ทำปมด้อยให้เป็นปมเด่น อโณทัย งีสันเที้ยะ

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “เอะอะแต่งหญิง” อโณทัย งีสันเที้ยะ ที่ปัจจุบันจำนวนแฟนเพจสูงลิ่วๆๆ ยอดไลค์กว่า 4.4 หมื่นไลค์แล้ว ว้าว ว้าว ว้าว! อย่างนี้ต้องตามตัวมาคุยกันซะหน่อย แน่นอน...นางแต่งหญิงมา สวยมากกกกกกก....

“หนูขอแนะนำตัวเลยนะคะ อโณทัย งีสันเที้ยะ ค่ะ ชื่อเล่น บิ๊ก แต่เติมกี้ เป็นบิ๊กกี้ เพื่อให้น่ารักขึ้น หนูเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊กเอะอะแต่งหญิง แต่บางคนก็รู้จักกันมาก่อนหน้านี้จากเพจเฟซบุ๊กบันทึกของตุ๊ด ในนามของกอล์ฟ หนึ่งในแก๊งเพื่อนของคุณช่า เป็นเพื่อนกับช่าทั้งในชีวิตจริงและในบันทึกของตุ๊ดค่ะ” อโณทัย หรือที่ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บิ๊กกี้” เล่าพร้อมประณตมืองดงาม

นางก็คือ กอล์ฟ หนึ่งในตัวละครแก๊งตุ๊ดในหนังสือเบสต์เซลเลอร์แห่งปี บันทึกของตุ๊ด เล่ม 1 และ 2 ล่าสุดเห็นได้ข่าวว่าจะทำเป็นภาพยนตร์แล้ว แก๊งของช่ามี 4-5 คน ได้แก่ ช่า กอล์ฟ หยก แนตตี้ และคิม คนเขียนบันทึกคือช่า ซึ่งก็ได้ผองเพื่อนกลุ่มตุ๊ดในชีวิตจริงที่มาสร้างเรื่องราวเฮฮาปนสาระความรู้ในเพจเฟซบุ๊กอันลือลั่น วันดีคืนดีบิ๊กกี้นึกสนุกจึงต่อยอดเป็นเพจเฟซบุ๊กของตัวเองบ้าง เอะอะแต่งหญิงจึงได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปในวัยเริ่มผลิ บิ๊กกี้เล่าถึงตัวเองว่า เป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อแม่เป็นคนโคราช แต่บิ๊กกี้ถือกำเนิดที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯ นี่เอง เป็นลูกโทนและลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ รู้ตัวว่า “เป็น” ตอนอยู่ชั้นประถม เพราะไม่เล่นอะไรกับเด็กผู้ชาย จะเล่นกับเด็กผู้หญิงเท่านั้น มีกระโดดหนังยาง หมากเก็บ เป่ากบ อะไรงี้

“หนูเป็นคนเฟรนด์ลี่ สนิทกับพ่อ รักแม่ วันคืนในวัยเยาว์ผ่านไปด้วยการเล่นโดดหนังยางกับเด็กผู้หญิง เป็นเด็กกิจกรรม ทำทุกอย่าง ทั้งร้องทั้งรำทั้งเต้น กระโดด เซิ้ง ทุกอย่างค่ะ สิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนดี เรื่องที่หนูเป็น หนูจึงไม่เคยโดนครูว่า ไม่เคยโดนเพื่อนแกล้ง แต่อาจเป็นเพราะหนูตัวใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆ ก็ได้” บิ๊กกี้ เล่า

โรงเรียนที่เคยศึกษาและบิ๊กกี้ชื่นชมว่าดีมากนั้น คือ โรงเรียนช่างอากาศอำรุง (บางซื่อ) ซึ่งอยู่ในเครือทหารอากาศ บิ๊กกี้เข้าค่ายทหารตั้งแต่ ป.5  ทั้งงานรับน้องก็รับแบบทหาร และที่เจ้าตัวชื่นชม (ตัวเอง) มาก คือความกล้ากระโดดหอตั้งแต่ ป.5 ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นกว่าจะกระโดดหอกันก็ต้องมีมัธยม 2 ไปแล้ว

 

