posttoday

Like a girl การเฉลิมฉลองพลังสตรี

14 มิถุนายน 2558

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีโฆษณาซึ่งมาช่วย “เปิดตา” หรือ “เปิดความคิด” ให้กับผู้คนได้ เป็นงานที่ไม่คาดหวังในเรื่องการขาย

โดย...แหนง-ดู ภาพ Always #LikeAGirl

ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีโฆษณาซึ่งมาช่วย “เปิดตา” หรือ “เปิดความคิด” ให้กับผู้คนได้ เป็นงานที่ไม่คาดหวังในเรื่องการขาย (มากนัก) แต่มีเจตนาที่จะสร้าง “การเปลี่ยนแปลง” ให้เกิดขึ้น ล่าสุดก็เพิ่งมีโอกาสได้เห็นแอดซึ่งน่าชื่นชมและน่าพูดถึงชิ้นหนึ่งผ่านทางยูทูบ

เมื่อผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยแบรนด์เก่าแก่ของอเมริกาอย่าง Always ปล่อยแคมเปญ Like a girl ออกมา ด้วยพลังและความหนักแน่นลึกซึ้งในเนื้อหาสาระทำให้คนอเมริกันและคนทั่วโลกหันมาสนใจ นับตั้งแต่โฆษณาชิ้นนี้ออกฉายในรอบชิงชนะเลิศอเมริกันฟุตบอล หรือซูเปอร์โบว์ล เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เรื่อยมาถึงวันสตรีสากลในเดือน มี.ค. จนถึงวันนี้ Like a girl ก็ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง

โฆษณาชิ้นนี้เกิดขึ้นเพื่อปรับความเข้าใจและเปลี่ยนการเหยียดเพศซึ่งแฝงอยู่ในภาษา โดยมีวลีที่ว่า “Like a girl” หรือ “เหมือนเด็กผู้หญิง” หรือ “อย่างกับเด็กผู้หญิง” เป็นโจทย์ 

งานนี้ทำขึ้นในรูปแบบที่เรียกว่า Social Experiment หรือโฆษณาในรูปแบบการทดลองดูปฏิกิริยาของผู้บริโภค โดยนำคน 2 กลุ่มคือ หนึ่ง-เด็กผู้หญิง และสอง-คนในเพศและวัยอื่นๆ มาเทสต์หน้ากล้อง ทุกคนถูกขอให้แสดงท่าทางแบบ “Like a girl” เช่น ให้วิ่งเหมือนเด็กผู้หญิง ขว้างของอย่างกับเด็กผู้หญิง ต่อสู้เหมือนเด็กผู้หญิง ฯลฯ รวมทั้งแสดงทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคำนี้

แรกนั้นเมื่อถูกขอให้แสดงท่าทาง พวกเขาต่างก็วิ่ง ขว้าง ต่อสู้ และทำสิ่งต่างๆ อย่างอ่อนแอ เหยาะแหยะ ปวกเปียก ไม่ตั้งอกตั้งใจ ฯลฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นนัยทางลบที่มีต่อคำว่า Like a girl

แต่เมื่อให้เด็กผู้หญิงหรือ girl จริงๆ ในวัยราว 10 ขวบมาทำท่าทางเหล่านั้น พวกเธอกลับทำทุกอย่างอย่างแข็งแรง จริงจัง และตั้งใจ เมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกถามว่า “วิ่งเหมือนเด็กผู้หญิงคือ...วิ่งยังไง” เธอตอบอย่างมั่นใจว่า “วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

หลังจากนั้นพวกผู้ใหญ่รวมทั้งเด็กผู้ชายก็ถูกนำมาสัมภาษณ์ใหม่ ครั้งนี้พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงท่าทีและความคิดที่มีต่อคำว่า Like a girl

โปรเจกต์นี้เกิดขึ้นโดยตั้งใจที่จะกระตุ้นความมั่นใจในตัวเองของผู้หญิง จากโฆษณาสะท้อนให้เห็นว่า ในวัยเด็กหรือช่วงวัยรุ่นตอนต้น เพศหญิงมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าตอนที่เป็นวัยรุ่นและเป็นผู้ใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสังคมหรือคนอื่น รวมถึงถ้อยคำภาษาในเชิงดูถูก ถากถาง เยาะเย้ย หรือล้อเลียนอย่าง “Like a girl” พวกเขาตั้งใจจะเปลี่ยนและให้นิยามความหมายกับกลุ่มคำนี้ใหม่

สิ่งที่เห็นผ่านโฆษณาสั้นๆ ชิ้นนี้ไม่เพียงจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของสังคมอเมริกัน แต่สามารถสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ งานที่สร้างกระแสฮือฮานี้เป็นฝีมือกำกับของ ลอเรน กรีนฟิลด์ ศิลปิน ช่างภาพ และคนทำหนังสารคดีที่มีฝีมือ ในปี 2012 เธอเคยได้รับรางวัลจากงานซันแดนซ์ ฟิล์ม เฟสติวัล ด้วยสารคดีเรื่อง The Queen of Versailles (เล่าถึง แจ็กกี้ และ เดวิด ซีเกล อภิมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจไทม์แชริ่ง ซึ่งต่อมาต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดในฐานะ “คนเคยรวย”)

จนถึงวันนี้คลิปโฆษณาชิ้นนี้บนยูทูบมีคนคลิกเข้าไปดูเกือบจะ 60 ล้านครั้งแล้ว ทั้งยังถูกพูดถึงในสื่อต่างๆ มากมาย ทางทีมงานยังได้กระตุ้นให้ผู้หญิงทั่วโลกส่งคลิปของพวกเธอกับกิจกรรมต่างๆ มาเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์กพร้อมติดแฮชแท็ก #LikeAGirl ซึ่งก็มีคนยินดีเข้าร่วมมากมาย ภาพเหล่านั้นถูกนำมาตัดต่อเข้าด้วยกันเพื่อแสดงถึง “เกิร์ลพาวเวอร์” เพราะลำพังเสียงของแต่ละคนนั้นอาจจะไม่ดังมากพอ แต่ถ้ารวมกันจะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่

ในความจริงแล้วไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการเป็น “เด็กผู้หญิง” หรือ “ผู้หญิง” พวกเธอสามารถเป็นคนที่แข็งแรง กระฉับกระเฉง มีพลัง มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต่างจากเพศอื่นหรือวัยอื่น ทุกคนมีคุณค่าใน
ตัวเอง โดยที่ภาษาหรือคำพูดไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้

เพราะ “Like a girl” หรือ “...เหมือนเด็กผู้หญิง” (หรือคำหมิ่นคล้ายกันนี้ในภาษาอื่นๆ) เป็นสิ่งที่สังคมให้นิยามและความหมาย ไม่ใช่สิ่งที่พวกเธอเป็นจริงๆ พลังมีอยู่ในความเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้หญิง เพียงแต่ค้นหา ค้นพบ และดึงออกมาใช้ให้ได้ โดยข้ามพ้นถ้อยคำ ความคิด บรรทัดฐาน นิยามจากคนอื่นๆ หรือสังคมไปให้ได้

ด้วยพลังของผู้หญิงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง ไม่เพียงแค่เปลี่ยนความหมายใหม่ของวลีอย่าง Like a girl เท่านั้น

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย