posttoday

ธรรมะ (เพื่อ) ละช็อป

17 มิถุนายน 2558

ทำไมผู้หญิงถึงชอบช็อปปิ้ง? มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งอธิบายความเมามัวในการช็อปปิ้งของหญิงว่า เป็นเรื่องของอำนาจนิยม

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน / จากภาพยนตร์ Confessions of a Shopaholic

ทำไมผู้หญิงถึงชอบช็อปปิ้ง? มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งอธิบายความเมามัวในการช็อปปิ้งของหญิงว่า เป็นเรื่องของอำนาจนิยม ผู้ซื้อมีอำนาจทันทีที่ตัดสินใจซื้อ ได้รู้สึกถึงการเข้าครอบครองยึดถือกรรมสิทธิ์ในสิ่งที่ซื้อนั้น เพียงแค่ควักกระเป๋าจ่ายเงิน ก็ทรงซึ่งอำนาจที่ได้มา...ง่ายๆ แบบนั้น เป็นเรื่องของอำนาจและการแสวงหาอำนาจที่ตนมีอยู่จำกัด โดยเฉพาะหญิงในยุคโบราณซึ่งถูกจำกัดอำนาจและการใช้ชีวิต

น่าคิดว่า ถ้าการช็อปปิ้งถูกอธิบายในเชิงของอำนาจนิยม จะอธิบายอย่างไรเกี่ยวกับการบ้าช็อปของหญิงในยุคปัจจุบัน วิวัฒนาการของการช็อปปิ้งที่ผันแปรมาสู่พยาธิสภาพของโรคเสพติดการช็อปปิ้ง (Shopaholic) ที่อธิบายด้วยสาเหตุทางการแพทย์ว่า เกิดจากร่างกายที่สร้างฮอร์โมนขึ้นมาให้มีความสุข ระยะต่อมาร่างกายก็จะเสพติดความสุขดังกล่าว และต้องการกลับเข้าสู่ห้วงแห่งความสุขนั้นเรื่อยๆ เมื่อรุนแรงขึ้นเรียกว่า Compulsive buying disorder

เห็นป้ายเซลล์แล้วถลาเข้าใส่ เกิดพฤติกรรมใช้เงินเกิน ผลเสียตามมาคือหนี้สิน ในบางรายมีภาวะซึมเศร้า แล้วจะทำอย่างไรกันดี...ต่อยอดจากงานวิจัยเรื่อง “กระบวนการปลูกฝังค่านิยมการบริโภคด้วยพุทธิปัญญาสำหรับวัยรุ่น” ของ ดร.กมลาศ ภูวชนาธิพงศ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่สะท้อนปัญหาเรื่องการบริโภคนิยมและการใช้ชีวิตของวัยรุ่น ผู้วิจัยสนใจต่อมาถึงกระบวนการสร้างค่านิยมเรื่องการบริโภคของสาวๆ ในยุคทุนนิยมเต็มขั้นด้วยหลักธรรม

 

 

ดร.กมลาศ ตั้งโจทย์ว่า พฤติกรรม “เสพติดการช็อปปิ้ง” จะแก้ไขได้ด้วยหลักธรรมะข้อใด แต่ก่อนจะไปถึงคำตอบ อันดับแรกต้องตอบให้ได้ก่อนว่า สาเหตุของปัญหามาจากอะไร สังคมปัจจุบันเป็นยุคบริโภคนิยมที่มีความเจริญทางวัตถุมากกว่าด้านจิตใจ คนในสังคมส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ได้รวดเร็ว สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่เสพข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสสังคม มีพฤติกรรมการบริโภคในชีวิตประจำวันหรือรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปตามกระแสนิยม เช่น การซื้อของผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือช็อปปิ้งออนไลน์

“เรานั่งทำงานอยู่ที่ไหนก็สามารถช็อปปิ้งได้ทางออนไลน์ มีสินค้าใหม่ๆ เป็นตัวล่อกิเลสให้ใช้จ่ายตลอดเวลา สิ่งนี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความอยากซื้อของอย่างไร้ขีดจำกัด ขาดการยั้งคิด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องใช้ แฟชั่น โทรศัพท์สมาร์ทโฟน สินค้าแบรนด์เนม หรือแม้แต่สินค้าความงาม การทำศัลยกรรม ซึ่งเป็นสินค้าและบริการยอดนิยมสำหรับคนรุ่นใหม่ในเวลานี้”

