posttoday

สิทธิโชค เสรีธรณกุล ผู้บริหารหนุ่มมาดกวน

01 กันยายน 2558

สิทธิโชค เสรีธรณกุล หรือ แชมป์ CEO หนุ่มรุ่นใหม่วัย 26 ปี แห่งบริษัท เอ็น วาย สตาร์ช (N.Y. Starch)

โดย...ภาดนุ ภาพ นนทณากรณ์ เทพสา

สิทธิโชค เสรีธรณกุล หรือ แชมป์ CEO หนุ่มรุ่นใหม่วัย 26 ปี แห่งบริษัท เอ็น วาย สตาร์ช (N.Y. Starch) ซึ่งทำธุรกิจรับซื้อมันสำปะหลัง มาเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้เราฟังอย่างเป็นกันเอง แต่เห็นมาดกวนๆ พูดจาตรงๆ แบบนี้ เชื่อมั้ยว่าแชมป์มีดีพอตัวเชียวละ

“ผมเรียนจบ ม.3 ที่โรงเรียนพระมารดา ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสต์แถวนวมินทร์ครับ พอขึ้น ม. 4 ผมก็ไปเรียนต่อไฮสกูลที่เมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน สหรัฐ จากนั้นก็เรียนต่อทางด้านบิซิเนสและกราฟฟิก ดีไซน์ โดยจบปริญญาตรีทางด้านบิซิเนสจาก The Art Institute of Seattle พ่วงด้วยอนุปริญญาทางด้านกราฟฟิก ดีไซน์ เรียกว่าเรียนยาว 9 ปี เลยครับ

หลังจากเรียนจบผมก็มีโอกาสได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดผับด้วยกัน โดยผมมีหน้าที่ดูแลด้านมาร์เก็ตติ้ง แต่ทำได้แค่ปีครึ่งก็เจ๊ง เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ สายป่านเรายังไม่ยาวพอ อีกอย่างซีแอตเติลเป็นเมืองที่อากาศแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ฝนตกเยอะมาก ทีนี้พอคนไม่ออกมาเที่ยวผับนานๆ เราก็ขาดทุน ทำให้มีปัญหากับหุ้นส่วนในเรื่องการหมุนเงินทุน ซึ่งตอนนั้นผมเอาเงินก้อนแรกที่ได้แต๊ะเอียมาลงทุนนะ (หัวเราะ) มันจึงพิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าสายป่านคุณไม่ยาวพอจนสามารถสร้างแบรนด์ได้มันก็จบ เพราะการสร้างแบรนด์มันต้องใช้เวลา ตอนนั้นก็หมดเงินไปเป็นล้านเหมือนกัน”

สิทธิโชค เสรีธรณกุล ผู้บริหารหนุ่มมาดกวน

แม้การทำธุรกิจครั้งแรกจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่คิดกลับเมืองไทย เขาเลือกที่จะเดินทางไปทั่วสหรัฐเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ Consumer Shopping ซึ่งเป็นธุรกิจการค้ารูปแบบใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ผลิต ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย เพียงแค่เซตอัพแพลตฟอร์มขึ้นมาตรงกลางให้ผู้ซื้อผู้ขายมาพบกัน เจ้าของแพลตฟอร์มก็จะได้ค่าลิขสิทธิ์และค่าโฆษณาเป็นการตอบแทน ถ้านึกไม่ออกก็ให้นึกถึงเว็บไซต์อีเบย์

“ผมทำธุรกิจนี้ได้ปีครึ่ง ทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่แล้วผมก็ต้องเดินทางกลับเมืองไทย เพราะคุณพ่อเรียกกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจแปรรูปมันสำปะหลังเป็นสารให้ความหวาน ซึ่งลูกค้าหลักๆ กว่า 80% จะเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มแบรนด์ต่างๆ ที่วางขายในร้านสะดวกซื้อที่เมืองไทยนี่แหละครับ สารให้ความหวานที่ว่านี้เป็นหัวเชื้อที่มีความเข้มข้นมากกว่าน้ำตาล มีทั้งกลูโคส แล็กโทส และฟลุกโตส ที่โรงงานผลิตชาเขียวจะมาซื้อไปเพื่อผสมลงในขั้นตอนการบรรจุขวด”

แชมป์ บอกว่า เขาได้ไปสร้างโรงงานรับซื้อมันสำปะหลังที่กัมพูชากับหุ้นส่วนได้ 1 ปี เพราะที่นั่นปลูกมันสำปะหลังกันเยอะมาก แถมมีราคาถูกกว่าที่เมืองไทย

สิทธิโชค เสรีธรณกุล ผู้บริหารหนุ่มมาดกวน

 

“เราไปสร้างโรงงานที่โน่นเลย มันสำปะหลังจะมาเป็นหัว กระบวนการก็คือ ต้องนำมันสำปะหลังมาตากแห้งเพื่อเอาความชื้นออก หลังจากนั้นก็ขนส่งเข้ามาแปรรูปที่ไทย โดยมีโรงงานของครอบครัวผมที่ จ.ชลบุรี แปรรูปให้ หน้าที่ของผมก็คือคัดคุณภาพของวัตถุดิบก่อนการแปรรูปเป็นหลัก โดยมีบริษัท P.S.C. (Product Starch Consumption) ของครอบครัวเป็นผู้ดำเนินการอีกที”

แชมป์ เสริมว่า การทำธุรกิจนั้นมีปัญหาให้แก้ไขอยู่ตลอด จากประสบการณ์ที่เคยหุ้นกับเพื่อนเปิดผับมาแล้ว สอนให้รู้ว่าการทำธุรกิจก็เปรียบเหมือนทีมฟุตบอล ถึงมีกองหน้าดีแต่กองหลังไม่แน่น ทีมก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ แต่เมื่อต้องมาช่วยครอบครัวบริหารธุรกิจที่มีกองหน้าไฟแรงอย่างเขา และมีกองหลังแน่นอย่างคุณพ่อ ซึ่งทำธุรกิจนี้มานาน การมาต่อยอดสานต่อธุรกิจจากท่านจึงง่ายขึ้น

