ขี่ม้าท่องไพร เอาตัวรอดในป่า
อย่านึกว่าแน่ ถ้ายังไม่เคยท่องป่า แอดเวนเจอร์วันนี้มีกิจกรรมท้าทายชายหนุ่ม แต่ต้องไปไกลหน่อยนะ
โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ ชมรมอนุรักษ์พันธุ์ม้าพื้นบ้านสิรินธร
อย่านึกว่าแน่ ถ้ายังไม่เคยท่องป่า แอดเวนเจอร์วันนี้มีกิจกรรมท้าทายชายหนุ่ม แต่ต้องไปไกลหน่อยนะ เพราะป่าย่อมไม่อยู่ใกล้ (ฮา) จากตัวเมือง จ.อุบลราชธานี ใช้เส้นทางหลวง 217 ไปทางเขื่อนสิรินธรจนถึงบ้านหนองชาด ถึงแล้ว! ชมรมอนุรักษ์พันธุ์ม้าพื้นบ้านสิรินธร
ดั้นด้นมาถึง (จนได้) ก็เพราะกิจกรรมผจญภัยท่องเที่ยวบนหลังม้าที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ ก่อนอื่นขอแนะนำสถานที่อนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านของไทยก่อน ม้าพื้นบ้านหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ม้าแกลบ” ซึ่งเป็นม้าท้องถิ่นพื้นเมือง ถึงวันหนึ่งม้าที่เคยอยู่เคียงข้างชาวเมืองค่อย ๆ หายไป เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ อาจารย์ชูชาติ วารปรีดี อดีตข้าราชการครู จึงก่อตั้งชมรมฯ ขึ้น เพื่ออนุรักษ์ม้าท้องถิ่น
อาจารย์ชูชาติ ในฐานะประธานชมรมอนุรักษ์พันธุ์ม้าพื้นบ้านสิรินธร เล่าว่า ปัจจุบันมีม้า 52 ตัว ชมรมฯ ได้เปิดสอนการขี่ม้า วิธีเลี้ยงดูแลม้า รวมทั้งกิจกรรมผจญภัยบนหลังม้า ที่ต่อมาได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่นักท่องเที่ยวต่างประเทศก็นิยมเดินทางมาที่นี่ เพื่อขี่ม้าท่องไพรไทยแลนด์กันอย่างมากมาย
ต่อยอดเป็นกิจกรรมการเอาตัวรอดในป่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ได้กลายเป็นกิจกรรมสุดฮิต ที่หลายคนจากไม่เคยรักม้าก็รัก ไม่เคยคิดว่าในป่าจะเอาตัวเองรอดก็รอด ถามอาจารย์ชูชาติว่า เอาตัวรอดอย่างไรที่ในป่า และม้าแกลบตัวเล็กๆ นี่จะช่วยอะไรเราได้ อาจารย์เล่าด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้ว่า ชมรมฯ ใช้ม้าเป็นสื่อ เพื่อให้คนได้เรียนรู้ในการนำสิ่งรอบข้างมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เอาตัวรอดในป่าได้ ก็ด้วยตาที่มองเห็นสิ่งที่จะนำมายังประโยชน์ ยังชีวิตที่ในป่า
“พูดถึงการเอาตัวรอดในป่า หลักคือการประยุกต์ใช้ ปรับใช้ เอาสิ่งรอบตัวในป่ามาใช้ ใช้ไม้ไผ่ทำภาชนะหุงต้ม ทำจานทำถ้วยจากใบไม้ หากินอะไรได้หมด ทั้งเห็ดหน่อไม้และสัตว์ป่า วิธีขุด วิธีล่อดักต่างๆ การเดินป่า การใช้การเก็บน้ำดื่มและอีกมาก หลักสูตรสำเร็จไม่มี มีแต่การสอนให้รู้จักคิดพลิกแพลงเอาตัวรอด ไม่มีรองเท้า หาเปลือกไม้เอามาทำเป็นรองเท้ายังได้”