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความฟุ้งเฟ้อ ความต้องการแสวงหาความสุขจากภายนอกอย่างไม่มีสิ้นสุด เพื่อเติมเต็มความสุขของตัวเอง เมื่อได้ซื้อของมาครอบครองแล้ว ก็ยังไม่เกิดความพอใจ แต่มีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีสินค้าใหม่และบริการใหม่ๆ นำเสนอกระตุ้นให้เกิดความอยากใช้จ่ายตลอดเวลา ตกหลุมพรางหลงตามกระแสบริโภคนิยมได้ง่าย จนเสพติดการช็อปปิ้งในที่สุด ยับยั้งชั่งใจไม่ได้ ใช้จ่ายเกินพอดี ทำให้เกิดภาระหนี้มากมาย

“เสพเกินความพอดี เพราะไม่รู้จักคิดพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่อยู่ในระดับความพอดีของตนเอง จนเกิดเป็นค่านิยมวัตถุนิยมไปโดยอัตโนมัติ” ดร.กมลาศเล่า

กระแสค่านิยมทางวัตถุนิยมนับว่าเป็นกระแสที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เข้าใจไปว่าเมื่อครอบครองวัตถุมากเท่าไร จะกลายเป็นคนที่มีผู้ชื่นชมมากยิ่งขึ้นในสังคม และเข้าใจมีทรัพย์สินเงินทองมาก จะเป็นเครื่องชี้วัดความสุขของตัวเองเพิ่มขึ้น วิถีชีวิตของคนในสังคมยุคบริโภคนิยมสะท้อนให้เห็นถึงการบริโภคที่เกินความจำเป็นพื้นฐานของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่านิยมที่ชื่นชมคนมีฐานะร่ำรวย มีทรัพย์สินมาก เช่น นับถือคนรวยว่ามีบุญเก่า กระตุ้นให้คนแสวงหาวัตถุเลียนแบบคนร่ำรวย

ยกตัวอย่าง การใช้เสื้อผ้า การซื้อรถหรูหรา การมีบ้านราคาแพง เพื่อแสดงยกระดับฐานะทางสังคม สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ขาดสติปัญญา อย่างไรก็ตาม หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่ได้ปฏิเสธความสุขจากการใช้จ่ายในชีวิตเลยทีเดียว ถือว่าเป็นความสุขระดับปุถุชน

ธรรมะ (เพื่อ) ละช็อป

 

 

ดร.กมลาศกล่าวถึงหลักธรรมเกี่ยวกับความสุขที่เกิดการจากการใช้ทรัพย์ เรียกว่า คิหิสุข หรือกามโภคีสุข 4 หรือสุขของชาวบ้าน

1.อัตถิสุข สุขเกิดจากความมีทรัพย์ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ

2.โภคสุข สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบนั้น เลี้ยงชีพ เลี้ยงผู้ควรเลี้ยง และบำเพ็ญประโยชน์

3.อนณสุข สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ไม่มีหนี้สินติดค้างใคร

4.อนวัชชสุข สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใครๆ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ

ดร.กมลาศกล่าวต่อไปว่า พิจารณาจากหลักธรรมนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการใช้จ่ายอย่างชอบธรรมในสังคมได้ดีทีเดียว เมื่อเราทำงานได้เงินมาโดยความสุจริตแล้ว เราก็ต้องรู้จักใช้เงินให้เกิดความสุข ที่ไม่ก่อหนี้ให้ตนเอง รู้จักแบ่งปัน และบำเพ็ญประโยชน์ให้ผู้อื่น ถือว่าเป็นกรอบแนวคิดในการปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาได้อย่างดี

“หลักธรรมะละช็อป ที่เราอาจนำมาปรับใช้ในเรื่องนี้ เพื่อควบคุมพฤติกรรรมของตัวเองให้มีการใช้ชีวิตอย่างถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา มี 3 แนวทาง คือ 1.การคิดเป็น 2.ความยินดี 3.ความพอประมาณ”

