ทิพยจันทน์ หัสดินทร ณ อยุธยา ต้องชัดเจนในเป้าหมาย
สาวหน้าคม บวกกับบุคลิกแอ็กทีฟ เดินเหินคล่องแคล่ว เธอไม่ได้โดดเด่นเฉพาะรูปร่างระดับนางแบบเท่านั้น
โดย...กองทรัพย์ ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล
สาวหน้าคม บวกกับบุคลิกแอ็กทีฟ เดินเหินคล่องแคล่ว เธอไม่ได้โดดเด่นเฉพาะรูปร่างระดับนางแบบเท่านั้น แต่ผู้บริหารสาวสวยอย่าง จุ๊บ-ทิพยจันทน์ หัสดินทร ณ อยุธยา ที่ได้รับการทาบทามให้มารับตำแหน่ง Chief Client Officer ซึ่งดูแลแอกเคาต์ แมเนจเมนต์ ของกลุ่มบริษัท บีบีดีโอ (BBDO) กรุงเทพฯ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากฝากฝีมือไว้กับเอเยนซี โลว์ ลินตาส และลีโอ เบอร์เนทท์ รวมแล้ว 15 ปี หลังจากได้พูดคุยกัน ต้องยอมรับว่าเธอเป็นคนที่มีความฉะฉาน และมีเป้าหมายชัดเจนมากคนหนึ่งทีเดียว
ทิพยจันทน์ เริ่มต้นเล่าว่า เธอไม่เคยมีความคิดจะทำงานด้านโฆษณาเลย อาชีพในฝันของเธอคือนักการทูต เป้าหมายของเธอคือการสอบเข้าคณะรัฐศาสตร์ หรืออักษรศาสตร์ จุฬาฯ แต่ความพลาดหวังจากเอนทรานซ์ ทำให้เธอค้นพบว่าไม่ว่าจะเรียนอะไรก็เป็นทูตได้
“สอบเทียบ ม.5 แต่เอนท์ ไม่ติด แต่โชคดีได้ทุนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปอยู่สหรัฐหนึ่งปี ทำให้เราเปิดโลกใหม่ คิดว่าการเป็นทูตไม่จำเป็นต้องเรียนทูตก็ได้ เพราะการเป็นเด็กแลกเปลี่ยนทำให้เราได้อธิบายความเป็นคนไทยผ่านตัวเราอยู่แล้ว ก็เหมือนเป็นทูตวัฒนธรรมตัวน้อย ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วการสอบไม่ติดอาจจะเป็นเรื่องที่ดีแล้วสำหรับเราในวันนั้น”
เมื่อกลับเมืองไทยเธอเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ในสาขาภาษาอังกฤษ และเลือกวิชาโทสาขาโฆษณา นี่เองจึงทำให้ได้เจอต้นแบบในวงการโฆษณา “มีโอกาสได้รู้จักหญิงเก่งแห่งวงการโฆษณา คุณสุนันทา ตุลยธัญ ตอนนั้นท่านเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในบอร์ดของดับเบิ้ลยูพีพี (WPP) ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลก รู้สึกนับถือ ชื่นชม ครั้งหนึ่งคุณสุนันทา ไปประชุมบอร์ดที่ WPP ที่นิวยอร์ก และจุ๊บมีโอกาสได้ติดตามท่านไปด้วย พอเครื่องบินแตะพื้นเท่านั้นแหละ มีลีโมคันสีขาวใหญ่มาก (ลากเสียงยาว) มารับ เราได้ขึ้นไปนั่งในรถคันนั้น ตื่นตาตื่นใจมาก ตอนนั้นอายุ 19 นะคะ เริ่มคิดเลยว่าอยากได้ชีวิตแบบนี้เป็นเป้าหมายที่มุ่งทำงานโฆษณาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
เป้าหมายทำให้มีแรงฮึด
แม้จะบอกว่าปัจจุบันยังไปไม่ถึงภาพที่ฝันไว้ แต่การทำงานตลอด 15 ปี ในวงการโฆษณาทำให้เธอแน่วแน่ในเป้าหมายและมีแรงฮึด แม้ว่าอาจจะไปไม่ถึง แต่อย่างน้อยภาพนั้นก็ทำให้การตื่นนอนมาทุกวันของเธอมีความหมาย
“เป้าหมายทำให้รู้ว่าการตื่นนอนมาทุกวันเพราะอะไร เรามีภาพนั้นอยู่ ทำให้เวลาที่เหนื่อยก็ไม่เหนื่อยเกินไป และหายเหนื่อยเร็ว เราก็ประเมินตัวเองว่าเราทำงานมาทั้งหมด ต้องเช็กตัวเองว่าจะเดินไปทางไหน แต่จุ๊บโชคดีที่รู้ว่าปลายทางที่อยากจะไปคือที่ไหน ก็เลยทำให้เดินไปแล้วจะไม่นอกเส้นทาง เหมือนเรารู้แล้วล่ะว่ากรุงเทพฯ-เชียงใหม่ต้องผ่านที่ไหนบ้าง เพราะฉะนั้นปัญหาระหว่างทางก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องที่จะต้องเจออยู่แล้ว”
เมื่อถามถึงการทำงานกับบีบีดีโอ ทิพยจันทน์ บอกว่า การทำงานในสององค์กรที่ผ่านมา จนกระทั่งมาทำงานกับบีบีดีโอ และค้นพบว่าคนในอุตสาหกรรมเอเยนซีน่ารักทุกคน เพราะเป็นแหล่งรวมของคนที่ชอบอะไรใหม่ๆ คล้ายๆ กัน ทุกคนจะเปิดรับสิ่งใหม่ และสิ่งที่เห็นจากคนที่บีบีดีโอคือ พลังงานจากหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่
