posttoday

ดนตรีไทย เยาวชนไทย ความเปลี่ยนแปลง

30 สิงหาคม 2558

ผมมีโอกาสได้ไปดูละครเวทีเรื่องรอยดุริยางค์ เดอะ มิวสิคัล ที่จัดขึ้น ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ผมมีโอกาสได้ไปดูละครเวทีเรื่องรอยดุริยางค์ เดอะ มิวสิคัล ที่จัดขึ้น ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 20-25 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นละครเวทีที่ผู้สร้างมุ่งหวังอยากให้เยาวชนไทยกลับมารักและสนใจดนตรีไทย โดยนำเสนอผ่านเรื่องราวการข้ามภพข้ามชาติของเด็กวัยรุ่นไทยคนหนึ่ง

ทำไมเยาวชนไทยถึงไม่รักและให้ความสนใจในดนตรีไทย?

นี่อาจเป็นคำถาม ที่ไม่ใช่แค่ผู้สร้างตั้งคำถามนี้ขึ้นมาหรอกครับ ผมคิดว่ามันเป็นคำถามที่คนไทยทั้งประเทศก็คงเคยตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมา และก็ลืมเลือนมันไปแล้ว

ทำไมถึงลืมเลือนคำถามนี้ไปแล้ว?

คงเป็นเพราะว่าโลกของเราหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวินาที เราทุกคนต่างอาศัยอยู่กับความเปลี่ยนแปลงที่เป็นสิ่งจริงแท้แน่นอนของชีวิต เหมือนที่ระบอบการปกครองของบ้านเมืองเราเปลี่ยนผ่านจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย เหมือนที่เด็กวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่หลงใหลดนตรีสากล กระแสเคป๊อป และโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่กำลังครองเมืองอยู่ในขณะนี้ ไฉนเลยดนตรีไทย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตของคนไทยจะกลับกลาย เปลี่ยนแปลง และเปิดรับเอาสิ่งใหม่จากหลากหลายที่ทั่วโลกมาไว้ในบ้านเมืองเรา เพียงเพราะคำว่าศิวิไลซ์มันเร้าใจมากกว่า

หากย้อนรอยที่มาของดนตรีไทย ก็จะเห็นได้ว่าดนตรีไทยคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย จีน อินโดนีเซีย ฯลฯ และในยุคสมัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยุคสุโขทัย ยุคกรุงศรีอยุธยา มาจนกระทั่งยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ต่างก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างมีพลวัต จากกรุงสุโขทัย คนไทยเล่นดนตรีไทยแบบวงปี่พาทย์ ที่มีเครื่องดนตรีคือปี่ใน ฆ้องวงใหญ่ กลองทัด ตะโพน ฉิ่ง พอมายุคกรุงศรีอยุธยา คนไทยก็เพิ่มระนาดเอกเข้าไป พอมาถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ 1 คนไทยก็เพิ่มกลองทัดเข้าไปอีกลูก รวมเป็น 2 ลูก นั่นคือ ตัวผู้เสียงสูง และตัวเมียเสียงต่ำ

การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ในรัชกาลที่ 3 วงปี่พาทย์ก็ได้พัฒนามาเป็นวงปี่พาทย์เครื่องคู่ ที่คนไทยได้มีการประดิษฐ์ระนาดทุ้มคู่กับระนาดเอกและฆ้องวงเล็กให้คู่กับฆ้องวงใหญ่อีกด้วย พอมาในรัชกาลที่ 4 ก็ได้เกิดวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ พร้อมกับการที่คนไทยได้มีการประดิษฐ์ระนาดเอกเหล็ก และระนาดทุ้มเหล็กเพิ่มขึ้น พอมาในรัชกาลที่ 6 ก็ได้มีการนำวงดนตรีของมอญเข้ามาผสมผสาน เรียกกันว่าวงปี่พาทย์มอญ โดยหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้นำอังกะลุงเข้ามาเผยแพร่เป็นครั้งแรก และนำเครื่องดนตรีต่างชาติ เช่น ขิม ออร์แกนของฝรั่ง มาผสมเป็นวงเครื่องสายผสม แล้วจึงเป็นดนตรีไทยอย่างที่เราได้เห็นได้ยินได้ฟังกันมาจนถึงปัจจุบันนี้

หากเราพิจารณาให้ดี เราจะค้นพบว่า แค่เพียงเราเปิดใจรับกับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เราจะอยู่ร่วมกับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีความสุข และไม่ทุกข์อกทุกข์ใจไปกับการ “ยึดติด” สิ่งหนึ่งสิ่งใดมากจนเกินไป เพราะทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่มีสิ่งใดมั่นคงถาวรไปตลอดกาล

ย้อนกลับไปยังคำถามข้างต้น...

ทำไมเยาวชนไทยถึงไม่รักและให้ความสนใจในดนตรีไทย?

และทำไมเยาวชนไทยถึงได้ลืมเลือนคำถามนี้ไปแล้ว?

ผมเชื่อว่าเยาวชนไทยทุกคนล้วนรักและภาคภูมิใจในดนตรีไทย แต่เมื่อแต่ละวันเดือนปีต่างมีสิ่งใหม่ มีสิ่งเร้าใจ หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านเข้ามาอยู่ตลอด ความสนใจย่อมถูกแบ่งออกไป มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เมื่อความสนใจถูกแบ่งออกไป คนเราย่อมมีการลืมเลือนกันได้เป็นธรรมดา

จึงนับเป็นสิ่งที่ดี ที่ละครเวทีเรื่อง รอยดุริยางค์ เดอะ มิวสิคัล ได้เข้ามาสั่นสะเทือนหัวใจคนไทย โดยเฉพาะเยาวชนไทย ให้หันมาใส่ใจและสนใจในดนตรีไทยมากขึ้น อย่างน้อยความรักและความภาคภูมิใจในดนตรีไทยก็ได้ถูกปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่เมื่อมันปะทุขึ้นมาแล้ว มันอาจค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเมื่อถูกที่ถูกเวลา มันก็จะกลับมาประทุขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง เช่นนี้เรื่อยไป

เพราะฉะนั้น เราอย่ากล่าวโทษเยาวชนไทยต่อไปอีกเลย ว่าทำไมเยาวชนไทยถึงไม่รักและให้ความสนใจในดนตรีไทย? และทำไมเยาวชนไทยถึงได้ลืมเลือนคำถามนี้ไปแล้ว? เพราะเยาวชนไทยก็มีภาระหนักอึ้งไม่แพ้คนรุ่นเก่าก่อนที่พยายามรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้อยู่ตราบนานเท่านาน

ภาระหนักอึ้งที่ว่า...

ผมขอเรียกมันว่า ความเปลี่ยนแปลง

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"