posttoday

มื้อบรันช์หรรษา สไตล์สแปนิช-เม็กซิกัน

18 กันยายน 2558

คนสเปนชอบกินและชื่นชอบอาหารของชาติตัวเอง อีกทั้งยังเป็นชาติที่กินเยอะมากเป็นปกติ

โดย...ปณิฏา สุวรรณปาล 

คนสเปนชอบกินและชื่นชอบอาหารของชาติตัวเอง อีกทั้งยังเป็นชาติที่กินเยอะมากเป็นปกติ พวกเขาใช้เวลานานในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ แถมมีมื้ออาหารมากกว่าชาติใดในโลก พวกเขาชอบเดินระหว่างรับประทานอาหาร จึงไม่แปลกที่อาหารจานเอกของพวกเขาคือ ทาปาส อาหารแนวฟิงเกอร์ฟู้ดที่เลือกรับประทานได้หลากหลาย ที่ทำให้เขาเดินไปกินไปได้ แถมยังเดินเข้าเดินออกไปชิมได้อีกหลายร้าน

โดยปกติมื้อเช้าของชาวสเปน หรือที่เรียกว่า เอล เดซายูโน (El Desayuno) มักจะเป็นมื้อเล็กๆ ที่มีเพียงแค่กาแฟร้อนเข้มๆ ใส่นม (Cafe con Leche) กินคู่กับโบยอส (Bollos) ขนมปังสอดไส้รสหวานๆ ไม่ก็ขนมปังปิ้งกับเนยหรือแยม ไม่ก็ขนม “มารีอา” (Maria) ง่ายๆ คือแครกเกอร์จุ่มนมร้อนๆ บางบ้านก็ขนมมักดาเลนาส (Magdalenas) ที่หน้าตาเหมือนเค้กกล้วยหอมชิ้นเล็กๆ บ้านเรา แต่รสชาติออกเปรี้ยวหวาน ด้วยส่วนผสมของน้ำตาลกับมะนาว

มื้อบรันช์หรรษา สไตล์สแปนิช-เม็กซิกัน

 

มื้อเช้าแบบนี้คนสเปนมักกินกันที่บ้านก่อนไปทำงานหรือเรียนหนังสือ แต่ก็อาจเห็นพวกเขาแวะเข้าร้านกาแฟไปกินอะไรอีกกรุบกริบเวลา 10.00 น. โดยเรียกว่าเป็นมื้อกาแฟยามสาย

ก่อนจะไปถึงมื้อกลางวัน คนแดนกระทิงยังมีมื้อทาปาส (Tapas) อีก เรียกว่าเป็นทาปาสก่อนบ่าย ที่มีทั้งฟิงเกอร์ฟู้ดสไตล์สเปนทั้งแบบเย็นและแบบร้อน ส่วนใหญ่จะเน้นใช้ส่วนผสมประจำถิ่น อีกทั้งตามฤดูกาล มื้อทาปาสมีอีกครั้งก่อนจะถึงมื้อเย็น โดยพฤติกรรมของชาวสเปนเป็นลักษณะบาร์ฮอปปิ้ง คือเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ชิมทาปาสจับคู่กับไวน์ นอกจากเป็นทาปาสและไวน์เทสติ้งแล้ว ยังเป็นการเข้าสังคมอย่างหนึ่งด้วย

มื้อบรันช์หรรษา สไตล์สแปนิช-เม็กซิกัน

 

ลา โกมิดา (La Comida) มื้อกลางวันของชาวสเปน คือมื้อใหญ่ที่สุดแห่งวัน ส่วนใหญ่ชาวเมืองกระทิงจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงทีเดียวในมื้อกลางวัน ส่วนใหญ่แบ่งเป็นหลายคอร์ส เสร็จแล้วก็ปิดท้ายด้วยการพักผ่อนนอนหลับยามบ่าย (Siesta) ที่ส่วนใหญ่จะเริ่มเวลาบ่าย 2 ไปจนถึง 4-5 โมงเย็นนู่นเลย กิจการร้านค้าทุกสิ่งจะปิดหมด ตั้งแต่โรงเรียนไปจนถึงสถานที่ราชการเลย แม้ว่าในบางเมืองใหญ่ๆ จะเริ่มเปลี่ยนวัฒนธรรมนี้ไปบ้างแล้ว แต่มื้อกลางวันก็ยังสำคัญที่สุดอยู่นั่นเอง

