พระเอกหนุ่ม นักกีฬา
พระเอกยุคนี้หล่ออย่างเดียวคงจะยังไม่ถึงใจ หากหล่อแล้วเป็นคนรักสุขภาพด้วยนี่ ยิ่งแซบคูณสอง
โดย...กองบรรณาธิการ ภาพ : ไอจีบอม-ธนิน/อัครัฐ/ เอ็กแซ็กท์/ต๊อบ-ชัยวัฒน์
พระเอกยุคนี้หล่ออย่างเดียวคงจะยังไม่ถึงใจ หากหล่อแล้วเป็นคนรักสุขภาพด้วยนี่ ยิ่งแซบคูณสอง ซึ่งหากมองหาอย่างจริงจังพระเอกในยุคนี้หลายคนเหลือเกินที่เลือกให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพอย่างเอาจริงเอาจัง แต่มีไม่กี่คนที่จะเลือกเล่นกีฬาที่ไม่อยู่ในกระแส ซึ่งพระเอกที่เราหยิบยกมาพูดคุยในวันนี้พวกเขาแตกต่าง แต่ล้วนมีสิ่งเดียวกัน นั่นคือความรักในกีฬาที่เลือก...
บอม-ธนิน เล่นกีฬาได้เพื่อน
หากใครติดตามอินสตาแกรมของพระเอกมาดเท่ บอม-ธนิน มนูญศิลป์ จะได้เห็นภาพหนุ่มบอมออกกำลังกายทั้งเทนนิส บาสเกตบอล ว่ายน้ำ และเข้ายิม ซึ่งเขาเป็นคนให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬามาก โดยเฉพาะเทนนิสและบาสเกตบอล
“ผมเริ่มเล่นเทนนิสมาตั้งแต่ ป.6” บอมเล่าให้ฟังตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กตัวอ้วนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย
“ช่วงนั้นภราดรดัง แม่เลยส่งพี่ชายและน้องชายไปเรียนเทนนิส เหลือผมคนเดียวในบ้านที่ยังไม่ได้เล่น สุดท้ายก็เลยลองไปเล่นดู ซึ่งแรกๆ ไม่ชอบ แต่ถ้าไม่เล่นเทนนิสก็จะไม่มีคนอยู่บ้านด้วย จึงต้องบังคับตัวเองให้ไป พอเล่นไปเล่นมาก็เล่นจนถึงตอนนี้”
การแข่งขันแมตช์ใหญ่ๆ ที่บอมพอจำได้ เขาย้อนไปเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ชื่อรายการว่า ไทยเทนนิสแมกกาซีน เซตแรกเขาแพ้ไปก่อน 1 ต่อ 4 แต่ระหว่างเข้าสู่เซตที่ 2 ในใจก็คิดว่าสู้ไม่ได้ เขาจึงนั่งสมาธิ
“ผมนั่งสมาธิก่อนเล่นเซตที่ 2 ปรากฏว่าชนะ 4 ต่อ 0” เขากล่าว แม้ว่าสุดท้ายบอมจะเป็นฝ่ายแพ้ไป แต่ผู้ชนะถึงกับต้องเดินมาถามเคล็ดลับเรื่องการนั่งสมาธิ (ซึ่งบอมได้สารภาพว่าจริงๆ แล้วเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไร)
ส่วนกีฬาบาสเกตบอลเริ่มเล่นมาตั้งแต่ ม.3 โดยเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์และปีก แต่กีฬาชนิดนี้เขาไม่ได้จริงจังว่าจะลงแข่งขัน แต่เล่นเพื่อออกกำลังกายและหาเพื่อน
“สิ่งสำคัญที่สุดของกีฬาคือมิตรภาพ” บอมกล่าว
“มันเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้มา แต่ผมได้มาเยอะจริงๆ ถ้าไม่เล่นกีฬาเพื่อนผมจะหายไป 85 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้นะครับ และก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะการเล่นกีฬา”
อีกด้านหนึ่งบอมยังคงเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ซึ่งการเป็นดาราอาจทำให้เล่นกีฬาน้อยลงบ้าง แต่เขาไม่คิดจะหยุดเล่น
“ยังไงก็ต้องให้เวลากับกีฬา” เขาว่าอย่างนั้น ซึ่งช่วงนี้จะหันมาว่ายน้ำมากกว่าอย่างอื่น เพราะเป็นกีฬาที่ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือไม่ก็เข้ายิมออกกำลังกาย
“บอมเป็นคนน้ำหนักขึ้นง่าย ถ้าสามารถเล่นกีฬาได้ทุกวัน ผมก็จะทำครับ” เขากล่าว
ตอนนี้บอมกำลังถ่ายละครอยู่ 2 เรื่อง และมีละครรอออกอากาศอยู่ชื่อเรื่อง พิรุณพร่ำรัก จับคู่กับนางเอกไอซ์-อามีนา กูล ที่ตอนนี้กลายเป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ในวงการบันเทิง
นอกจากนี้ บอมยังฝากไปถึงทุกคนให้ออกไปเล่นกีฬาด้วย
“คำว่ากีฬามันไม่เกี่ยวกับเพศ ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่มันเป็นสิ่งที่เราสามารถเอนจอยร่วมกันได้ อย่างผมก็เคยเล่นกีฬากับคนอายุ 80 มาแล้ว” เขาพูดสมกับเป็นนักกีฬา ก่อนกล่าวต่อว่า
“คำว่ากีฬามันไม่มีคำว่าชัยชนะ แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องของมิตรภาพ แม้ว่าแข่งแล้วแพ้ แต่เราจะได้รู้จักคนเพิ่ม พูดง่ายๆ คือกีฬามันให้ทั้งสุขภาพและมิตรภาพครับ”
สิบกว่าปีที่ผ่านมากีฬากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพระเอกคนนี้ไปเสียแล้ว ซึ่งบอมได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่มีใครยุ่งเกินกว่าจะหาเวลาออกกำลังกาย ขอแค่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
อัค-อัครัฐ สำคัญที่สุดแข่งกับตัวเอง
เห็นลีลาและท่าการจับปืนของ “อัค” อัครัฐ นิมิตรชัย คงไม่ต้องเดาละว่า “อัค สุดหล่อ” ชอบกีฬายิงปืน ปัง ปัง ปัง
“ชอบครับ ตั้งแต่เด็กเลย แต่ผมว่าเป็นธรรมดาของเด็กผู้ชายนะ ที่เห็นปืนแล้วอยากจับอยากลอง แต่ผมก็ไม่เคยลองสักครั้ง จนกระทั่งได้มาเล่นละคร ‘ตะวันตัดบูรพา’ แล้วทำให้ไม่รีรอที่จะไปเรียนยิงปืน” อัคเผยความชอบในกีฬายิงปืน
จุดเริ่มของเขามาจากมีครูฝึกยิงปืนมาเวิร์กช็อปการใช้อาวุธปืนให้กับบรรดานักแสดงเรื่อง “ตะวันตัดบูรพา” ที่ตึกแกรมมี่ และด้วยความชอบในกีฬายิงปืนอยู่แล้วจึงไปเรียนเองก่อนละครจะเปิดกล้องจนกระทั่งปัจจุบัน
“ทางผู้ใหญ่ต้องการให้นักแสดงเรียนรู้การใช้อาวุธปืนอย่างถูกต้องทุกขั้นตอนและสมกับบทบาทที่ได้รับ อย่างผมในเรื่องเป็นตำรวจต้องเรียนรู้การใช้อาวุธปืนในแบบตำรวจด้วย ผมชอบอยู่แล้วจึงไปคุยกับพี่ๆ ครูฝึกซึ่งเป็นตำรวจและทหาร จากนั้นก็ไปเรียนเลยก่อนละครเปิดกล้อง 1 เดือน ตอนนี้เปิดกล้องมาได้ 7-8 เดือนแล้วก็ยังฝึกอยู่เรื่อยๆ เผื่อได้ไปแข่งขันจริง”
ตลอดหลายเดือนที่เรียนยิงปืน เขาได้เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน เช่น การรู้จักปืนแต่ละประเภท ทักษะการยิง กฎกติกาการยิง รวมถึงเกี่ยวกับการแข่งขันยิงปืน การสอบปืนพก และอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเชื่อเสมอ คือคนยิงปืนแม่นที่สุดไม่ใช่คนที่เจ๋งที่สุด แต่เป็นคนใช้ปืนได้ปลอดภัยที่สุดต่างหากที่เจ๋งกว่า
“จริงๆ เราไปเรียนยิงปืนเพื่อต้องการใช้มันอย่างถูกต้องถูกวิธี และใช้มันให้ปลอดภัยมากกว่า เพราะปืนเป็นดาบสองคมอันตราย ครูฝึกจึงสอนเสมอว่าเวลาหันกระบอกปืนชี้ไปที่สนาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามหันแนวปืนเข้าใส่คนหรือในแนวที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงเวลาเปลี่ยนแม็กหรือปืนค้างลำกล้องก็ต้องชี้ออกข้างนอก อย่าหันใส่คนหรือแนวที่ไม่ปลอดภัยเช่นกัน ผมจึงมองว่าคนยิงปืนแม่นไม่ได้เก่งที่สุด แต่คนที่ใช้ปืนได้ปลอดภัยต่างหากที่เก่งที่สุด”
สำหรับปืนที่ใช้ฝึกประจำพระเอกหนุ่มบอกว่า ส่วนใหญ่จะใช้ปืนก๊อก 17, 19, 34 แต่โชคดีที่ครูฝึกเป็นตำรวจทหารทำให้มีโอกาสได้ลองปืนหลากหลาย และทุกครั้งที่ลองรู้สึกเอนจอยมาก โดยเฉพาะปืนที่ชาวบ้านและคนทั่วไปไม่สามารถมีได้ แต่ถ้าถามปืนที่ชอบ เขายกให้ CZ SP-01 Shadow ตัวปืนเป็นเหล็ก น้ำหนักค่อนข้างหนัก เวลายิงจะนิ่งและแม่นเป้า
“แต่เวลายิงปืนต้องแข่งกับตัวเองล้วนๆ” อัคเน้นเสียงและอธิบายให้ฟังว่า เวลายิงปืนสำคัญที่สุดคือต้องมีสมาธิในทุกขั้นตอนการยิง ทั้งก่อนและขณะจะยิง ตั้งแต่การขึ้นปืน การเล็ง การเดินไก เหนี่ยวไก
“โอเค การยิงปืนเข้าเป้าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน แต่สุดท้ายเราไม่ได้แข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเองล้วนๆ ทั้งการขึ้นปืน การเล็ง การเดินไก เหนี่ยวไก ต้องอาศัยสมาธิที่สูง ถ้าเปรียบก็คล้ายๆ การตีกอล์ฟ ซึ่งเมื่อแข่งกับตัวเองแล้วยังต้องแข่งกับเวลา เพราะเวลายิงตั้งแต่ชักปืนออกจากซองแล้วยิงต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะจะมีตัวโปรไทเมอร์คอยจับเวลา”
ขณะที่ฝีมือการยิงปืนของเขา พระเอกหนุ่มบอกว่า ณ เวลานี้เขาพร้อมแล้วกับการลงประลองในสนามแข่งขันจริง แต่ยังไม่ได้โอกาสลงแข่งสักที เพราะติดถ่ายละครที่ตอนนี้มี 2 เรื่อง คือ “ตะวันตัดบูรพา” และ “รักซ่อนแค้น”
“จริงๆ แล้วผมอยากลงแข่งเหมือนกัน มีอยู่สองสมาคมที่จัดแข่งประจำ คือ IDPA กับ IPSC ที่ให้บุคคลทั่วไปไปลงแข่งได้ กฎกติกาการแข่งขันก็ต่างกันนิดหน่อย ก็ดูๆ อยู่ คิดว่าวันหนึ่งคงได้ลงแข่งครับ แต่ตอนนี้ดูละครที่ผมแสดงไปก่อน 2 เรื่อง ‘มือปราบกุ๊กกุ๊กกู๋’ และ ‘ตะวันตัดบูรพา’ ที่ผมรับบทหมู่เสือ ทางช่อง ONE”
ต๊อบ-ชัยวัฒน์ สิ่งสำคัญคือทัศนคติที่ดี
ต๊อบ-ชัยวัฒน์ ทองแสง นักแสดงหุ่นล่ำวัย 26 ปี ที่เราต่างรู้จักกันดีในบทพระเอกภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อน...กูรักมึงว่ะ” เมื่อหลายปีก่อน
ล่าสุดเจ้าตัวกำลังมีผลงานที่น่าติดตามอย่างภาพยนตร์ “แม่เบี้ย” ที่กำลังจะเข้าฉายในเร็ววันนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจในตัวผู้ชายคนนี้เหนือบทบาทการแสดง คือความเอาจริงเอาจังกับการออกกำลังกาย จนสามารถติดธงชาติไทยไปสร้างชื่อเสียงยังต่างแดนในกีฬาเพาะกาย ซึ่งเจ้าตัวเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการมุ่งมั่นออกกำลังกายของตัวเองด้วยรอยยิ้มว่า มันมาจากจุดเล็กๆ บนหน้าปกซีดีของวงซิลลี่ ฟูลส์ อัลบั้มคิงไซส์ ซึ่งก็แทบไม่น่าเชื่อว่าจะส่งให้หนุ่มล่ำคนนี้มาไกลถึงการมีหุ่นดีติดหนึ่งในสี่ระดับโลกในรุ่นเมนโมเดล
“เรามาสนใจเพาะกายจริงจังเลย คือช่วงประมาณมัธยมปลาย ตอนนั้นเราเห็นปกคิงไซส์ ของวงซิลลี่ ฟูลส์ พอเราเห็นโห้ย! เท่มาก เราอยากมีกล้ามแบบนั้นเหมือนวงดนตรีที่เราชอบ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของเราเลย จากนั้นก็ออกกำลังกายอย่างจริงจังเลย แล้วก็มีโอกาสมาเข้าวงการ มันมีช่วงหนึ่งหลังจากที่หนังเรื่อง ‘เพื่อน...กูรักมึงว่ะ’ ออกไป เราก็อยากเพาะกายแข่งขัน อยากมีประสบการณ์สักครั้งในชีวิต ก็เลยไปขอคำแนะนำจากพี่ๆ ในวงการเทรนให้ แล้วพอปี 2551 ก็มีโอกาสเข้าแข่งขันเพาะกายรุ่นเยาวชนก็ได้แชมป์เลย แต่หลังจากนั้นเราก็ต้องทำตัวให้เล็กลงเพื่อทำงานในวงการ ก็หายไปช่วงหนึ่งเลยจากการแข่งขัน”
หลังจากกลับมาทำงานในวงการได้ 3 ปี ในประเทศไทยได้มีการเปิดแข่งขันเพาะกายในรุ่นเมนโมเดล ซึ่งไม่ได้เน้นความใหญ่โตของกล้ามเนื้อ แต่จะดูจากบุคลิกและกล้ามเนื้อที่สวยงามสมส่วน ทำให้ต๊อบกลับมาลงแข่งขันอีกครั้งและก็ได้แชมป์ในปี 2556-2557 ทำให้เจ้าตัวติดทีมชาติเข้าแข่งขันที่ต่างประเทศ ถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ต๊อบภูมิใจสุดๆ ที่ได้ทำเพื่อชาติ โดยปัจจุบันนอกจากงานแสดง นายแบบ พิธีกร เจ้าตัวก็ยังเป็นเทรนเนอร์อีกด้วย แม้จะทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็เรียกได้ว่าชีวิตไม่เคยหายจากการออกกำลังกายเลย หากไม่มีวินัยจริงๆ เขาเองคงไม่ได้เป็นถึงแชมป์ ซึ่งเจ้าตัวได้พูดถึงสิ่งนี้ด้วยน้ำเสียงเป็นสุขว่า
“ทุกคนมีเวลาเท่ากันหมด 24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่ว่าเราจะจัดสรรเวลายังไง อย่างผมก็จะฝึกจนชินแล้วว่าต้องออกกำลังกาย จะมีงานถ่ายเช้า ถ่ายดึก ก็ต้องหาเวลาเล่น มีเวลาน้อยนิดก็ต้องออกกำลังกาย แค่ 45 นาทีก็เอา มันมีวิธีการเทคนิคออกกำลังกายที่ทำให้เราได้สุขภาพดีในเวลาเท่านั้น อย่างต๊อบเองก็อยากไปให้ถึงความสำเร็จมากกว่านี้คือแชมป์โลก ซึ่งมันทำให้เราต้องมีวินัยมากทั้งเรื่องการกิน การซ้อม เราไม่เคยอ้างเรื่องเวลากับตัวเองเลย
“อย่างบางคนบอกอยากลดความอ้วน แต่ขี้เกียจเหลือเกิน มันก็ได้แค่นั้น แต่ถ้าเราลงมือทำมันก็ได้กับตัวเราเอง เราได้สุขภาพที่ดีขึ้น ผมเลยอยากบอกกับคนที่บอกไม่มีเวลา ขี้เกียจ ดูผมเป็นตัวอย่าง ลองมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนิดหนึ่ง ถ้าอยากอยู่กับคนที่คุณรักนานๆ คือการออกกำลังกายมันไม่ได้กับใคร เราเล่นเราก็ได้เอง มันเหมือนกับการที่เราออมเงิน เรามีกระปุกใครกระปุกมัน เรายิ่งออมมันทุกวันกล้ามเนื้อของเรามันก็เริ่มใหญ่ขึ้นๆ แล้วยิ่งทำมันมากขึ้น ออมมันมากขึ้น หาวิธีเทคนิคออมที่เร็วขึ้น เราก็จะยิ่งได้กล้ามเนื้อที่ชัด ผมอยากให้คิดว่าเป็นการออมสุขภาพให้ตัวเองมากกว่า”
ถึงตรงนี้เจ้าของหุ่นล่ำดีกรีแชมป์ยังฝากบอกถึงคนที่สนใจอยากเข้ายิมออกกำลังกายให้ฟังอีกว่า
“การออกกำลังกายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทัศนคติต่อตัวเองที่ดีก่อน เวลาเราจะเริ่มเข้ายิม เราต้องมีทัศนคติต่อตัวเราก่อนว่าเราต้องการอะไร ถ้าหากเราอยากลดน้ำหนัก เล่นเอาสุขภาพเราก็ศึกษาดู อย่าเขินอย่าอาย ถามคนที่เล่นก่อนเราได้เลย พวกที่เล่นกล้ามตัวใหญ่ๆ จริงๆ ไม่ได้น่ากลัว (หัวเราะ) แล้วทุกคนอยากช่วยบอกช่วยสอนหมด ถามแล้วก็เอาความรู้นั้นเข้ามาช่วยในการออกกำลังกายของเรา แล้วก็พยายามหาวิธีการเล่นของตัวเองให้เจอ”
ถึงตรงนี้หากใครอยากติดตามชีวิตรักสุขภาพของพระเอกหุ่นบาดใจสาวคนนี้ก็ตามกันได้ที่อินสตาแกรม TOB_CHAIWAT