“คติประจำใจในวัยเด็ก หนูอยากเป็นทหาร ทั้งๆ ที่พ่อทำงานบริษัทเอกชน แม่เป็นพนักงานเขตดุสิต” บิ๊กกี้ เล่า

อย่างไรก็ตาม พอขึ้นชั้นมัธยมศึกษา บิ๊กกี้ไปเรียนที่โรงเรียนวัดน้อยนพคุณ ย่านราชวัตร โตขึ้นก็ยิ่งชัดเจนในตัวเอง ที่นี่เธอเป็นนักกิจกรรมตัวยง เป็นนักวอลเลย์บอล (ทีมโรงเรียน) นักร้อง นักเต้น รวมทั้งกิจกรรมเข้าจังหวะทุกชนิด บิ๊กกี้บอกว่าโชคดีที่ได้อยู่ห้องคิง ที่นี่แม้ไม่ใช่โรงเรียนแถวหน้า แต่อย่างน้อยการอยู่ห้องคิงก็กล่อมเกลาให้เธอได้อยู่ในบรรยากาศของการเรียนที่มุ่งมั่น

“จบแล้วก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนกรุงเทพการบัญชีฯ ตัดสินใจเรียนต่อที่นี่เพราะชอบชุดแต่งกายของสถาบันค่ะ คือมีกางเกงขายาวสีขาว เสื้อสีขาว ผูกเนกไทเท่มาก จบ ปวช.แล้วก็เข้ามหาวิทยาลัย ตัดสินใจไม่เอนท์ เพราะหนูรู้สติปัญญาของตัวเองดี วิทย์ไม่ได้ คณิตไม่ได้ อังกฤษไม่ได้ ได้กิจกรรมอย่างเดียว”

บิ๊กกี้ตรงเข้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ เลือกคณะนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา เนื่องจากเป็นคณะที่เล็งแล้วว่าเป็นไปได้มากสุด (ฮา) คือเป็นคณะที่ใช้ความคิดแต่ไม่ต้องวาดรูป วาดแต่สตอรี่บอร์ด ซึ่งดูที่ความคิด บิ๊กกี้ยังคงดำรงตำแหน่งในการเป็นนักกิจกรรมอย่างคงเส้นคงวา ทำทุกอย่าง แสดงทุกอย่าง จบปริญญาตรีมาได้ยกเครดิตให้เพื่อนสนิท 3 คน คนหนึ่งบ้านอยู่นครปฐม คนหนึ่งบ้านอยู่สระบุรี อีกคนหนึ่งบ้านอยู่อยุธยา ทุกเช้าจะผลัดกันขับรถมาปลุกและรับบิ๊กกี้ไปเรียน ทั้งที่บิ๊กกี้พักอยู่หอที่หน้ามหาวิทยาลัยแท้ๆ ใกล้ที่สุดแต่ไม่ตื่น

“คุณช่านี่ก็เป็นเพื่อนที่ ม.กรุงเทพ ค่ะ ได้ผ่านหางตากันมา จนมาสนิทกันตอนปี 3 ที่มหาวิทยาลัยเปิดให้นักเรียนเข้ามาเรียนรู้คณะต่างๆ พวกเราเป็นนักกิจกรรมอยู่แล้วก็เลยได้เจอกัน ทำงานร่วมกัน สนิทกันตั้งแต่นั้น แต่งหญิงกลุ่มเดียวกันประมาณ 8-10 คนค่ะ”

แม้ปัจจุบันเพจเอะอะแต่งหญิงจะโด่งดังหรือมีแฟนเพจมากมายแค่ไหน พ่อแม่ของบิ๊กกี้ก็ยังไม่รู้ว่าลูกเป็นเพศที่สาม! กับพ่อแม่ไม่คุยกันเรื่องนี้ พ่อกับแม่อาจรู้แล้วก็ได้ แต่ไม่พูดไม่ยอมไม่รับรู้ สำหรับบิ๊กกี้แล้วรสนิยมทางเพศกับความกตัญญูเป็นคนละเรื่องกัน เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บิ๊กกี้บวชให้แม่พ่อเกาะชายผ้าเหลืองที่โคราช วัดบ้านเกิดของแม่ ทำหน้าที่ในฐานะลูกชายคนเดียว