สเปนยังมีมื้ออาหารว่าง ลา เมเรียนดา (La Merienda) คือ เวลา 5-6 โมงเย็นนี่ พวกเขายังไม่กินข้าวเย็นกันหรอกนะ หลังจากกินกลางวันแบบเต็มสตีม เสร็จราวๆ บ่าย 3 กว่าๆ ตื่นมาจาก
เซียสตาก็ต้องซัดของว่างก่อน หน้าตาอาจจะคล้ายๆ ทาปาส แต่ไม่ใช่เมนูที่ต้องปรุงแบบจริงจัง หากเป็นแบบง่ายๆ อย่างขนมปังฝรั่งเศส (บาแกตต์) ทาด้วยช็อกโกแลต หรือโปะด้วยโชริโซ แฮม ไม่ก็ซาลามี

มื้อบรันช์หรรษา สไตล์สแปนิช-เม็กซิกัน

 

ลา เซน่า (La Cena) มื้อดินเนอร์ของพวกเขายังจะไม่เสิร์ฟในอีก 3-4 ชั่วโมงถัดมา เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวว่าชาวสเปนจะกินมื้อค่ำไม่ลง หลังมื้อสแน็กแล้ว หนุ่มสาวนักสังสรรค์ยังมีเวลาไปบาร์ฮอปปิ้งชิมทาปาสก่อนจะปิดท้ายวันแบบดึกมากกับมื้อค่ำ ที่บางคนกินไปถึงเที่ยงคืนยังไม่จบ (แม่เจ้า) โดยมื้อค่ำของชาวสเปนกลับเป็นมื้อง่ายๆ ประมาณอาหารจานเดียวบ้านเรา เช่น ข้าวผัดสเปน (Paella) หรือข้าวขาวโปะหน้าด้วยอาหารทะเล หรือไข่เจียวราดซอสมะเขือเทศ

หลังดินเนอร์ชาวแดนกระทิงยังไม่นอน บางคนซ้ำทาปาสได้อีก หรือไปเที่ยวผับบาร์ ไม่ก็อยู่แถวบาร์ชูโรส (Churros) เพื่อหม่ำขนมจิ้มช็อกโกแลตร้อนๆ ก่อนนอนหลับฝันดี

ชาวสเปนเลิฟการกินขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่มื้อบรันช์วันสุดสัปดาห์ (วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-15.00 น.) ของร้านอาหารสเปนเอล โอสิโต (El Osito) ย่านเพลินจิต (ซอยข้างมหาทุนพลาซ่า) ถึงได้อลังการงานสร้างเสียขนาดนั้น นอกจากเสิร์ฟในร้านอาหารสเปนแล้ว ยังเลยไปเสิร์ฟ ณ ร้านอาหารเม็กซิกันลา โมนิต้า (La Monita) ที่อยู่ข้างๆ กันด้วย จึงกลายเป็น “ลาติโน บรันช์” (Latino Brunch) ด้วยประการฉะนี้

มื้อบรันช์หรรษา สไตล์สแปนิช-เม็กซิกัน

 

บรันช์ 5 ชั่วโมงบ่งบอกวัฒนธรรมการกินของสเปนเป็นอย่างดี โดยงานนี้ได้เชฟชาวเยอรมัน อย่างเชฟดาเนียล บูเชอร์ มาสร้างสรรค์อาหารชวนกิน ที่มีให้เลือกตั้งแต่ Duck Egg Skillet, Sausage Madness, Homemae Sausages, Grill Tomatoes ไข่เป็ดกระทะเหล็ก เสิร์ฟพร้อมไส้กรอกเลือด และไส้กรอกโฮมเมด กับมะเขือเทศย่าง สีสันชวนรับประทาน

มาชิมกันต่อที่ Huevo con Jamon, Onsen Egg with Iberico Ham Flakes ไข่ออนเซ็นกับแฮมอิเบริโกกรอบเสิร์ฟมาถ้วยแก้วแบบเก๋ไก๋ กลิ่นหอมน่ากิน ค่อยๆ เคี้ยวก่อนเลี้ยวมาที่ Egg Florentina, Poached Egg, Spinach, Grilled Mushrooms with Chipotle Cream จานไข่สไตล์เม็กซิกัน ชิมเทียบกับจานคู่แฝด Egg Benedicto, Poached Egg, Mexican and Spanish Chorizo with Chipotle Cream ไข่ดาวน้ำสุกเป็นลาวากำลังดี โดยจานหลังได้รสชาติเข้มข้นขึ้นมาอีกนิด ด้วยความจัดจ้านของโชริโซ

