‘เมล็ดพันธุ์ใหม่’ นิสิตวนศาสตร์ มก. ลงป่าชุมชน สร้างความยั่งยืน
โดย...[email protected]
การจัดการป่าไม้ให้ยั่งยืน ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการจัดการคนโดยรอบพื้นที่ป่า และป่าชุมชนเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญในการช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ไทย โครงการ “เมล็ดพันธุ์ใหม่” เป็นโครงการที่นิสิตวนศาสตร์ได้เรียนรู้แลกเปลี่ยน และนำองค์ความรู้เชิงวิชาการทางด้านวนศาสตร์ชุมชนไปใช้จัดกิจกรรมในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ร่วมกับชาวบ้าน
ชุณหกร แซ่ลิ่ม หรือ ชุณ นิสิตชั้นปีที่ 5 หลักสูตรปริญญาตรีคู่ขนาน (2 ปริญญา) สาขาคณะวนศาสตร์ชุมชนและสาขาสังคมและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ประธานโครงการ “เมล็ดพันธุ์ใหม่” เล่าถึงวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ว่า เพื่อให้นิสิตคณะวนศาสตร์เกิดการพัฒนาศักยภาพทางด้านความเป็นผู้นำ การทำงานในพื้นที่ชุมชนร่วมกับคน จนสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบและมีคุณภาพ การนำองค์ความรู้ทางด้านวนศาสตร์ชุมชนไปใช้ในการพัฒนา ส่งเสริมพื้นที่ป่าชุมชนให้เกิดเป็นผลงานทางด้านวนศาสตร์ชุมชนเพื่อส่งต่อให้ชุมชนได้นำไปใช้ประโยชน์ อีกทั้งเป็นการเผยแพร่ข้อมูลทางด้านวิชาการป่าไม้ให้กับสังคม
“ผมมองว่าชุมชน คน เป็นฟันเฟื่องหลักที่สำคัญในการดูแลป่าไม้ และนิสิตเองจะได้เรียนรู้ถึงกระบวนการในการทำงานร่วมกับชุมชน การพูดคุย การรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่จริง และได้นำเอาองค์ความรู้ทางด้านวนศาสตร์ชุมชนที่ได้ร่ำเรียนมาใช้ในการปฏิบัติจริง เช่น การลงพื้นที่ชุมชนเพื่อเก็บข้อมูลพื้นฐาน การศึกษาประวัติศาสตร์ด้านป่าชุมชน การทำแผนที่ป่าชุมชน การทำแผนผังการหมุนเวียนทรัพยากรป่าชุมชน เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับชาวบ้าน อีกทั้งตัวนิสิตเองยังได้เกิดการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน ผ่านกิจกรรมการปลูกต้นไม้ การสร้างฝายถาวรในพื้นที่ป่าชุมชน และการแข่งขันกีฬา”
การจัดการป่าไม้ให้ยั่งยืนนั้น ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการจัดการคนโดยรอบพื้นที่ป่าด้วยเช่นกัน ดังนั้นบนเส้นทางงานด้านป่าไม้ของนิสิตคณะวนศาสตร์ มก. มองว่า ชุมชนมีส่วนสำคัญในการช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ไทย ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หรือภาครัฐเท่านั้น แต่ต้องเป็นคนไทยทุกคนที่หันมาช่วยกันปกป้องดูแล รักษาไว้ ให้ป่าอุดมสมบูรณ์ เพราะผืนป่าคือทรัพยากรของคนในชาติทุกคน
จิรายุ เปี่ยมรอด หรือ โบ๊ท นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะวนศาสตร์ กล่าวว่า ประทับใจกับการจัดการป่าชุมชนของคนที่นี่มาก เพราะชาวบ้านมีการถ่ายทอดความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับป่าชุมชนให้กับทุกคนที่มาศึกษาดูงาน “โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ชาวบ้านก็มองว่าพวกเราคือลูกหลานที่มีหัวใจรักษ์ในทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม พวกเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับชนิดสมุนไพร ชนิดต้นไม้ และประโยชน์ที่มนุษย์ได้รับจากป่าชุมชน อีกทั้งเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างชาวบ้านและตัวผมเอง
การเรียนรู้ป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี ที่นี่เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ ผู้ปลูกคือชาวบ้านที่มีประสบการณ์ เมล็ดพันธุ์คือพวกเราที่ได้รับการปลูกฝัง และสามารถเจริญเติบโตต่อไปในป่าที่เรียกว่าเมืองได้ต่อไป”
นับเป็นมิติใหม่ของโครงการ “เมล็ดพันธุ์ใหม่” ที่นิสิตคณะวนศาสตร์ ได้นำองค์ความรู้ตามหลักวิชาการไปสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่จริง และได้สัมผัสกับป่าชุมชนอย่างใกล้ชิด และยังนำความรู้ภูมิปัญญาที่ชุมชนได้ถ่ายทอดให้นิสิตรุ่นใหม่ในโครงการได้เข้าใจถึงวิถีความเป็นอยู่ ความรู้ภูมิปัญญาของผู้ดูแลรักษาป่าชุมชนให้อยู่ยั่งยืน ดังนั้นการอนุรักษ์ หรือการจัดการป่าไม้เพื่อการเปลี่ยนแปลง
หัวใจสำคัญ คือ ต้องคำนึงถึงวัฒนธรรม ความเชื่อดั้งเดิมของชาวบ้าน และต้องให้ความสำคัญกับเยาวชนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน


