posttoday

การกลับมาของ สุชาติ ชวางกูร ต้นฉบับนักร้องเสียงหล่อ : Let's Talk

21 กันยายน 2552

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

ปี 2524 คนไทยได้รู้จักชื่อ สุชาติ ชวางกูร เป็นครั้งแรกในฐานะนักร้องชายคนแรกและคนเดียวที่ได้รางวัลชนะเลิศการประกวดนักร้องสมัครเล่นยอดเยี่ยมแห่งราชอาณาจักรไทย “Thailand Amateur Singing Contest” สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3

ถัดมาไม่นาน ชายหนุ่มคนนี้ก็สามารถทำให้ทุกคนจดจำได้อีกครั้ง หลังออกอัลบั้มชุดแรกที่ชื่อว่า “สายธาร” กับค่ายอีเอ็มไอ ประเทศไทย ด้วยเสียงอันหล่อเหลาและหวานซึ้งตรึงใจ ผลักดันให้เขากลายเป็นศิลปินนักร้องที่ฮอตที่สุดคนหนึ่งของยุคนั้น บทเพลงดังอย่าง ใจรัก, ภวังค์รัก, ดั่งเม็ดทราย, เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป ฯลฯ ถูกเปิดอย่างถี่ยิบในทุกคลื่นวิทยุ จนวัยรุ่นร้องตามกันได้ทั้งประเทศ

ระยะเวลากว่า 25 ปี จวบจนปัจจุบัน สุชาติ ชวางกูร เจ้าของฉายาต้นฉบับนักร้องเสียงหล่อ มีอัลบั้มออกมาทั้งหมด 16 ชุด รวมกว่า 200 เพลง ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากวงการดนตรี ทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันแสนงดงามผ่านหลากหลายบทเพลงไพเราะให้ย้อนระลึกถึงวันวาน

แต่แล้ววันนี้ ข่าวใหญ่ที่ปลุกบรรดาคนหนุ่มสาวยุค 1980 ให้กลับมาตื่นเต้นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นั่นคือคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 6 ปี “สุชาติ ชวางกูร อะ แมน ฟอร์ ออล ซีซั่นส์” ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ต.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี

โพสต์ทูเดย์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์อดีตขวัญใจวัยรุ่นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ในยามบ่ายวันหนึ่ง ณ ร้านกาแฟเล็กๆ ย่านถนนพระอาทิตย์ เพื่อบอกเล่าถึงความเป็นไปบนเส้นทางชีวิตของเขาคนนี้

“ความจริงผมก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก ก็ใช้ชีวิตตามปกติ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ขึ้นเวทีไปร้องเพลงเท่านั้น

เวลาไปไหนมาไหนแล้วเจอแฟนๆ เขาก็เรียกร้องอยากดูคอนเสิร์ตเรานะ ไถ่ถามมาเรื่อยๆ แหละ แต่ผมขี้เกียจทำเอง ไม่ค่อยถนัดอะไรแบบนั้น นานหลายปีแล้วที่ไม่ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ เต็มที่ก็แค่งานเล็กๆ ไม่เกินร้อยที่นั่ง จนได้มาเจอกับคุณตั้วภูษิต ศศิธรานนท์ (ซีอีโอ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค) ซึ่งเขาทำงานเกี่ยวกับการจัดนิทรรศการ การประชุม และเผอิญเป็นแฟนเพลงตัวยงของผม เขาเลยอยากจะเป็นโต้โผจัดคอนเสิร์ตใหญ่ให้” สุชาติเล่าว่า งานนี้เป็นงานที่เขาสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ต้องปวดหัวในการเลือกเพลงมาร้อง ระหว่างเพลงที่ตัวเองอยากร้องกับเพลงที่คนฟังอยากฟัง ไม่รู้จะเอายังไงดี แต่พอเจอแฟนพันธุ์แท้รายนี้จัดการให้แทบจะสมบูรณ์แบบ ใบหน้ายามนี้ของเขาจึงดูมีความสุขอย่างที่เห็น

“คุณตั้วเขาเป็นคนเลือกเพลงเลยว่าอยากให้ร้องเพลงอะไรบ้าง ผมเลยสบายไม่ต้องคิดเอง ผมว่าจริงๆ แล้วการทำคอนเสิร์ต คนร้องก็อยากร้องในเพลงที่อยากร้อง แต่ก็ไม่แน่ว่าเพลงที่อยากร้องคนเขาอยากฟังหรือเปล่า ฉะนั้นก็ต้องให้คนที่อยากฟังเป็นคนบอก แล้วยิ่งเขาเป็นแฟนเพลงอยู่แล้วด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ เขาจะรู้จักเพลงของผมทุกอัลบั้ม บางเพลงผมยังจำไม่ได้ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ” นักร้องเสียงหล่อยิ้มเขินๆ

คอนเสิร์ตครั้งนี้อยู่ภายใต้คอนเซปต์ที่ว่า A Man For All Seasons หมายถึง บทเพลงทั้งหมดที่ผ่านมาของสุชาติ ชวางกูร ในแต่ละยุคสมัย แต่ละฤดูกาล ทั้งเพลงลูกกรุง ลูกทุ่ง เพลงสากล รวมถึงเพลงจังหวะมันๆ ที่เป็นที่ชื่นชอบใจของวัยรุ่นยุคนั้น ล้วนแสดงถึงวัยที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาแล้วมากมาย รวมการแสดงทั้งสิ้นกว่า 3 ชั่วโมง กว่า 40 บทเพลงคัดสรร
“หากเป็นเหล้าก็ผ่านการบ่มมาอย่างดี หากเป็นเพชรก็จะเป็นเพชรที่เจียระไนมาแล้ว” เขาเคยเปรียบเปรยไว้อย่างนี้

