posttoday

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

25 กรกฎาคม 2558

น้ำมัน แหล่งพลังงานหลักของโลกกำลังจะหมดลง บ้างก็ว่าไม่ช้าไม่นานอีก 50 ปีข้างหน้า เราก็จะไม่มีน้ำมันใช้

โดย...วราพงษ์ ป่านแก้ว ภาพ... บางจากปิโตรเลียม

น้ำมัน แหล่งพลังงานหลักของโลกกำลังจะหมดลง บ้างก็ว่าไม่ช้าไม่นานอีก 50 ปีข้างหน้า เราก็จะไม่มีน้ำมันใช้ บ้างก็แย้ง 50 ปีที่ว่า พูดกันมาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ถึงตอนนี้น่าจะเหลือแค่ 30 ปี จริงๆ แล้ว จะเหลืออีก 50 ปี หรือ 30 ปี ก็ไม่ผิด เพราะมีเงื่อนไขต่อท้ายในกรณีที่ไม่สามารถหาแหล่งน้ำมันใหม่ๆ ได้เพิ่ม ปริมาณน้ำมันที่มีอยู่จะลดน้อยลงเรื่อยๆ และหมดลงในที่สุด แต่ถ้ายังหาแหล่งน้ำมันใหม่ๆ ก็จะต่ออายุการใช้ออกไปได้อีก

แต่ถ้ามองกันยาวๆ ถึงวันหนึ่ง น้ำมันจากฟอสซิลก็จะหมดลงไปอย่างแน่นอน เพราะกระบวนการที่จะเกิดน้ำมันขึ้นมาใหม่ใช้เวลาเป็นล้านๆ ปี คงไม่ทันกับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน นั่นจึงเป็นที่มาของการมองหาพลังงานทดแทนของชาวโลก ไม่ว่าพลังงานที่ได้จากน้ำ พลังงานที่ได้จากลม พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพ ชีวมวล

รวมไปถึงการใช้พลังงานจากใต้พิภพที่เราอาจจะไม่คุ้นชินนัก แต่ก็เป็นพลังงานทางเลือกอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้ามาใช้ได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งทางบริษัท บางจากปิโตรเลียม บริษัทพลังงานของไทยที่พยายามเสาะแสวงหาพลังงานทางเลือกเหล่านี้มาทดแทนพลังงานจากฟอสซิลที่กำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ และเป็นที่มาของการเดินทางไปดูการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ประเทศนิวซีแลนด์

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

ไฟฟ้าจากความร้อนใต้พิภพที่แดนกีวี่

นิวซีแลนด์ หรือดินแดนกีวี่เป็นหนึ่งในประเทศลำดับต้นๆ ที่ประสบความสำเร็จในการนำพลังงานความร้อนจากใต้พิภพมาผลิตไฟฟ้าขายให้กับประชาชน เพราะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) หรือแนวรอยต่อของเปลือกโลกที่มักเกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟประทุอยู่บ่อยๆ นิวซีแลนด์จึงมีทั้งภูเขาไฟและบ่อน้ำพุอยู่เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้นิวซีแลนด์เอาทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ด้วยการนำความร้อนจากใต้พิภพขึ้นมาใช้ปั่นไฟฟ้า

Contact Energy หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานใต้พิภพรายใหญ่อันดับสองของนิวซีแลนด์ มีการผลิต 24% ของไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2013 และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่อันดับสองด้วยส่วนแบ่งการตลาด 22% ของผู้ผลิดไฟฟ้า โดยเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 11 โรง ในประเทศนิวซีแลนด์ มีการผลิตไฟฟ้าหลายรูปทั้งที่เป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ พลังงานน้ำ และก๊าซธรรมชาติ สำหรับโรงงานผลิตไฟฟ้าจากความร้อนจากใต้พิภพนั้น 5 โรง ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเตาโป (Taupo) เมืองที่มีแหล่งพลังงานใต้พิภพอยู่เป็นจำนวนมาก

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

3 ใน 5 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ได้ไปดู คือ Wairakei Power Station เริ่มดำเนินการในปี 1958 และ Wairakei Binary Plant ดำเนินการในปี 2005 มีกำลังการผลิต 132 เมกะวัตต์ และ Te Mihi Power Station เริ่มดำเนินการในปี 2014 มีกำลังการผลิต 166 เมกะวัตต์ ซึ่งกระบวนการผลิตไม่มีอะไรที่ซับซ้อน เพียงเจาะลงไปใต้ดินที่สำรวจแล้วว่ามีแหล่งพลังงานความร้อนอยู่ด้านล่างความลึกมีตั้งแต่ระดับ 400-500 เมตร ไปจนถึง 4-5 กิโลเมตร

การขุดลงไปใต้พิภพ ก็เพื่อไปนำน้ำที่มีความร้อนถึง 200-300 องศาขึ้นมา แต่อย่าเข้าใจผิดว่า จะเอาน้ำร้อนๆ มาผลิตไฟฟ้า น้ำจะถูกส่งเข้าโรงแยกเอาส่วนของเหลวที่เป็นน้ำออกมา ส่วนที่ 2 คือ ไอน้ำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยใช้แรงดันที่เกิดขึ้นตั้ง 5-20 บาร์ไปปั่นไฟฟ้า ส่วนน้ำที่เหลือจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าจะนำไปบำบัดก่อนฉีดกลับลงไปใต้ดินใหม่อีกครั้ง บางส่วนอาจจะำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น นำไปเลี้ยงกุ้ง หรือสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ต้องเลี้ยงในน้ำอุ่น ซึ่งทาง Contact Energy ก็ได้ทำเป็นฟาร์มตกกุ้ง เป็นธุรกิจพลอยได้อีกทางหนึ่งด้วย

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

สำหรับการให้บริการไฟฟ้าของประเทศนิวซีแลนด์ รวมไปถึงออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ (ยกเว้นประเทศไทย) เอกชนจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยการขอสัมปทานกับภาครัฐเพื่อไปจัดหาแหล่งพลังงานในรูปแบบต่างๆ มาใช้ผลิตไฟฟ้า เพื่อให้บริการประชาชนแบบครบวงจร ตั้งแต่ผลิต ปักเสา พาดสาย ติดมิเตอร์ รวมไปถึงการบริการหลังการขาย เป็นการเปิดเสรีให้เกิดการแข่งขันตั้งแต่การหาแหล่งพลังงานที่จะใช้ในการผลิตไฟฟ้า ไปจนถึงราคาและการให้บริการหลังการขาย การโปรโมชั่นในรูปแบบต่างๆ ซึ่งประชาชนเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุด เป็นเรื่องที่น่าคิดสำหรับประเทศไทยว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ควรจะเปิดกว้างให้เกิดการแข่งขันเสรีเช่นเดียวกันนี้

จุดประกายพลังงานจากใต้พิภพในไทย

กลับมาที่เรื่องของพลังงานความร้อนใต้พิภพ ด้วยความที่มีต้นทุนในการผลิตถูกและเป็นการผลิตที่ค่อนข้างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานความร้อนจากใต้พิภพมาผลิตไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในยุคของการแสวงหาพลังงานทดแทน แต่ก็ใช่ว่าในทุกพื้นที่บนโลกจะสามารถจะนำความร้อนที่อยู่ใต้พิภพมาผลิตไฟไฟ้ากันได้ เพราะอย่างน้อยๆ ต้องมีอุณหภูมิที่สูงพอ หรือต้องมีอุณหภูมิที่สูงเกินกว่า 80 องศาเซลเซียสขึ้นไป ถึงจะนำมาใช้ในกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าในแนวนี้ได้ ประเทศที่เหมาะสมมักจะอยู่ในแนวหรือใกล้เคียงกับแนววงแหวนแห่งไฟ ถึงจะผลิตได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่การนำพลังงานความร้อนใต้พิภพมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศไทยจึงยังไม่ประสบผลเท่าที่ควร โดยปัจจุบันไทยมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพต้นแบบอยู่ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพียงแห่งเดียวที่เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2532 สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 300 กิโลวัตต์ แต่ก็มีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อยู่ในไทยอีกหลายแหล่ง แต่ก็ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้

ข้อมูลจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทบ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ระบุว่า ประเทศไทยมีน้ำบาดาลร้อนหรือแหล่งน้ำพุร้อนอยู่จำนวน 112 แห่ง แหล่งน้ำพุร้อนเหล่านี้ถือเป็นพลังงานใต้พิภพที่ไทยครอบครองอยู่ แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ตามอุณหภูมิของน้ำที่ผิวดิน ได้แก่ กลุ่มที่มีอุณหภูมิสูงมากกว่า 80 องศาเซลเซียส ถือเป็นน้ำพุร้อนที่มีศักยภาพสูง ส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคเหนือ กลุ่มที่มีอุณหภูมิ 60-80 องศาเซลเซียส เป็นน้ำพุร้อนที่มีศักยภาพปานกลาง และกลุ่มที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส เป็นน้ำพุร้อนที่มีศักยภาพต่ำ

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ทำให้ความเป็นไปได้ที่จะนำพลังงานความร้อนจากแหล่งน้ำพุรัอนที่มีศักยภาพสูงมาใช้ในผลิตกระแสไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้น ถือเป็นการจุดความหวังการใช้พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทนในไทยให้ส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่ ทบ.ได้ดำเนินโครงการศึกษาและสำรวจแหล่งน้ำพุร้อน พบว่า แหล่งน้ำพุร้อนที่มีแนวโน้มและศักยภาพความน่าจะเป็นแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่เหมาะสม เบื้องต้น 16 พื้นที่ จากแหล่งน้ำพุร้อน 112 แห่ง และได้คัดเลือกให้เหลือ 5 พื้นที่ เพื่อสำรวจธรณีวิทยาและศึกษารายละเอียดเชิงลึกในแต่ละพื้นที่

ประกอบไปด้วย น้ำพุร้อนเหมืองแร่-เมืองแปง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน น้ำพุร้อนฝาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ น้ำพุร้อนห้วยทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย น้ำพุร้อนแม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย และน้ำพุร้อนคลองปลายพู่ อ.กะปง จ.พังงา และจะคัดให้เหลือ 1 แห่ง เพื่อเจาะบ่อสำรวจในระดับความลึกไม่น้อยกว่า 1,000 เมตร  เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพของประเทศไทยต่อไป ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ที่ระดับความร้อนไม่สูง ก็สามารถต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยว และยังสามารถนำแหล่งน้ำร้อนใต้ดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในอนาคต

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

เป็นความพยายามอีกก้าวหนึ่งในการหาพลังงานทางเลือกมาแบ่งเบาการใช้พลังงานจากน้ำมันที่ลดน้อยลงทุกวัน แม้จะทดแทนได้เพียงน้อยนิด แต่ก็เป็นน้อยนิดที่มหาศาลกว่าที่ใครๆ จะคิด 

ข้อคิดจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพลังงานทดแทนที่เมืองเบียร์

โดย...เบญจวรรณ รัตนวิจิตร

หันกลับมาดูการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ซึ่งเป็นจำเลยสังคมมาอย่างยาวนาน ล่าสุดคือ การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา จ.กระบี่ กำลังเป็นประเด็นร้อนของสังคมไทย แต่สำหรับประเทศเยอรมนี โรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ร่วมกับชุมชนมานาน 20-30 ปีแล้ว

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

ปลายปี 2557 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พาสื่อมวลชนศึกษาดูงานโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศเยอรมนีแห่งแรก คือ โรงไฟฟ้าถ่านหิน Schwarze Pumpe ของบริษัท แวนเทนฟอลล์ ตั้งอยู่ที่เมืองสเปรมเบิร์ก ที่มีพรมแดนติดกับประเทศโปแลนด์

โรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ในแหล่งที่มีทรัพยากรถ่านหินจำนวนมาก มีการลำเลียงถ่านหินจากเหมืองเข้าสู่โรงไฟฟ้าด้วยรถไฟ รถบรรทุก ผ่านชุมชนที่มีคนอยู่ประมาณเกือบ 3 หมื่นคน ภายในโรงไฟฟ้าเองมีพนักงานรวมลูกจ้างอยู่ประมาณ 500 คน

โรงไฟฟ้าถ่านหิน Schwarze Pumpe เดินเครื่องมาตั้งแต่ปี 2541 พร้อมพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ ผู้บรรยาย กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งนี้ปลอดคาร์บอนไดออกไซด์ ที่แม้แต่นกยังสามารถมาทำรังสร้างครอบครัวที่บริเวณปล่องปล่อยไอน้ำทุกปี

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

โรงไฟฟ้าถ่านหินอีกแห่งหนึ่งของเยอรมนี Mainova อยู่ใจกลางเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ริมแม่น้ำไมน์ รอบๆ โรงไฟฟ้ามีอาคารบ้านเรือน สำนักงาน ระบบขนส่งมวลชน ใช้ระบบการขนถ่ายถ่านหินด้วยเรือ ลำเลียงถ่านหินขึ้นไปกองอยู่กลางเมือง โดยไม่มีระบบปิดหรือป้องกัน มีสายพานลำเลียงถ่านหินเข้าสู่โรงไฟฟ้าผ่านถนน ท่ามกลางคนเยอรมันที่ใช้ชีวิตอย่างปกติ

แม้จะไม่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คนเยอรมันว่าได้รับผลกระทบใดๆ จากโรงไฟฟ้าถ่านหินบ้างหรือไม่ แต่ภาพชีวิตที่เห็นเป็นปกติ ส่วนหนึ่งสะท้อนการใช้ชีวิตของคนเยอรมันที่สามารถอยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้าถ่านหินได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประเทศเยอรมนีและประเทศพัฒนาอื่นๆ ในโลกกังวลเหมือนกัน คือ พลังงานเหล่านี้มีโอกาสหมดไป จึงเริ่มมองหาพลังงานทางเลือกอื่นมาทดแทน สำหรับเยอรมนี ทางเลือกหนึ่ง คือ การใช้พลังงานลม

ไฟฟ้า...จากใต้พิภพ

 

การเดินทางครั้งนี้มีโอกาสแวะชมพลังงานลมของโรงไฟฟ้าพลังงานลม Binselberg wind park เป็นของบริษัท HSE ตั้งอยู่ที่เมือง Binselberg เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่ผลิตจากกังหันลม 2 ต้น ราคาต้นละ 5 ล้านยูโร โดยรัฐบาลได้จัดสรรพื้นที่คล้ายอุทยานเพื่อติดตั้งกังหันลมโดยเฉพาะ เพราะต้องอยู่ห่างครัวเรือนไม่น้อยกว่า 1,000 เมตร

ขณะที่ตลอดเส้นทางของถนนไฮเวย์จะเห็น Wind park จำนวนมากในประเทศเยอรมนี แต่ในความเป็นจริงกังหันลมเหล่านี้ผลิตไฟฟ้าได้แค่ 9.5% ของพลังงานทั้งหมดในเยอรมนี โดยช่วงที่มีลมมากที่สุด คือ เดือนต.ค.-มี.ค. กังหันแต่ละต้นจะมีกำลังผลิตสูงสุด 2,000 กิโลวัตต์ แต่ผลิตได้จริงเพียง 2 วัตต์เท่านั้น และค่าไฟจะอยู่ที่ 16 บาท/หน่วย ซึ่งถือว่าแพงมาก

อย่างไรก็ตาม เยอรมนียังวางเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 80% ของพลังงานทั้งหมดภายในปี 2050 เพราะตระหนักดีว่าพลังงานจากถ่านหิน น้ำมันเตา หรือก๊าซธรรมชาติต่างๆ ใช้แล้วมีโอกาสหมดไป หากไม่สามารถสร้างพลังงานทดแทนชนิดอื่นๆ ขึ้นมาได้ โลกจะเผชิญความเสี่ยงด้านวิกฤตพลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68