เสาวลักษณ์ อำนาจเกษม เป็นอะไรก็ได้ขอให้เป็นคนดี
สาวน้อยบุคลิกทะมัดทะแมงแก่นเซี้ยวแบบทอมบอย รูปร่างเล็กๆ หน้าตาเป็นตี๋น้อยน่ารัก กิ๊บ-เสาวลักษณ์ อำนาจเกษม
โดย...อณุสรา ทองอุไร/วิภาคย์ พูนพันธุ์ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
สาวน้อยบุคลิกทะมัดทะแมงแก่นเซี้ยวแบบทอมบอย รูปร่างเล็กๆ หน้าตาเป็นตี๋น้อยน่ารัก กิ๊บ-เสาวลักษณ์ อำนาจเกษม เป็นนักศึกษาวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต เรียนไปทำงานไปเลยจบช้า ก่อนหน้านั้นไปเรียนกราฟฟิกดีไซน์อยู่ 3 ปี แต่พบว่าไม่ใช่ เลยเลือกทางใหม่ในสายดนตรีควบคู่กับการเรียนบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงไปพร้อมๆ กัน เลยจบช้าไปสักนิด แต่ไม่เป็นไร ประสบการณ์ชีวิตก็สำคัญไม่แพ้กัน แม้จะช้าแต่ชัวร์ก็ยังดีกว่า แต่กิ๊บ บอกว่า ปีนี้ต้องจบแน่ๆ ตั้งใจไว้แล้ว
ดังนั้น ในวัย 26 ปี ถือว่ามีประสบการณ์แน่น ทั้งโลกในมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยชีวิต เธอบอกว่า ไม่คิดจะทำงานที่ไหน เพราะอยากจะช่วยธุรกิจที่บ้าน ที่ทำธุรกิจกับตัวแทนจำหน่ายและขายส่งอะไหล่รถมอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ยังสนใจเรื่องอาหารสุขภาพ ซึ่งเธอกำลังทำน้ำพริกเห็ดหอมกับน้ำนมถั่วเหลืองผสมถั่วดำ กำลังสร้างแบรนด์อย่างจริงจังอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าหลังจากเรียนจบก็คงจะมาช่วยธุรกิจที่บ้านและลุยธุรกิจของตัวเองอย่างแน่นอน เรื่องทำงานประจำกับออฟฟิศที่ไหนคงไม่ใช่ทางเลือก
เธอเล่าว่า เป็นลูกสาวคนกลางในพี่น้องสาว 3 ใบเถา แต่เธอไม่สวยหวานแบบพี่สาวและน้องสาว เพราะเธอมาแนวสาวหล่อที่รักในเสียงดนตรีเอามากๆ เธอเล่าถึงวัยเด็กให้ฟังว่า ไม่ชอบเล่นอะไรแบบพี่น้องของเธอ เธอชอบเล่นอะไรลุยๆ ชอบปีนป่าย ซุกซนชอบเล่นกับญาติผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก เริ่มรู้สึกตัวว่าไม่เหมือนพี่น้องตอนเรียนอนุบาล 3 และรู้สึกว่าชอบผู้หญิงสวยๆ ตอนอยู่ชั้นประถม และเริ่มเดินตามสาวสวยตอนอยู่ชั้นมัธยมต้น และเริ่มรู้ใจตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้นว่าเป็นอะไรชอบอะไร อยากอยู่ใกล้มีความสุขเมื่อได้อยู่กับสาวๆ ที่เราพอใจ (หัวเราะ) แม้ว่าจะไม่ได้เรียนผู้หญิงล้วนก็ตาม ที่ผ่านมาเรียนสหศึกษามาโดยตลอด
“วัดจากอะไรคะ (หัวเราะ) ถ้ามองภายนอกทุกคนอาจจะบอกว่ากิ๊บแมนกว่าผู้หญิงทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมีความเป็นผู้หญิงสูงอยู่นะ ซึ่งกิ๊บไม่ได้รังเกียจความเป็นหญิงในตัวเอง เป็นแบบนี้โอเคแล้วค่ะ ไม่อยากได้รูปร่างที่แปลกไปจากนี้ แล้วก็ไม่ได้แอนตี้ผู้ชายด้วย เพียงแค่ตอนเด็กๆ ไม่ชอบใส่กระโปรง แต่ถ้าจำเป็นก็ใส่ได้ยึดตามหลักกาลเทศะ ให้เกียรติคนให้เกียรติสถานที่ แต่ถ้าปกติก็ยีนส์เสื้อเชิ้ต เสื้อยืดแขนยาว”
นอกจากเรียนแล้ว ช่วยธุรกิจที่บ้านแล้ว เธอยังเป็นนักดนตรี โดยเป็นมือกลองให้กับวงเดอะ เพนเตอร์ ซึ่งมี ติ๊นา-ศุภนาฏ จิตตลีลา สาวหน้าหล่อจากเรื่อง Yes or No เป็นนักร้องนำ ซึ่งวงนี้เขาเป็นสาวหล่อกันเกือบทั้งวง ซึ่งเธอเล่าว่า มันเป็นความบังเอิญที่ลงตัว เพราะสมาชิกส่วนใหญ่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เล่นดนตรีเพราะมีใจรัก มีค่าขนมเป็นของแถม ซึ่งเธอมีโอกาสทัวร์คอนเสิร์ตไปตามประเทศแถบเอเชียอย่างฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย เมียนมา สิงคโปร์ ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีเหล่าแฟนคลับของติ๊นาหนาแน่น ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีงาม ตอนนี้กำลังออกมิวสิควิดีโอค่ะ ชื่อเพลง “คนเดิมที่เปลี่ยนไป” และจะมีทัวร์คอนเสิร์ตในแถบเอเชียใต้ช่วงปลายปีนี้