1.การคิดเป็น

ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการรับรู้ และการกระทำ การคิดเป็นจะเป็นแนวทางหรือตัวชี้นำ ควบคุมการปฏิบัติของเราให้ถูกต้อง หลักธรรมอันดับแรกคือ โยนิโสมนสิการ เป็นการฝึกให้รู้จักพิจารณาอย่างแยบคาย รู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง มีสติก่อนการบริโภค สิ่งที่เราจะตัดสินใจบริโภคใช้สอยในชีวิตประจำวัน ว่าสิ่งใดจำเป็นสำหรับชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน เป็นคุณค่าแท้หรือคุณค่าเทียม

ในการคิดแบบคุณค่าแท้ คือ การบริโภคที่มีประโยชน์ต่อตนเอง กรณีการซื้อเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ถ้าชอบช็อปปิ้งหรือซื้อเสื้อผ้ามาก ก็ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า เดือนนี้เราซื้อมากี่ชุด เราใส่กี่ครั้งแล้ว เราจะดัดแปลงซื้อผ้าที่มีอยู่มาใช้ได้หรือไม่ เราจะเป็นหนี้หรือไม่ ราคาถูกหรือแพง เหมาะสมกับฐานะของเราหรือไม่ ราคาคุ้มค่าหรือไม่ ส่วนคุณค่าเทียม ก็คือ การซื้อเสื้อผ้าราคาแพง เพื่อแสดงฐานะ หรูหรา

“ใช้หลักธรรมะมาฝึกคิด เป็นการใช้สติควบคุมพฤติกรรม เมื่อฝึกคิดบ่อยๆ เป็นนิสัย โดยวิธีตั้งคำถามให้เห็นถึงประโยชน์ คุณค่าแท้หรือคุณค่าเทียม เราจะค่อยๆ ลดความต้องการของตัวเองลง เป็นการฝึกละความต้องการของตัวเอง เป็นการฝึกละกิเลสตัณหาของตนเอง ถือว่าเป็นการพัฒนาจิตใจ เป็นความสุขภายในตัวเอง ซึ่งไม่ขึ้นต่อวัตถุภายนอก” ดร.กมลาศเล่า

2.ความยินดี

หลักธรรมสำคัญอีกอันหนึ่งที่จะช่วยควบคุมพฤติกรรมของนักช็อปได้ คือ สันโดษ หมายถึง ยินดีพอใจตามที่ได้ ยินดีพอใจในสิ่งของตน นั่นคือ ความยินดีในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ สามารถนำมาเป็นวิธีคิดในการใช้ชีวิตได้

ยกตัวอย่าง พฤติกรรมที่เป็นกระแสบริโภคของสาวสมัยใหม่คือการเสริมความงาม สินค้าความงามที่ขายตามอินเทอร์เน็ตเป็นที่นิยมมาก เช่น เครื่องสำอางจากเกาหลี ด้วยคนส่วนใหญ่นิยมเลียนแบบดารา อยากศัลยกรรมเติมแต่งให้เหมือนดารา คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้จึงมีหน้าตาคล้ายกันเป็นพิมพ์นิยม บางคนเสริมสวยจนเสพติดศัลยกรรม

“วิธีควบคุมความต้องการตัวเอง ทำได้ด้วยการฝึกคิด ให้รู้จักยินดี รู้จักพอใจกับสิ่งที่ตัวมีอยู่ เช่น ยินดีในรูปร่างหน้าตาของตนเอง ยินดีในสิ่งของเสื้อผ้าเครื่องใช้ที่ตนเองหามาได้อย่างสุจริต ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งของเครื่องใช้เกินฐานะ เมื่อฝึกคิดให้รู้จักพอใจ ยินดีกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ จะทำให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้นได้”

ธรรมะ (เพื่อ) ละช็อป

 

3.ความพอประมาณ

มัตตัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักประมาณ ความพอเหมาะพอดี เช่น รู้จักในการแสวงหา การรู้จักใช้จ่ายอย่างพอเหมาะพอควร หลักธรรมนี้เป็นคุณธรรมสำคัญที่จะนำเป็นตัวชี้วัดในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันอย่างถูกต้อง เช่น ความรู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร ไม่มากหรือน้อยเกินไป ค่านิยมฟุ้งเฟ้อในการบริโภค การบริโภคอาหารต่างชาติเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตก เน้นความสะดวกสบาย ไม่เน้นคุณค่าทางโภชนาการ เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด

ถ้าเราตั้งสติก่อนบริโภค เราจะพิจารณาเห็นว่า อาหารที่เราบริโภคมีคุณค่าเพื่อสุขภาพร่างกายของเรามากน้อยเพียงใด หรือมีราคาแพง เหมาะสมกับฐานะของเรามากน้อยเพียงใด มีโทษต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด หรือเราต้องการบริโภคอาหารเพียงเพื่อแสดงฐานะทางสังคม การรู้จักประมาณในการใช้เครื่องใช้สิ่งของส่วนตัว ไม่ฟุ้งเฟ้อ ใช้ให้เหมาะสมกับฐานะของตน เมื่อฝึกปฏิบัติให้รู้จักประมาณ ลดความฟุ้งเฟ้อ ทำให้ชีวิตเรียบง่าย ทำให้เราสามารถบริหารจัดการเงินของตัวเองได้ ทำให้รู้จักประหยัด เห็นคุณค่าของเงิน

สรุปแล้ว ธรรมะละช็อป ก็คือ การใช้หลักโยนิโสมนสิการ ประกอบด้วยหลักสันโดษและมัตตัญญุตานั่นเอง ดร.กมลาศส่งท้ายว่า การนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาปรับใช้ จะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองได้ ดำเนินชีวิตแบบพอดีได้ ลดการพึ่งพาความสุขที่ต้องอาศัยวัตถุภายนอกมาเสริมแต่ง ฝึกละความต้องการของตนเอง เมื่อมีความพอเพียงในวัตถุ ก็จะทำให้เราพัฒนาจิตใจภายในมากขึ้น มุ่งเน้นการปฏิบัติแบบสายกลาง ซึ่งเป็นหนทางแห่งความสุขที่แท้จริง

ได้ยินกันแล้วใช่มั้ยสาวๆ

สาวนักช็อปฝึกประเมินตัวเองแบบง่ายๆ

1.ฝึกฝนให้รู้จักคิดเป็น ใช้เป็น มีการพัฒนาความคิดให้ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ เมื่อคิดเป็น เราจะมีสติพิจารณา ทบทวนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ พฤติกรรมในการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปตามความคิดที่ถูกต้อง

2.ฝึกวางแผนการปฏิบัติ เมื่อเราฝึกคิดเป็นแล้ว ก็ต้องรู้จักวางแผนปฏิบัติให้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ

3.การฝึกตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าแท้ อยากมีชีวิตเพื่ออะไร เช่น มีสติในการใช้ชีวิตแบบคุณค่าแท้เพื่อพัฒนาตนเอง ลด ละ เลิกพฤติกรรมที่ฟุ้งเฟ้อ

4.การฝึกวิธีใช้เงินอย่างมีความสุข มีทัศนคติที่ดีในการใช้เงิน ไม่ยึดติดกับเงิน แต่ใช้เงินอย่างมีสติ รู้จักประหยัด รู้จักออม ใช้เงินเพื่อใช้จ่ายสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิต

5.ฝึกให้ใจรับรู้คุณค่าของสิ่งที่หามาได้อย่างสุจริต ทำให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่จะเราจะซื้อหรือบริโภคมากยิ่งขึ้น เมื่อเรามีหาทำมาหาเลี้ยงชีพได้มาก ฝึกการลดความต้องการของตัวเอง การรู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่น

6.ฝึกให้ใจยินดี พอใจกับสิ่งที่ตนเองมีหรือหามาอย่างได้เต็มความสามารถ ไม่แสวงหาสิ่งไม่มีประโยชน์ ที่ปรุงแต่งให้ตนเองมีความอยากได้ตลอดเวลา

7.ฝึกการแสวงหาความวัตถุภายนอกให้น้อยลง ลดความจำเป็นของสิ่งของนอกกายให้น้อยลง แต่แสวงหาความสุขในจิตใจให้มากขึ้น เช่น การฝึกเจริญสติแนวสติปัฏฐาน 4

ข่าวล่าสุด

ตรวจสอบ 5 วิธีย้ายโรงพยาบาล 'สิทธิประกันสังคม' วันนี้ - 31 มี.ค. 69