‘ชาคริต ทีปกรสุขเกษม’ มุมชีวิตที่เหลือจากงานคือครอบครัว
“ชาคริต ทีปกรสุขเกษม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป
โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง
“ชาคริต ทีปกรสุขเกษม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ที่เขาและหุ้นส่วนได้ช่วยกันก่อตั้งขึ้นมาได้สัก 2-3 ปี อยู่ในช่วงที่กำลังรอการเติบโตตามงานการก่อสร้างในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
ประสบการณ์ของผู้บริหารหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) ที่เป็นแกนหลักช่วยที่บ้านในการดูแลบริษัทพร้อมนำ CCP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก่อนที่ตัดสินใจมาทำธุรกิจของตัวเอง
เขาเป็นคนชอบและเชื่อมั่นในการทำงานแต่ละชิ้นที่ออกมา ทั้งจากความรู้ที่เรียนจบมาทางด้านปริญญาตรี สาขาการเงินและการธนาคาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทำให้เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำให้เกิดต้นทุน การบริหารจัดการที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ช่วงที่เขาทำงานให้กับที่บ้าน ก็เหมือนเป็นหลักสูตรการเรียนชั้นครูที่ทำให้เขาได้รู้จักการเรียนรู้และการแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เขามีแบบฟอร์ม มองเห็นข้อดีหรือข้อจำกัดอะไรบ้างที่ควรทำ จึงเหมือนว่าบริษัทที่ออกมาทำเอง ไม่ได้เริ่มต้นงานใหม่ทั้งหมดทีเดียว
“ผมเป็นคนที่ชอบทำงาน กระตือรือร้นมาก กลางวันก็พยายามทำงานของตัวเองให้เสร็จ พยายามปิดงานติดต่อลูกค้า อะไรที่ต้องแก้ไข ประสานงานให้เสร็จในช่วงกลางวัน กลางคืนก็จะกลับมานั่งตอบอีเมล คิดงาน คิดไปเรื่อย เหมือนต่อภาพเป็นจิ๊กซอว์ตลอดเวลา เพราะชอบที่จะคิดอะไรที่ต่อเนื่อง รู้สึกสนุกและมีความสุขกับงานที่ทำ จึงทำให้เราเหมือนไม่รู้สึกเครียดเลย”
แม้เหมือนชีวิตชอบการทำงานตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ เช้าหรือดึกขนาดไหน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการตีรถมางานเช้าจากชลบุรี หรือกลับไปนอนที่บ้านชลบุรีอยู่ทุกวัน เพราะเขารู้สึกว่ายังไงก็ต้องกลับบ้านไปเจอหน้าคนในครอบครัว
เวลาว่างทุกครั้งที่มีก็เลือกที่จะไปกับสมาชิกของครอบครัวเป็นหลัก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะพยายามใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากที่สุด หรือถ้ามีเวลาให้ตัวเองก็จะมีเวลาดูเฟซบุ๊ก หรือติดตามเพื่อนๆ ว่าทำอะไรกันบ้าง
ปัจจุบันเขามีลูกชายสองคนคือ “กฤติธี ทีปกรสุขเกษม” หรือ “เผยเต๋อ” อายุ 8 ขวบ และ “กันตธีร์ ทีปกรสุขเกษม” หรือ “เผยซิน” อายุ 6 ขวบ ที่จะไม่นิยมให้ลูกดูโทรทัศน์
เขาบอกว่า มันสำคัญนะกับการที่พ่อหรือแม่แม้จะมีงานข้างนอกบ้านเยอะขนาดไหน สิ่งจำเป็นมากที่สุดคือ การมีเวลาได้ใกล้ชิดกับลูก มากกว่าที่จะให้เขาไปสนใจหรือมีเวลาดูโทรทัศน์ ซึ่งมันไม่ดีต่อสมาธิและการพัฒนาสมองเขา อย่างน้อยก็ควรมีสิ่งที่สร้างสรรค์กว่านั้นหยิบยื่นให้ลูก เช่น เลโก้ ซึ่งจะช่วยพัฒนาการให้เขามีจินตนาการหรือมีความคิดที่สร้างสรรค์ หรือไม่เราก็มีเวลาไปช่วยกันต่อเลโก้กับลูกๆ ได้
นอกจากนั้น เขาปลูกฝังเรื่องการออมเงิน การใช้เงินกับลูกด้วย รวมถึงพาเด็กๆ ไปดูเราทำงานที่ออฟฟิศ ถ้าวันไหนที่ต้องมีการติดต่องานหรือเข้าออฟฟิศประมาณครึ่งวัน เพื่อเขาจะได้เห็นว่าพ่อแม่ต้องทำงาน ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ จะมีเงินมาให้เขาได้เรียนหรือได้ใช้ เชื่อว่าเด็กจะเห็นและเข้าใจจากสิ่งที่เป็นแบบอย่างให้ดู ซึ่งเป็นพื้นฐานการสอนให้รู้จักการมีเหตุและผล
“ชาคริต” เชื่อว่า ถ้าไม่สอนเรื่องพื้นฐานให้ แต่กลับสอนให้รู้แค่เพียงว่า เกิดมาพ่อแม่มีพร้อม อย่างนั้นถือว่าสอนลูกไม่ดี เพราะเขาจะไม่มีความพยายามในการใช้ชีวิตหรือการทำงาน เช่นเดียวกัน ถ้าสอนให้เขาได้รู้จักความยากลำบาก วันหนึ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุในชีวิตขึ้นมา เขาก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาและผ่านพ้นมันไปได้
สถานที่ที่ครอบครัวเลือกไปบ่อยๆ ที่สุดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานั่นคือ เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน เพราะเป็นบ้านเกิดของภรรยา “ซือ หยวน หวาง” หรือ “คาเรน” ซึ่งอย่างน้อยจะไปปีละ 2 ครั้ง ไปที่นั่นก็จะมีเวลาเดินเที่ยวเล่นกันสนุกสนาน อาจเป็นเพราะได้ใช้เวลากับภรรยาและลูกๆ อย่างเต็มที่ก็เหมือนเป็นการพักผ่อนและชาร์จแบตเต็มที่ เพราะไม่ต้องขับรถมาทำงานหรือพบลูกค้าหรืออะไร อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมหรือบรรยากาศเปลี่ยน ก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้มีการทำงาน


