posttoday

พิพัฒน์ ธัญญกิจ ก้าวเดินบนเส้นทางสายความฝัน

14 กรกฎาคม 2558

หนุ่มหล่อหน้าตาคมเข้มวัย 26 ปี “อาร์ท-พิพัฒน์ ธัญญกิจ”

โดย...ภาดนุ ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

หนุ่มหล่อหน้าตาคมเข้มวัย 26 ปี “อาร์ท-พิพัฒน์ ธัญญกิจ” เล่าว่า หลังเรียนจบปริญญาตรี เอกวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เขาก็ยึดอาชีพนายแบบโฆษณาและนักแสดงมาโดยตลอด

“อาชีพของผมจริงๆ แล้วจะเรียกว่าเป็น ‘นักแสดงอิสระ’ ก็ไม่ผิดนักนะครับ ที่จริงแล้วผมเริ่มไปแคสติ้งงานและเริ่มถ่ายโฆษณามาตั้งแต่เรียนอยู่ปี 2 แล้วครับ เพราะเพื่อนผมเป็นคนแนะนำ ซึ่งมีทั้งงานโฆษณาทางวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งเล่นมิวสิควิดีโอ ถ่ายวิดีโอพรีเซนเทชั่นของภาครัฐและเอกชน จากนั้นก็เริ่มถ่ายละครสั้น หนังสั้น และภาพยนตร์บ้างประปราย จนตอนนี้น่าจะมีผลงานของผมผ่านสายตาผู้ชมกันไปบ้างแล้ว แต่คนอาจจะยังจำหน้าผมไม่ค่อยได้” (ยิ้ม)

อาร์ท บอกว่า โฆษณาตัวแรกที่เขาถ่ายก็คือแพ็กเกจ “ซูเปอร์เหมา” *339 ของอาร์เอส ซึ่งได้ร่วมงานกับนักร้องวงทรีทูวัน และยังมีโฆษณาสินค้าทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์อีกหลายตัว แต่โฆษณาโทรทัศน์ที่คนจำหน้าเขาได้เยอะที่สุดก็คือ โฆษณาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในชุด “เพื่อนบ้าน” ที่เขารับบท “วิทย์” หนุ่มพนักงานการไฟฟ้าฯ ที่ร่วมมือกับชาวบ้านช่วยกันขนกระสอบทรายเพื่อรับมือกับฝนตกน้ำเซาะเสาไฟฟ้านั่นไง

พิพัฒน์ ธัญญกิจ ก้าวเดินบนเส้นทางสายความฝัน

“ส่วนมิวสิควิดีโอที่ผมได้เล่นก็มีเพลง ‘คนไหนโสด’ ของ แกงส้ม-โดม เดอะสตาร์ เพลง ‘พรุ่งนี้ยังมีคนดีที่รักเธอ’ ของ สมชาย นิลศรี แชมป์จากรายการ ไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 3 เพลง ‘รักเธอไม่มากพอ’ ของวงสเตตัส ซิงเกิ้ลรวมทั้งเพลงลูกทุ่งของนักร้องสาวชื่อดังอย่างเพลง ‘ไม่ได้เจตนา’ ของ ตั๊กแตน ชลดา เพลง ‘ตะวันตกที่หัวใจ’ ของ รัชนก ศรีโลพันธุ์ และอื่นๆ ครับ”

อาร์ท เสริมว่า นอกจากนี้ เขายังเป็นนักแสดงร่วมในภาพยนตร์เรื่อง “สมอลล์รู กูแนว” และ “ปล้นนะยะ 2” ด้วย และเมื่อปี 2556 เขาได้รับบทเด่นในภาพยนตร์เรื่อง Jai Koi ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในประเทศญี่ปุ่น นางเอกก็เป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้ถูกนำไปฉายโชว์ที่งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปีนั้นด้วย

“ตอนที่เรียนจบปริญญาตรี ผมมีโอกาสได้ไปเล่นหนังเรื่อง Jai Koi ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่จริงแล้วผมต้องบินไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่นั่นเป็นเวลา 3 เดือน แต่เพราะติดภารกิจทำให้ต้องบินไปๆ มาๆ จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผมต้องไปเกณฑ์ทหาร เนื่องจากผมไม่ได้เรียน รด. (รักษาดินแดน) เมื่อเรียนจบก็หมดเขตผ่อนผันพอดี ผมจึงตัดสินใจสมัครไปเป็นทหารเรือ (ทร.1) เป็นเวลา 6 เดือน”

พิพัฒน์ ธัญญกิจ ก้าวเดินบนเส้นทางสายความฝัน

 

อาร์ท เผยว่า การสมัครไปเป็นทหารเรือ 6 เดือนนั้น ให้ประสบการณ์ที่ดีกับชีวิตเขามาก เพราะมีการฝึกหนักๆ ทุกวัน โดยต้องฝึกแถว ฝึกความแข็งแรง ตื่นมาวิ่งตั้งแต่ตี 5 ฝึกว่ายน้ำ ฝึกยิงปืน วันหนึ่งอาบน้ำแค่รอบเดียวตอน 4 โมงเย็น เข้านอนก่อน 3 ทุ่ม เป็นอย่างนี้ทุกวัน แต่เพราะเขาจบปริญญาตรี ช่วงท้ายๆ จึงได้มาเป็นฝ่ายธุรการ แต่ฝ่ายนี้ก็ต้องฝึกความอดทนในทุกด้านเหมือนกัน เรียกว่าได้รสชาติของชีวิตไปอีกแบบหนึ่ง

“เมื่อหมดวาระการทำหน้าที่ทหาร ผมก็บวชพระอีก 1 เดือน แล้วจึงเริ่มกลับมารับงานในวงการบันเทิงเหมือนเดิม นอกจากนี้ ผมยังเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับเฮลท์โซลูชั่นซึ่งเป็นธุรกิจแฟรนไชส์เกี่ยวกับอาหารเสริมหลายตัวที่ได้ลิขสิทธิ์ถูกต้องจากสหรัฐด้วยครับ โดยมีโมเดลธุรกิจในแบบมาร์เก็ตติ้ง เน็ตเวิร์กที่สามารถขยายไลน์ลูกค้าไปเรื่อยๆ ธุรกิจนี้เป็นแบบ Passive Income ซึ่งคนที่ทำจะมีอิสระในเรื่องเวลาและเรื่องเงิน โดยปล่อยให้เครือข่ายของธุรกิจมันรันไปเรื่อยๆ

แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจนี้ผมได้มาจากการอ่านหนังสือประเภท ‘พ่อรวยสอนลูก’ หลายๆ เล่ม รวมทั้งหนังสือ ‘เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร’ ของ พอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์ ซึ่งพี่พอลเขาก็ทำธุรกิจแบบ Passive Income นี้เหมือนกัน ซึ่งผมว่าธุรกิจนี้ก็คล้ายๆ กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นะ แต่เราไม่ต้องลงทุนด้วยเงินมหาศาลแบบนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกลงทุนหรือทำธุรกิจกับบริษัทที่น่าเชื่อถือด้วยนะครับ ผมว่าคนเจเนอเรชั่นนี้มักจะไม่ค่อยชอบทำงานประจำกันแล้ว ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ กันซะมากกว่า”

หนุ่มหล่อ บอกว่า คติในการทำงานของเขาก็คือ ทำต่อไปเรื่อยๆ อย่าได้ท้อ จะสิบจะร้อยครั้งก็ทำไปโดยไม่ต้องนับ แต่ให้นับหนึ่งก็ต่อเมื่องานหรือธุรกิจนั้นเริ่มประสบผลสำเร็จแล้ว อย่ากลัวที่จะลองผิด ลองถูก แล้วจะพบกับความสำเร็จได้เอง

พิพัฒน์ ธัญญกิจ ก้าวเดินบนเส้นทางสายความฝัน

 

“ที่จริงแล้วคุณพ่อผมเคยบอกว่า อยากให้ผมทำงานประจำที่มั่นคงสักงานหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งงานที่ผมมองไว้ก็คือการเป็นผู้ประกาศข่าว เพราะอย่างที่รู้กันว่าอาชีพนักแสดงมันมีอายุงานที่สั้น น่าจะทำได้อีกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งตอนนี้ผมก็รอโอกาสอยู่ครับ ส่วนธุรกิจที่วางไว้ถ้าในอนาคตมันเกิดประสบความสำเร็จขึ้นมาก็ค่อยว่ากันอีกที”

อาร์ท บอกว่า นอกจากงานเบื้องหน้าแล้ว งานเบื้องหลังเขาก็สามารถทำได้หมด ทั้งเขียนบท กำกับการแสดง ตัดต่อ เป็นครีเอทีฟ เป็นช่างกล้อง รวมทั้งเป็นคนคัดตัวนักแสดงก็ทำได้…พอถามถึงเรื่องหัวใจ หนุ่มหล่อบอกว่าตอนนี้หัวใจเขายังว่างและโสดสนิท ขอเวลาสร้างฐานะให้มั่นคงและดูแลพ่อแม่ให้ดีซะก่อน จึงค่อยคิดเรื่องการมีครอบครัว

“ในอนาคตผมมีความฝันว่า อยากจะสร้างโรงเรียนสอนการแสดง สอนดนตรี และสอนร้องเพลงขึ้น เพื่อเปิดสอนเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสโดยไม่คิดเงินค่าเรียน ผมว่าที่จริงแล้วเด็กบางคนมีความสามารถมากนะ แต่บางครั้งพวกเขาก็ไม่ได้รับโอกาสดีๆ เลยทำให้ไปไม่ถึงฝัน ซึ่งจุดนั้นผมก็เคยผ่านมาแล้ว ผมเลยอยากลุกขึ้นมาเป็นผู้สร้างโอกาสให้กับเด็กๆ เหล่านี้ ส่วนเด็กที่ทางบ้านมีฐานะดี ถ้าอยากจะมาเรียนก็ได้ แต่ต้องคิดเงินนะครับ” (หัวเราะ)

หนุ่มหล่อทิ้งท้ายว่า ในวันว่างเขาชอบเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย แล้วก็ชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือฮาวทูเกี่ยวกับการทำธุรกิจ นอกจากนี้ ยังชอบเข้าวัดทำบุญปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำอีกด้วย

แหม! รูปหล่อ นิสัยดี ใจบุญขนาดนี้ ถือเป็นหนุ่มในสเปกของสาวๆ เลยล่ะ

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