“การเป็นลูกเถ้าแก่เจ้าของโรงงานหลายคนมองว่าเท่ แต่ผมว่าการสร้างตัวนี่ไม่มีคำว่าเท่หรอกครับ เพราะเราต้องลุยเองทั้งหมดเลย พ่อผมเคยบอกว่า ‘พ่อทำไว้ให้ขนาดนี้ ถ้าผมต่อยอดไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะ’ ผมจึงต้องลงไปลุยเองในไร่มันสำปะหลังที่กัมพูชา โดยเริ่มเซ็นสัญญากับเจ้าของไร่เป็นร้อยๆ ไร่ตั้งแต่เริ่มปลูกเลยละ

สิทธิโชค เสรีธรณกุล ผู้บริหารหนุ่มมาดกวน

 

แล้วพอกลายเป็นผลผลิตหัวมันสำปะหลังตากแห้งแล้ว ผมก็ต้องลงไปดูในเรื่องคุณภาพอีก บางครั้งผมถึงขนาดไปปีนท้ายรถกระบะดูเลยว่า มันสำปะหลังที่ได้มีการยัดไส้ที่ข้างบนแห้งแต่ข้างล่างชื้น (ทำให้มีน้ำหนักเยอะ) หรือเปล่า เพราะในแต่ละวันจะมีรถขนหัวมันสำปะหลัง 20-30 เที่ยว ซึ่งช่วง 3 เดือนแรกที่ผมเข้าไปดูนั้นมีความเสียหายเยอะมาก ก็เลยต้องใส่ใจเป็นพิเศษครับ”

แชมป์ เสริมว่า การดูแลเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบที่ต้องซื้อมาแปรรูปว่ายากแล้ว การบริหารจัดการคนยิ่งยากกว่า เพราะการที่จะหาคนทำงานเก่งๆ แล้วอยู่กับเราได้ตลอดไปนั้นยากมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ได้สักพักก็ออกไปเปิดโรงงานแข่งบ้าง ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่ รวมทั้งปัญหายิบย่อยระดับคนงานในโรงงานทะเลาะกันแล้วไม่ยอมทำงานก็มีให้แก้ไขอยู่ตลอด แต่เมื่อโดดลงมาทำตรงนี้เต็มตัวแทนคุณพ่อแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด

“มีคนเคยบอกว่า การทำธุรกิจเปรียบเสมือนการทำสงคราม ช่วงที่ผมยังไม่ได้ลงมาบริหารงานผมยังคิดว่ามันไม่น่าจะขนาดนั้น แต่ที่ไหนได้ ธุรกิจรับซื้อมันสำปะหลังมีการแข่งขันกันสูงจริงๆ เพราะมีนักธุรกิจที่กัมพูชาก็มาลงทุนเปิดโรงงานกว้านซื้อวัตถุดิบแข่งกับเราเหมือนกัน เรียกว่าขับเคี่ยวกันน่าดู มีการตัดราคา กว้านซื้อเก็บเป็นสต๊อกไว้เพื่อส่งไปยังจีน เป็นต้น

สิทธิโชค เสรีธรณกุล ผู้บริหารหนุ่มมาดกวน

 

ธุรกิจนี้จึงต้องใช้ทักษะทางด้านการบริหารต่อสู้กันน่าดู พูดง่ายๆ ว่าในหนึ่งเดือนเราต้องมีเงินทุน 50-60 ล้านบาท เป็นเงินหมุนเวียนเพื่อกันเหนียวในการรับซื้อมันสำปะหลัง โชคดีว่าการพิสูจน์ตัวเองกับที่บ้านปีแรกนี้ผมทำกำไรได้เยอะมาก ตัวเลขโตขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เลยรอดตัวไปครับ”

แชมป์ ทิ้งท้ายว่า ในอนาคตเขามองว่าเป็นยุคของข้อมูลข่าวสารและยุคนาโนเทคโนโลยี เขาจึงมีความคิดว่าอยากจะแปรรูปมันสำปะหลังให้เป็นพลังงานไบโอดีเซลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน ซึ่งตอนนี้เขาก็กำลังคิดและวางแผนทำโปรเจกต์นี้อยู่ ส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ ช็อปปิ้ง ที่เขาได้เรียนรู้มาจากสหรัฐนั้น เขาก็วางแผนที่จะพัฒนาโดยการหาพาร์ตเนอร์หรือเจ้าของกิจการรุ่นใหม่ๆ หลายๆ กิจการมารวมตัวกันเพื่อสร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจนี้ขึ้นเช่นกัน

ดูๆ แล้วแชมป์เป็นหนุ่มที่มุ่งมั่นกับการทำงานอย่างจริงจัง มิน่าล่ะถึงยังเป็นโสดอยู่ แล้วอย่างนี้มีวันว่างกับเขาบ้างมั้ยนะ... “ส่วนใหญ่แล้วผมจะทำงานเกือบ 7 วันต่อสัปดาห์เลยละ เพราะต้องดูแลโรงงานทั้งที่กัมพูชาและไทย แต่ตอนที่อยู่เมืองไทย ถ้ามีเวลาว่างจริงๆ ผมมักจะนัดกินข้าวกับเพื่อนๆ และนัดกันขี่มอเตอร์ไซค์กับก๊วนที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกันไปรอบๆ กรุงเทพฯ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการรีแลกซ์ที่ดีแล้วล่ะ”

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