อาจารย์เล่า ไม่ใช่มีแต่ไข่เข้าป่า ไม่มีภาชนะหุงต้ม ก็อดกิน มีไข่แต่ไม่มีอุปกรณ์ ทำกินได้ด้วยวิธีอื่น จะเกลี่ย หมก เผา หลาม ทำได้ทั้งนั้น ง่ายที่สุดคือเอาไข่มาห่อใบไม้ให้ชุ่มน้ำ ใช้หนามกลัดไว้ หรือจะหาเถาวัลย์สดมาพันผูกไว้ก็ได้ จากนั้นเผาไฟให้ร้อน แค่นี้ก็กลายเป็นไข่ต้มแสนอร่อย ยังมีเห็ด มีหน่อไม้ พืชผักและแมลงกินได้ในป่ามีเยอะถ้ารู้จักหา รู้จักกิน รู้จักใช้ทดแทน
ลูกค้านักผจญภัยในป่ามีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ส่วนใหญ่ลองขี่ได้แล้ว ติดใจจะเดินเข้าป่าเลยก็มีเหมือนกัน จะมีคนนำทางหรือคนจูง(ม้า)ให้ 1-2 คน หรือแล้วแต่ความสะดวก คิดราคา 1,500 บาทต่อคน และต่อม้า 1 ตัว สามารถเลือกได้ 2 เส้นทาง เส้นทางแรกจากชมรมฯ จนถึงอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร โดยจะขี่ผ่านทุ่งดอกไม้ ป่าเบญจพรรณ ลงเนินขึ้นเขา ลงคันนา ลุยน้ำไปชมวิวที่จุดชมวิว เป็นบริเวณที่แม่น้ำมูลมาบรรจบกับแม่น้ำโขงที่ลานผาผึ้ง ธรรมชาติงดงามมาก
เส้นทางที่ 2 เรียกว่าเส้นทางคาวบอย เป็นการขี่ผจญภัยเข้าไปค้างคืนที่ในป่า 1 คืน เรียนรู้วิถีการเอาตัวรอดในป่าและวิถีชุมชนชาวบ้านที่อยู่กับป่า อยู่ร่วมกับธรรมชาติ เช่น การจุดไฟหุงข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่ การหาภาชนะต่างๆ มาใช้ประกอบอาหารและวิธีหาอาหารในป่า เช่น การตกปูด้วยปลาร้า การล่อปูในลำธาร การหาเห็ดในป่า การจับจักจั่นด้วยยางไม้ เป็นต้น
“ที่นี่ติดกับช่องเม็ก เมืองจำปาศักดิ์ เราขี่ม้าขึ้นเขาไปทางเขตอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งจะไปชนกับชายแดนลาว ตรงนี้มีหมู่บ้านเล็กของชาวบรู (ชนกลุ่มน้อย) ทำไร่อยู่ที่ดงขี้ยาง เป็นการเรียนรู้การเอาตัวรอดในป่า พร้อมกับการเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เส้นทางมีเยอะ แล้วแต่ชอบ ถ้าชอบหนักก็จัดหนัก ขี่ม้าเลียบหน้าผาไป”
ชมรมฯ ตั้งอยู่ที่ 111 หมู่ 4 บ้านหนองชาด www.ponysirindhorn.com หรือ โทร. 08-1955-8369 ใครชอบผจญภัยแวะเวียนมาได้ ยิ่งช่วงปลายเดือน ส.ค.-ต.ค. จะเป็นช่วงดอกไม้ป่าบาน ทุ่งดอกไม้สวยบานสะพรั่งบนลานหิน ทั้งดอกหญ้า ดอกสร้อยสุวรรณา ดอกดุสิตา บริเวณเป็นป่าหินทรายที่เป็นทุ่งโล่งสลับกับป่าดิบแล้ง สวยไม่เหมือนที่ใดในโลก