 

“ที่บ้านไม่คุยกันเรื่องนี้ ไม่คิดและไม่เคยเปิดอกคุยกัน แม้บางครั้งแม่จะพบกับเส้นผมยาวๆ เหมือนของผู้หญิง (วิกผมของหนูเอง) แม่ก็แอบโทรศัพท์มาสืบกับน้าแถวบ้าน ว่าเราแอบเอาผู้หญิงมานอนที่บ้านหรือเปล่า เหมือนแม่ไม่รู้จริงๆ หรือแม่จะแอบหวังให้มีผู้หญิงมานอนบ้านจริงๆ ก็ไม่รู้ได้ รู้แต่ว่า ณ ตอนนี้พวกเรามีความสุขดี แค่นี้ เอาแค่นี้ ไม่ต้องคุย” บิ๊กกี้เล่า

เคยใฝ่ฝันอยากเป็นทหาร แต่นั่นก็เป็นเพียงความปรารถนาในวัยเด็ก โตขึ้นบิ๊กกี้ขี้กลัวและใจเสาะอย่างแรง ชนิดที่ตัวเองอธิบายว่าใจปลาซิว (ฮา) ครั้งหนึ่งแก๊งเพื่อนสาวมีปัญหากับแท็กซี่แถวเหม่งจ๋าย เรียกแล้วไม่ไปหรืออะไรสักอย่าง คนในกลุ่มคนหนึ่งก็ขึ้นเสียงไม่พอใจ โชเฟอร์ใจร้อนเปิดประตูผัวะลงมาถาม “เอาไงวะ” ช่วงชุลมุนเสียงวี้ดว้าย บิ๊กกี้ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า ปืน! เท่านั้นแหละ วิ่งนำหน้าเพื่อนไปถึงไหนๆ

“ทั้งๆ ที่หนูไม่เห็นปืน และไม่มีใครได้เห็นปืน แถมพอมาคุยกันตอนหลัง ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงคนตะโกนว่าปืนด้วย หูหนูจะฝาดไปเองหรือยังไงก็สุดจะเดา เป็นกะเทยใจเสาะที่รักชีวิตอย่างแรง มีเรื่องอะไรที่ไหนหนูวิ่งคนแรก ทั้งที่เพื่อนบอกหนูว่า ถึงหนูไม่วิ่งและยืนอยู่ตรงนั้น ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรหนูแน่ๆ”

ปัจจุบัน บิ๊กกี้อายุ 28 ทำงานเป็นครีเอทีฟและก๊อบปี้ไรเตอร์ที่บริษัท ออนไลน์แอสเซท รับผิดชอบงานสร้างสรรค์รายการของอีไฟแนนซ์ไทยทีวี ล่าสุดคือซีรี่ส์ละครเรื่องหุ้นรักนักลงทุน ความรักที่เดิมพันผ่านกระดานหุ้น ออกอากาศแล้วทางยูทูบ นอกจากจะมีส่วนในการกำกับดูแลโปรดักชั่นแล้ว เจ้าตัวยังรับบทที่ “สวยไม่มากแค่ระดับเพื่อนนางเอก เล่นบทร้ายนิดๆ จิกกัดพอน่ารักค่ะ” 

เพศสภาพของบิ๊กกี้ สร้างปัญหาในการดำเนินชีวิตบ้างหรือไม่ บิ๊กกี้ตอบมั่นใจว่า ไม่! เปิดแล้วแล้วกัน รู้จักตัวเองคือความสุข ได้แสดงออกซึ่งความเป็นตัวเองยิ่งเป็นความสุข เห็นคนมากดไลค์ก็ยิ่งสุข แม้ในระหว่างทางของชีวิตจริงจะมีเมาท์มอยถึงความอ้วนดำให้สะเทือนใจแต่ไม่สะเทือนใจ เช่น กะเทยควาย ตุ๊ดควาย ก็เพราะรู้จักตัวเองนั่นเอง รูปลักษณ์ภายนอกแล้วเป็นไง ปมด้อยทำให้เป็นปมเด่น ผอมแล้วอาจไม่ดังอย่างนี้ก็ได้... จริงมั้ยคะ