เสาวลักษณ์ พูดถึงนิยามเรื่องเพศว่า เธอมองว่าไม่ได้คิดว่าตัวเธอเองจะชอบผู้ชายไม่ได้แล้ว แต่ที่เธอมีบุคลิกแบบนี้ก็สบายและสะดวกดี การแต่งกายแบบนี้ ทำผมแบบนี้ แต่ไม่ถึงกับใส่กระโปรง แล้วก็ไม่ได้แต๊บหน้าอกเสมอไปทุกๆ วัน คือถ้าเล่นคอนเสิร์ตหรือต้องถ่ายภาพอะไรก็จะแอบเก็บหน้าอกนิดนึง (หัวเราะ) ถ้าวันปกติก็ใส่เสื้อชั้นในแบบสาวทั่วไป
“ตัวเราเองมองว่าไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นผู้ชายด้วยค่ะ กิ๊บรู้สึกว่าเราอยู่ระหว่างกลาง กิ๊บว่าหลายๆ คนก็อยู่ระหว่างกลางนะคะ ความคิดของเราอาจจะเป็นผู้ชาย แต่ความละเอียดอ่อนของเรายังเป็นผู้หญิงอยู่นะคะ ถ้าถามตอนนี้กิ๊บยังไม่ชอบผู้ชายค่ะ จริงๆ ไม่สนนะคะว่าเพศข้างนอกจะเป็นอะไร ถ้าเป็นผู้ชายที่มาจีบแล้วเขาดูแลเอาใจใส่ สามารถดูแลเราได้ ถ้าเขาชอบที่กิ๊บเป็นแบบนี้และรับได้ เขาเป็นอีกครึ่งที่กิ๊บขาดไป ก็ไม่ได้ปิดค่ะ ตอนนี้ไม่รู้ค่ะ ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย ถ้าวันหนึ่งเขาขอให้กิ๊บเปลี่ยนอะไร ถ้ามันไม่ดูทุเรศเกินไป เป็นยังไงก็เป็น อาจจะเปลี่ยนให้เขาค่ะ ถ้ารักเขามาก เพราะกิ๊บก็ไม่ได้แมนมาก แต่ถ้าให้เปลี่ยนบุคลิกเพื่อรอให้ผู้ชายเดินเข้ามาหา คิดว่าไม่จำเป็นค่ะ กิ๊บคิดว่าคนเรามีความเป็นผู้หญิงและผู้ชายอยู่ในตัว เพียงแต่ว่าจะถูกดึงความเป็นชายหรือหญิงออกมามากกว่ากัน ตัวเองไม่มีคำจำกัดความเรื่องเพศที่แน่นอนตายตัว”
เสาวลักษณ์ บอกว่า ลำบากนิดหน่อยเวลาเข้าห้องน้ำผู้หญิง คนก็จะมองว่าใช่ผู้หญิงไหม หรือว่าเด็กผู้ชายเข้าห้องน้ำผิดหรือเปล่า ส่วนเรื่องครอบครัวไม่มีปัญหา ตอนเด็กๆ พ่อแม่อาจจะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่เห็นว่าเธอตั้งใจเรียน ไม่เกเร มีความรับผิดชอบเรื่องงาน ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ห่วงว่าถ้าไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวจะลำบากตอนแก่หรือเปล่าเท่านั้น
“เคยถามแม่ว่า ถ้ากิ๊บไม่คบผู้ชาย แต่ใช้ชีวิตปกติได้ ขาดแค่เรื่องของการสืบสกุลเพียงอย่างเดียว เพราะไม่รู้ว่าเราคบใคร ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เราก็ยังจะโดนทิ้งไหม ต่างกันก็แค่มีลูก จะคบใครก็เหมือนกัน ไม่คิดว่ามีลูกแล้วจะต้องเลี้ยงเรา ไม่มีอะไรเป็นของเราไม่ว่าจะลูกหรือสามี จริงๆ อาจจะเป็นข้ออ้างของตัวเองก็ได้ค่ะ แฟนที่คบกันนานสุด 3 ปีค่ะ ถ้ามีใครคนหนึ่งคบแล้วยาวก็ดีค่ะ ใครก็ได้ค่ะอยู่ที่คน ไม่ได้อยู่ที่เพศ ไม่ได้รู้สึกว่ามันแตกต่างหรืออะไร มีความสุขก็พอค่ะ ถ้าเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีก็จะอยู่ด้วยกันนาน ถ้าเห็นคุณค่าของมันสิ่งต่างๆ ก็จะกลับมาหาเราอย่างมากมาย ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคนหรือเงินทอง”
เธอให้ข้อคิดไว้ว่าจะเป็นอะไรก็ได้ แค่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจ ไว้ใจส่งต่อธุรกิจให้เราดูแลและสามารถดูแลสิ่งที่ท่านสร้างมา ทำให้คนรอบข้างภูมิใจ เป็นคนดีมีความรับผิดชอบก็เป็นความภูมิใจของตัวเองแล้ว