“ที่นี่เป็นองค์กรที่ไฟแรง เคลื่อนตัวเร็ว และทุกคนมี Passion ที่จะไปทำอะไรใหม่ๆ ก็เลยรู้สึกว่าเราเข้ากับพวกเขาได้ ก็ได้ยินมาเยอะว่าการทำงานกับเด็กเจนใหม่จะบริหารพวกเขายังไง จุ๊บมองว่าเป็นเรื่องที่ผู้บริหารจะต้องให้ความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นคนเจนไหนก็มีจุดร่วมเดียวกันคือเขาอยากเป็นคนที่ดีขึ้น เก่งขึ้น พัฒนาขึ้น ต้องการเป็นที่ยอมรับ และเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ตรงนี้มันอยู่ที่ว่า ถ้าเรามองอย่างเป็นธรรมชาติเราจะบริหารองค์กรได้และท้าทายด้วย” ผู้บริหารสาวให้ความเห็น
หนึ่งในวิสัยทัศน์ของบีบีดีโอคือ การสร้างวัฒนธรรมคนเก่ง จึงไม่น่าแปลกใจว่าองค์กรแห่งนี้จะเต็มไปด้วยเด็กรุ่นใหม่ที่ไฟแรงที่ต้องการการเจียระไน ทิพยจันทน์ แสดงทัศนะว่า ทั้งหมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้บริหารอย่างเดียว แต่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม “คือตั้งแต่รุ่นพี่ ลูกพี่ และต้องลงไปเป็นระดับชั้นว่าจะทำอย่างไรให้คนของเราเก่งขึ้น ให้เขามีเวที มีความมั่นใจ และกล้าหาญ ส่วนเรื่องการยอมรับในระหว่างเจนก็สำคัญ ซึ่งจุ๊บว่าในเอเยนซีโฆษณาน่าจะเจอปัญหานี้น้อยกว่าที่อื่น เพราะเราเน้นความคิดสร้างสรรค์มากกว่าใครโตกว่าเด็กกว่า ทุกคนสามารถสร้างความเป็นได้ ยิ่งเด็กสมัยนี้เก่งเยอะ เราได้มุมมองหรือทางออกดีๆ จากเด็กรุ่นใหม่เยอะมาก”
ทำงานหนักแต่มีความสุข
“มีคนบอกว่าจุ๊บทำงานเหมือนคนบ้า (หัวเราะ) คือแทบไม่ได้หยุดเลย นั่นเพราะว่าเราไม่เคยคิดว่ามันคืองาน มันก็เลยสนุกทุกวัน ถึงมันจะเหนื่อย แต่ตื่นมาตอนเช้าความเหนื่อยก็หายไป เราเลือกแล้วว่าเราจะมาทางนี้และมองไปไกลกว่านั้น มองอย่างมีเป้าหมาย ทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เพราะเห็นเป็นงานก็จะมองแต่ปัญหา เครียดและไม่สนุก พอทำแบบนี้สิ่งที่เราทำก็มีความหมาย เราชอบที่จะมีบทบาทในหลายสถานการณ์”
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า วันที่เหนื่อยหน่ายอย่างหนักจะไม่มีเสียเลย แต่ผู้บริหารสาวบอกว่า เมื่อเราชัดเจนในเป้าหมายแล้วจะทำให้เธอกลับมาได้เร็ว เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “สีก็ทนได้”... “เป้าหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เด็กบางคนบอกว่าทำงานเพื่อพ่อแม่ บางคนทำงานเพื่อซื้อกระเป๋าหรือรองเท้าที่อยากได้ทุกเดือน ไม่มีเป้าหมายไหนผิด เพราะตราบใดคุณมีเป้าหมายคุณก็จะมีแรง รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่เพื่ออะไร เราทำงานหนักไปเพื่ออะไร เราไม่ได้ทำไปวันๆ
สำหรับจุ๊บเองเวลาเครียดจะหาทางออกด้วยการทำกับข้าวเมนูใหม่ ซึ่งค้นพบว่ามันเวิร์กมาก บางทีทำแล้วไม่ได้กินนะคะ แต่ขอแค่ให้ได้ทำ อย่างบางวันเรารู้สึกว่ามันแย่จังเลยทำอะไรก็เจอปัญหา ฉะนั้นเราต้องหากิจกรรมบำบัดตัวเอง จุ๊บมุ่งหน้าไปซูเปอร์เปิดกูเกิลหาเมนูที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ซื้อของแล้วกลับบ้านก็เข้าครัวเลย ดึกดื่นแค่ไหนก็ทำ กินได้ไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ทิพยจันทน์ บอกว่า การทำอาหารทำให้เธอค้นพบความสุขขณะที่ลงมือ พบว่าในหนึ่งวันเราสามารถสร้างความสำเร็จเล็กๆ ได้ด้วยตัวเราเอง
“พอเราทำอาหารเสร็จ ก็มีรับประทานได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือเราได้ทำและตอนทำในสมองคิดแต่เรื่องทำกับข้าว มันพาเราไปในเรื่องอื่นๆ สุดท้ายมันมีความสุข และมันทำได้ทุกวัน มันทำให้เรามีแรง”


