พีรพัฒน์ ตุลยาเดชานนท์ กับหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์สสุดเลิฟ
พีท-พีรพัฒน์ ตุลยาเดชานนท์ หนุ่มวัย 28 ปี ดีกรีปริญญาโท จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ
โดย...ภาดนุ ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช
พีท-พีรพัฒน์ ตุลยาเดชานนท์ หนุ่มวัย 28 ปี ดีกรีปริญญาโท จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ นอกจากจะเป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นคินนิจิ (Kinniji) ในโครงการยูเซ็นเตอร์ (จุฬาฯ ซอย 42) แล้ว ยังเป็นฟู้ดบล็อกเกอร์ในเพจ “กินกับพีท” อีกด้วย
เมื่อถามถึงของสะสม พีท เล่าว่า ตอนเด็กๆ ส่วนใหญ่แล้วเด็กผู้ชายทุกคนจะชอบการ์ตูน ซึ่งเขาเองก็ชอบตั้งแต่ ทอม แอนด์ เจอร์รี่ จนถึงขบวนการ 5 สีอย่างจูเรนเจอร์ แต่การ์ตูนที่ชอบมากและจุดประกายให้อยากสะสมของก็คือ ทรานส์ฟอร์เมอร์สสส ที่ตอนนั้นมาฉายทางเคเบิลทีวี ซึ่งนิสัยของเด็กผู้ชายก็จะชอบรถยนต์และหุ่นยนต์อยู่แล้ว ยิ่งพอได้ดูการ์ตูนเรื่องนี้ที่เป็นรถวิ่งมาแล้วอยู่ๆ ก็แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ เลยยิ่งรู้สึกทึ่ง
“ช่วงนั้นผมชอบการ์ตูนทรานส์ฟอร์เมอร์สมากและติดตามดูมาตลอด แต่สมัยนั้นยังไม่ค่อยฮิตโมเดลเหมือนสมัยนี้ กระทั่งขึ้นมัธยมต้น ผมก็ได้ของขวัญวันเกิดชิ้นหนึ่งจากคุณแม่ เป็นหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์ส บีสต์วอร์ส ภาคที่แปลงร่างจากสัตว์ไปเป็นหุ่นยนต์ได้
พอเรียนจบ ป.ตรี ในปี 2006 ตอนนั้นมีภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์ส ภาค 1 เข้าฉายพอดี ผมรู้สึกว่ามันสวยมาก เพราะแปลงกายจากรถยนต์เชฟโรเลตไปเป็นหุ่นยนต์ได้ ดูแล้วสมจริงมาก เลยรู้สึกชอบ ผมจึงกันเงินส่วนหนึ่งมาซื้อไว้เป็นของสะสม ตัวแรกที่เก็บคือ ‘ออปติมัส ไพรม์’ (850 บาท) ตัวไม่ใหญ่มาก ตามมาด้วย ‘บัมเบิลบี’ (700 บาท) ซึ่งทั้งสองตัวนี้เป็นตัวเอกของเรื่อง แล้วก็ตามเก็บมาเรื่อยๆ ตามหนัง ตั้งแต่ภาค 1-4 จนครบหมดทุกตัวแล้วครับตอนนี้”
เมื่อตามเก็บหุ่นยนต์จากหนังจนครบ พีทก็ย้อนกลับไปนึกถึงหุ่นยนต์จากการ์ตูนบ้างเขาจึงตัดสินใจสะสมทั้งสองแนว สรุปแล้วตอนนี้มีหุ่นยนต์จากหนัง 130 กว่าตัวและจากการ์ตูนอีก 200 กว่าตัว
“ความแตกต่างของหุ่นยนต์ทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ก็คือ ที่มาจากหนังหน้าตาของหุ่นยนต์จะมีส่วนผสมของความเป็นต่างดาว การลงสีค่อนข้างละเอียดกว่าเวอร์ชั่นการ์ตูน เวลาหุ่นยนต์แปลงร่างเป็นรถยนต์ มันก็จะเป็นรถที่มีอยู่จริงในโลกนี้ แต่ในเวอร์ชั่นการ์ตูน เราจะสังเกตได้ว่ารถยนต์รูปแบบนี้มันไม่ได้มีอยู่จริง
อันที่จริงแล้วหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์สมีเวอร์ชั่นที่มาจากเกมด้วยนะ ซึ่งหน้าตาก็จะคล้ายกับเวอร์ชั่นการ์ตูน แต่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย พอดีว่าผมไม่ได้ชอบ ก็เลยไม่ได้เก็บสะสมครับ”
พีท บอกว่า หุ่นยนต์ตัวที่แพงที่สุดในเวอร์ชั่นหนังที่ซื้อมาจะมี 2 ตัว ตัวแรกเป็นรถมอเตอร์ไซค์ชื่อ RC (สีชมพู-ขาว) ซึ่งปรากฏตัวในหนังภาค 2 ซึ่งเป็นสีดั้งเดิมที่คนญี่ปุ่นนิยมสะสมกันมาก จนราคาดีดขึ้นไปที่ 1 หมื่นบาท เขาเลยฝากรุ่นพี่ให้ประมูลมาได้จากอีเบย์ในราคา 6,500 บาท อีกตัวจะเป็น ออปติมัส ไพรม์ ตัวสีดำ-เขียวเมทัลลิก ซึ่งเป็นที่นิยมและราคาใกล้เคียงกับตัวแรก
สำหรับหุ่นยนต์ในเวอร์ชั่นการ์ตูนตัวที่แพงที่สุดก็คือ ดีวาสเตเตอร์ เป็นหุ่นยนต์รถตักดินหลายๆ คันที่มารวมกันเป็นหุ่นยนต์ตัวใหญ่ได้ราคา 1.2 หมื่นบาท ซึ่งแพงกว่าเวอร์ชั่นหนัง เพราะหุ่นยนต์เวอร์ชั่นการ์ตูนแนวคลาสสิกคนนิยมเก็บเยอะและหายาก
“ผมว่าเสน่ห์ของหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์สก็คือ การออกแบบที่อัจฉริยะมากๆ เพราะมันมีสลักหรือกลไกลที่สามารถบิดไปบิดมาเป็นหุ่นยนต์ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ เครื่องบิน เรือรบ และอื่นๆ ได้ คือคนออกแบบนี่ต้องอัจฉริยะและมีความละเอียดมากจริงๆ ผมเคยประมาณราคาโดยรวมของหุ่นยนต์ทั้งหมดที่เก็บไว้ ก็น่าจะราว 4 แสนกว่าบาทได้ บางตัวที่เก็บไว้นานๆ ราคามันก็ขึ้น ถ้ามีตัวไหนซ้ำหรือตัวไหนไม่อยากเก็บแล้ว ผมก็อาจจะขายต่อให้คนที่ต้องการไปบ้าง หรือแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ที่สะสมบ้าง”
พีท เสริมว่า นอกจากหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์แล้ว เขายังสะสมโมเดลซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายมาร์เวล (ขนาด 6 นิ้ว) เช่น เอ็กซ์เมนอเวนเจอร์ แฟนแทสติกโฟร์ สไปเดอร์แมน รวมทั้งอุลตร้าแมน จูเรนเจอร์ และอื่นๆ ไว้อีก 300 ตัว
“ผมคิดว่าจะเก็บสะสมต่อไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้ก็มีหลายตู้จนเต็มห้องไปหมดแล้ว ถ้าจำนวนมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตผมมีความคิดว่าอยากจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ขึ้นมา เพื่อนำหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์สและโมเดลซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ เหล่านี้มาตั้งโชว์ไว้ในพิพิธภัณฑ์ให้คนที่ชื่นชอบได้เข้ามาชมกัน ผมว่าหากมองข้ามเรื่องของราคาไป ก็นับว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจต่อผมมากๆ เลยละ”