นอกจากนี้ ความพิเศษของคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 6 ปีครั้งนี้ สุชาติยังได้จูงมือแขกรับเชิญมาร่วมสนุกกันบนเวที ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขารักใคร่ชอบพอกันทั้งนั้น มีทั้ง จันทนีย์ อูนากูล ศิลปินดังในยุคเดียวกัน เจเน็ท เขียว นักแสดงตลกสาวเสียงดีมากความสามารถ และสุวีระ บุญรอด หรือ คิว วงฟลัวร์ นักร้องเสียงโอเปราขวัญใจวัยโจ๋ในขณะนี้

“พี่น้อย จันทนีย์ ยุคนั้นไม่มีใครเจ๋งเท่าเขาแล้ว เขาก็เป็นนักร้องด้วย มีผลงานที่มีการเรียบเรียงที่สละสลวย ทำนองเพลงก็เพราะ เสียงร้องของเขาก็เพราะ ส่วนเจเน็ท เขียว เคยได้ดูเขาในทีวี ดูแล้วก็รู้สึกบ้าดี พอไปดูโชว์จริงยิ่งบ้าไปกว่านั้นอีก แต่ขณะเดียวกัน หากตั้งใจฟังเจเน็ทเป็นคนที่เสียงเพราะ มีความสามารถในการร้องเพลงมาก เพียงแค่ความสามารถในการทำให้คนหัวเราะมันไปบดบังความสามารถที่มีอยู่ได้ ท้ายสุด น้องคิว วงฟลัวร์ ผมเป็นแฟนเพลงน้องเขา หลังจากได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยาม และได้ฟังเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ก็เลยชอบมาก เลยหยิบเพลงนี้ไปร้องตามงาน คนดูก็จะคาดไม่ถึงเสมอว่าผมจะร้องเพลงนี้” เจ้าของงานคอนเสิร์ตบอกถึงที่มาของแขกรับเชิญในงานนี้ให้ฟัง

สำหรับเส้นทางชีวิตหลังจากห่างเหินจากวงการดนตรี หันหลังให้กับแสงสีและชื่อเสียงอันโด่งดังของตัวเอง ออกมาใช้ชีวิตแบบสามัญชนคนธรรมดาทั่วไป สุชาติย้ำให้ฟังอีกครั้งว่าเขาไม่ได้หายไปไหนอย่างที่ใครๆ คิด หรืออย่างที่คนเขาลือกันด้วยเหตุผลสารพันร้อยแปด

“ผมเดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาและใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นหลายปีจนได้ปริญญาโทมา 3 ใบ ก็ทำงานเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่นั่นด้วย เกี่ยวกับวิชาการเงิน เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ กลับเมืองไทยมาก็ไปเป็นอาจารย์พิเศษ ทั้งเคยเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการเงินและการธนาคาร มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นอาจารย์พิเศษประจำโครงการ Y-MBA มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยสอนวิชาการบริหารการเงินให้กับนักศึกษาระดับปริญญาโท ควบคู่ไปกับรับหน้าที่รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนาในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ”

ในส่วนของชีวิตส่วนตัว นักร้องหนุ่มใหญ่วัย 49 ปี คนนี้ยังคงความหล่อเหลาและดูดีได้เสมอ และที่สำคัญยังครองความโสดไว้อย่างเหนียวแน่น

“ชีวิตคู่มันอยู่ที่ว่าเราเลือก แล้วเขาเลือกด้วยรึเปล่า ไม่ใช่เราเลือกคนเดียว อีกคนนึงต้องเลือกด้วย จึงจะไปเป็นคู่กันได้ ถ้าถามว่าไม่ขวนขวาย ไม่ใฝ่หาแล้วใช่ไหม ... ถ้ามาก็ได้นะ ยินดีต้อนรับ” เขาหัวเราะชอบใจ

“ความสุขในชีวิตผมทุกวันนี้ ผมจะยอมรับในสิ่งที่มีอยู่ และจะสร้างความสุขจากในสิ่งที่เรามี คือพอใจในสิ่งที่เรามีพอใจในสิ่งที่เราเป็น ง่ายๆ แค่นั้นเอง” เขาตอบสั้นๆ

“อัลบั้มใหม่ผมทำเสร็จแล้ว อาจจะวางขายในวันแสดงคอนเสิร์ตเลยก็ได้” นี่เป็นคำบอกเล่าที่แฟนๆ หลายคนได้ยินแล้วอาจจะหงายหลังตึงด้วยความตื่นเต้น เพราะข่าวคราวที่เงียบหายไปของสุชาติ ชวางกูร ทำให้มีผู้คนไม่น้อยที่คิดว่าอดีตนักร้องดังคนนี้คงทิ้งร้างไมโครโฟนไปเรียบร้อยแล้ว เขาเล่าต่อว่า “เป็นเพลงใหม่ 8 เพลง และเพลงเก่ามาทำใหม่อีกประมาณ 14 เพลง โดย 8 เพลงแรกทำกับเพื่อนที่นิวยอร์ก จะเป็นนิวยอร์กซาวด์ปนอเมริกันซาวด์ บันทึกเสียงที่นั่นเลย ส่วนเพลงที่นำมาทำใหม่ก็จะมีกลิ่นอายแบบเก่า แต่ดนตรีจะดูใหม่ขึ้น”

คอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 6 ปี “สุชาติ ชวางกูร อะ แมน ฟอร์ ออล ซีซั่นส์” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ต.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี รายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนสร้างตึก 100 ปี พระปิยมหาราช และบูรณะวังพญาไท

ใครที่ยังคิดถึงสุชาติ ชวางกูร เจ้าของเสียงร้องหวาน และจดจำสุดยอดบทเพลงไพเราะในวันเก่าๆ ได้ ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง