

27 กันยายน 2558

ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก มีขนาดประมาณ 1 ใน 4 ของโลก เราเห็นดวงจันทร์ได้เพียงด้านเดียว

โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด

ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก มีขนาดประมาณ 1 ใน 4 ของโลก เราเห็นดวงจันทร์ได้เพียงด้านเดียว เนื่องจากดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองด้วยคาบการหมุนเท่ากับคาบการโคจรรอบโลก ซึ่งยาวนานประมาณ 27.3 วัน เมื่อเทียบกับดาวฤกษ์ที่อยู่ไกล

บางครั้งพื้นผิวของดวงจันทร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่เห็นจากโลกถูกเรียกว่าด้านมืด ซึ่งน่าจะหมายถึงด้านที่ไม่รู้จัก แต่หากคำว่าด้านมืดถูกแปลว่าด้านกลางคืนก็ไม่ถูกต้อง เพราะด้านกลางคืนและด้านกลางวันของดวงจันทร์ก็หมุนเวียนไปเหมือนกับด้านกลางวัน-กลางคืนของโลก แต่ด้วยระยะเวลาที่นานกว่า เวลากลางวันหรือกลางคืนบนดวงจันทร์ยาวนานประมาณ 2 สัปดาห์ หรือครึ่งหนึ่งของดิถีจันทร์ที่ยาวนาน 29.5 วัน

เราเรียกดวงจันทร์ด้านที่หันเข้าหาเราว่าด้านใกล้ ส่วนด้านตรงกันข้ามเรียกว่าด้านไกล ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นดินแดนลี้ลับมาช้านาน จนกระทั่งมีการส่งยานอวกาศไปวนรอบดวงจันทร์เมื่อปี 2502 ยานลูนา 3 ของสหภาพโซเวียตเป็นยานอวกาศลำแรกที่ถ่ายภาพความละเอียดต่ำของด้านไกลมาให้เราเห็นเป็นครั้งแรก และมียานลำอื่นถ่ายภาพความละเอียดสูงกลับมาอีก จนสามารถทำแผนที่ดวงจันทร์ครอบคลุมพื้นผิวเกือบทั้งหมด จากนั้นมนุษย์กลุ่มแรกบนยานอะพอลโล 8 ของสหรัฐอเมริกาเห็นพื้นผิวด้านไกลของดวงจันทร์ด้วยตาของตัวเองเป็นครั้งแรกในปี 2511

ความแตกต่างอันเด่นชัดระหว่างด้านทั้งสองของดวงจันทร์ คือด้านใกล้มีหลุมน้อยกว่าด้านไกล ดวงจันทร์ด้านที่เราเห็นมีพื้นที่ราบเป็นบริเวณกว้าง พื้นที่ราบนี้เรียกว่ามาเร (mare) เป็นภาษาละตินที่แปลว่าทะเล ซึ่งแท้จริงเชื่อว่าเกิดจากลาวาที่ท่วมจนกลบหลุมที่เคยมีอยู่เป็นจำนวนมากในด้านใกล้ของดวงจันทร์ งานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้คาดว่าสาเหตุที่ทำให้ด้านใกล้มีลาวาท่วมอาจย้อนไปตั้งแต่ยุคที่ดวงจันทร์ก่อตัวหลังดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ชนโลก ดวงจันทร์ด้านที่หันเข้าหาโลกได้รับความร้อนจากโลกเป็นเวลานาน ทำให้เย็นตัวลงช้ากว่าด้านไกล

รัสเซียถ่ายภาพด้านไกลของดวงจันทร์ได้เป็นชาติแรก ทำให้หลุมต่างๆ ที่ค้นพบเป็นครั้งแรกบนด้านไกลของดวงจันทร์ถูกตั้งชื่อโดยชาวรัสเซียตามบุคคลสำคัญของชาติ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการตั้งชื่อสิ่งต่างๆ ทางดาราศาสตร์ของสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลก็ยังคงหลายชื่อไว้ตามเดิม เช่น หลุมกาการิน (นักบินอวกาศคนแรกของโลก) หลุมเมนเดเลเยฟ (นักเคมี) เป็นต้น บางโอกาสเราเห็นพื้นผิวบางส่วนของด้านไกลได้ เนื่องจากดวงจันทร์มีการแกว่งเล็กน้อย ทำให้ริมขอบด้านไกลโผล่ออกมาให้สังเกตได้เป็นบางช่วง ปัจจุบันเราทราบการเคลื่อนไหวของดวงจันทร์อย่างละเอียด การแกว่งนี้สามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ

ด้านไกลของดวงจันทร์ไม่เคยมียานอวกาศไปลงจอดมาก่อน สัปดาห์ที่แล้ว จีนประกาศแผนจะนำยานฉางเอ๋อ 4 ไปลงจอดบนด้านไกลของดวงจันทร์ก่อนปี 2563 จีนประสบความสำเร็จมาแล้วในการนำยานฉางเอ๋อ 3 ไปลงแตะพื้นผิวดวงจันทร์อย่างนุ่มนวลเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2556 โดยปล่อยรถสำรวจ 6 ล้อ ชื่ออวี้ทู่ไปแล่นบนดวงจันทร์ หากฉางเอ๋อ 4 ทำสำเร็จ จีนจะเป็นชาติแรกของโลกที่นำยานอวกาศไปลงสำรวจบนพื้นผิวด้านไกลของดวงจันทร์

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (27 ก.ย.-4 ต.ค.)

ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์สว่างเพียงดวงเดียวที่เห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่าบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ ปรากฏอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวคันชั่ง ซึ่งกลุ่มดาวนี้มีดาวสมาชิกที่ไม่สว่างนัก จึงใช้กลุ่มดาวแมงป่องซึ่งอยู่ติดกันเป็นจุดสังเกตที่ง่ายกว่า เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด ดาวเสาร์อยู่สูงเหนือขอบฟ้าประมาณ 30 องศา จากนั้นเคลื่อนต่ำลง ตกลับขอบฟ้าราว 3 ทุ่มเศษ

ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี อยู่บนท้องฟ้าในเวลาเช้ามืด ดาวเคราะห์สว่างทั้งสามดวงอยู่ในกลุ่มดาวสิงโตทางทิศตะวันออก ดาวศุกร์อยู่สูงและสว่างที่สุด ดาวอังคารอยู่ต่ำลงไป ดาวพฤหัสบดีอยู่ต่ำที่สุด ดาวที่อยู่ระหว่างดาวศุกร์กับอังคารคือดาวหัวใจสิงห์ ซึ่งเป็นดาวสว่างในกลุ่มดาวสิงโต หากท้องฟ้าเปิดให้สังเกตได้ทุกวันจะพบว่าดาวเคราะห์ทั้งสามเคลื่อนเข้าใกล้กันมากขึ้น เกาะกลุ่มกันอย่างชัดเจนตลอดช่วงครึ่งหลังของเดือน ต.ค.

จันทร์เพ็ญในวันที่ 28 ก.ย. เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงซึ่งไม่สามารถสังเกตได้จากประเทศไทย เนื่องจากเกิดในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเวลากลางวัน (ดวงจันทร์เพ็ญปรากฏบนท้องฟ้าเวลากลางคืนเท่านั้น) หลังจากนั้นเข้าสู่ข้างแรม ดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดและมีสัดส่วนของด้านสว่างลดลงทุกวัน เช้ามืดวันที่ 3 ต.ค. ดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวอัลเดบารันในกลุ่มดาววัว จากนั้นดวงจันทร์จะสว่างครึ่งดวงในต้นสัปดาห์ถัดไป สถานีอวกาศนานาชาติเป็นวัตถุที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยปรากฏคล้ายดาว แต่เคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้า สัปดาห์นี้สถานีอวกาศนานาชาติผ่านเหนือท้องฟ้าให้เห็นได้หลายครั้ง ที่น่าสนใจมีดังนี้

เช้ามืดวันอังคารที่ 29 ก.ย. ขณะท้องฟ้าสว่างขึ้นพอสมควรแล้ว กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงเริ่มเห็นสถานีอวกาศเวลา 05.46 น. ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางขวา ถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่มุมเงย 44 องศา ในเวลา 05.50 น. สถานีอวกาศผ่านใกล้ดาวศุกร์ แล้วเคลื่อนต่ำลงไปสิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 05.53 น.

ค่ำวันอังคารที่ 29 ก.ย. เริ่มเห็นสถานีอวกาศเวลา 19.03 น. ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่มุมเงย 44 องศา ในเวลา 19.06 น. แล้วเคลื่อนต่ำลง เข้าสู่เงามืดของโลกทางทิศตะวันออกในเวลา 19.07 น. ที่มุมเงย 31 องศา

เช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 1 ต.ค. ขณะท้องฟ้าสว่างขึ้นพอสมควร เริ่มเห็นสถานีอวกาศเวลา 05.38 น. ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ผ่านใกล้ดวงจันทร์ แล้วถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่มุมเงย 40 องศา ในเวลา 05.41 น. จากนั้นเคลื่อนต่ำลงไปสิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศใต้ในเวลา 05.45 น.

ค่ำวันพฤหัสบดีที่ 1 ต.ค.เริ่มเห็นสถานีอวกาศเวลา 18.54 น. ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางขวา ถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่มุมเงย 40 องศา ในเวลา 18.58 น. แล้วเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเวลา 19.01 น.

เช้ามืดวันศุกร์ที่ 2 ต.ค. เริ่มเห็นสถานีอวกาศขณะออกจากเงามืดของโลกในเวลา 04.49 น. ทางทิศเหนือที่มุมเงย 52 องศา จากนั้นเคลื่อนไปทางขวา ถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่มุมเงย 65 องศา แล้วเคลื่อนต่ำลงไปสิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 04.53 น.

ข่าวล่าสุด

กนง. เปิดเกมผ่อนคลายเต็มรูปแบบ ดอกเบี้ยขาลงรับเศรษฐกิจแผ่ว จับตาลดอีกเหลือ 1.0% ต้นปี 2569