จานไฮไลต์ยังมีจานเม็กซิกัน อย่าง Enchilada Suiza, Chicken, Cheese, Scramble Egg with Tomatillo Salsa นอกจากนี้ ยังมีเมนูแบบอะลาคาร์ตอีกมากมาย

มื้อบรันช์หรรษา สไตล์สแปนิช-เม็กซิกัน

 

ใครชอบคอแห้งระหว่างมื้อบรันช์ เอล โอสิโต และลา โมนิต้า ยังได้สร้างสรรค์ค็อกเทลเอาไว้ให้ลิ้มลอง (และแก้คอแห้ง ฮ่าๆ) มีตั้งแต่รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ อย่าง Fresco ที่มีส่วนผสมของมาร์ติน มิลเลอร์ส คอนโทร น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะนาว และใบไทม์ เครื่องดื่มรสออกแนวซ่าๆ Messy Boy ที่ประกอบไปด้วย มาร์ติน มิลเลอร์ส น้ำแอปเปิ้ล ข่า และโรสแมรี่ หรือเน้นดื่มเพื่อสุขภาพดีกับค็อกเทลที่เต็มไปด้วยสมุนไพร Jamaican Cherry ที่มี มาร์ติน มิลเลอร์ส มะเขือเทศ น้ำมะนาว น้ำแอปเปิ้ล เชอร์รี่จาไมกัน และใบไทม์

ครัวของที่ เอล โอสิโต เป็นครัวเปิด ระหว่างรับประทานจะทำตัวแบบชาวสเปน คือ กินไปเดินไปก็ได้ เดินเข้าครัวไปทักทายเชฟ ดูวิธีการปรุงอาหาร หรือขอชิมนู่นชิมนี่ก็ลองถามเชฟดาเนียลดูได้ จะระหว่างยังกินของคาวไม่เสร็จ หรือระหว่างรอของหวานที่ต้องห้ามพลาดก็ได้

มื้อบรันช์หรรษา สไตล์สแปนิช-เม็กซิกัน

 

ปิดท้ายกันด้วยของหวานสไตล์สแปนิชและเม็กซิกันแท้ๆ ตั้งแต่ Choco Flan ขนมชิ้นจิ๋วที่เสิร์ฟมากับโฟมเสาวรส Churros Waffles ชูโรสในรูปแบบวาฟเฟิลที่กินแล้วเบรกแทบไม่อยู่ Chocolate Brownie with Coconut Ice Cream บราวนี่สุดเข้มข้น เข้ากับไอศกรีมมะพร้าวหอมหวาน ฯลฯ

ลาติโน บรันช์ ยังเสิร์ฟเครื่องดื่มจิบคู่กับเมนูหวานๆ แสนบรรเจิดด้วย ตั้งแต่ Butter Cube ค็อกเทลที่มาในรูปแบบเจลลี่ ส่วนผสมของสโตลิชนายาวอดก้า ครีม เดอ คาเคา บัตเตอร์สกอตช์ กาแฟเอสเปรสโซ่ และนม Mexican Coffee ที่ใช้กาแฟดาร์กโรสต์ชงแบบเฟรนช์เพรส เติมเหล้ารสกาแฟและอัลมอนด์อบ มาใช้จุ่มชูโรสกินได้อย่างเนียนๆ ส่วน Earl’s Pride คือค็อกเทลเนียนๆ ที่มี มาร์ติน มิลเลอร์ส น้ำเชื่อมรสชาเอิร์ลเกรย์ น้ำผึ้ง เอลเดอร์ฟลาวเวอร์ น้ำมะนาว โรยหน้าด้วยผงซินนามอนไปชิม ลาติโน บรันช์ ได้ทุกวันสุดสัปดาห์ (วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-15.00 น.) ที่ร้านอาหารสเปนเอล โอสิโต และร้านอาหารเม็กซิกัน ลา โมนิต้า(ซอยข้างมหาทุนพลาซ่า) ตลอดเดือน ก.ย.นี้ มีโปรโมชั่นพิเศษ กิน 5 จานฟรี สำหรับลูกค้า 10 คนแรกที่มาถึงร้านในแต่ละวัน โทร. 02-650-9581 และ 02-651-4399

ข่าวล่าสุด

ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลกอีกครั้ง หลังเหตุฟุกุชิมะ 15 ปี