พระราชโมลี(พรหมา)เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิ
พระราชโมลีเป็นพระวิปัสสนาจารย์เคร่งครัดในการปฏิบัติ เป็นพระเถระที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม เป็นที่เคารพนับถือของพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
พระราชโมลีเป็นพระวิปัสสนาจารย์เคร่งครัดในการปฏิบัติ เป็นพระเถระที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม เป็นที่เคารพนับถือของพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
โดย...สมาน สุดโต
ของที่บรรดาพระเถระทั้งหลายนิยมแจกแก่ญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหาเสมอคือพระเครื่อง รูปเหมือน ผ้ายันต์และคาถาอาคม แต่พระราชโมลี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส นิยมแจกหลวงพ่อหนอ
หลวงพ่อหนอของท่าน คือ บทภาวนาเมื่อปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่ผู้เข้าปฏิบัติต้องภาวนา ยุบหนอ พองหนอ
ท่านพูดเรื่องนี้ในการอบรมวิปัสสนากรรมฐานที่วัดจักรวรรดิราชาวาส
พระราชโมลี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส ได้กล่าวถึงความเป็นมาการอบรมวิปัสสนากรรมฐานที่วัดจักรวรรดิ และประสบการณ์ของตัวท่านเองว่า พระพุทธิวงศมุนี (บุญมา) อดีตเจ้าอาวาส ได้จัดให้มีการอบรมวิปัสสนาสืบทอดเจตนารมณ์สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณณโก ป.ธ. 9) ซึ่งเป็นบุรพาจารย์มานาน เมื่อพระพุทธิวงศมุนีมรณภาพ ก็ขาดช่วงไปพักหนึ่ง เพราะไม่มีเจ้าอาวาสที่มีอำนาจเต็ม มีแต่ผู้รักษาการเจ้าอาวาสเท่านั้น เมื่อท่านมีอำนาจเป็นเจ้าอาวาสเต็มตัว จึงจัดให้มีการอบรมขึ้นมา เพราะตัวท่านเป็นผู้ชอบการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น เมื่ออยู่สหรัฐอเมริกา 16 ปี ได้สอนวิปัสสนาแก่ประชาชนที่สนใจตลอด
กลับมาเมืองไทยเป็นรองเจ้าคณะภาค 10 เปิดการอบรมวิปัสสนากรรมฐานแก่พระสังฆาธิการ และผู้สนใจในภาคอีสานสม่ำเสมอ เพราะเห็นว่าการปฏิบัติธรรมเป็นประโยชน์ต่อตนเอง เป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้มั่นคงยิ่งขึ้น ท่านไม่เห็นอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าวิปัสสนากรรมฐาน แม้ว่าจะเรียนจบชั้นไหนเพียงใดก็ตาม หากไม่ประพฤติปฏิบัติก็ไม่เป็นประโยชน์
สำหรับตัวท่าน สิ่งที่จะมอบให้ญาติโยมคือ วิปัสสนากรรมฐาน เรียกง่ายๆ ว่า หลวงพ่อหนอ ไม่นิยมแจกอย่างอื่น เมื่อใครผู้ใดได้หลวงพ่อหนอไป ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น หลวงพ่อหนอจะไม่หายไปไหน จะอยู่ในจิตใจเสมอ และไม่มียาอะไรที่จะทำให้คนอายุยืน พลานามัยเข้มแข็งเท่ายาหลวงพ่อหนอ
ท่านกล่าวว่ายาหลวงพ่อหนอเป็นยาฉีดใจ ญาติโยมจะได้แข็งแรง โดยยืนยันว่าในช่วง 7 วันที่อบรมปฏิบัติวิปัสสนา ญาติโยมคนไหนปวดแข้งปวดขา เจ็บตรงนั้นตรงนี้ ยาหลวงพ่อหนอบำบัดได้
ประสบการณ์ที่ท่านพบเห็นที่ภาคอีสานเมื่อครั้งจัดโครงการอบรมวิปัสสนา ร่วมกับพระราชธีราจารย์ หรือพระเทพวรมุนีในปัจจุบัน คือมีพระมหารูปหนึ่งมีอาการปวดหลัง แต่ละวันนั่งจมอยู่กับอาการปวดหลัง เมื่อมาเข้ากรรมฐานระยะหนึ่ง อาการปวดหลังหายเป็นปลิดทิ้ง จากนั้นท่านมหารูปนี้ก็ชักชวนญาติโยมให้เข้ากรรมฐาน เพราะสามารถบำบัดโรคได้
กรรมฐานนอกจากจะเยียวยาโรคต่างๆ ได้แล้ว ท่านบอกว่ายังสามารถรักษาผู้ติดยาเสพติด เช่น ติดบุหรี่ให้หายขาดได้ด้วย มีพระหลายรูปติดบุหรี่งอมแงม บางรูปสูบวันละ 2 ซอง เมื่อเข้ากรรมฐานสามารถเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาด ทำให้แต่ละปีมีพระเลิกบุหรี่กันเยอะ
แสดงว่าหลวงพ่อหนอมีพลังจริงๆ หลายสิ่งหลายอย่างดีขึ้นถ้าเดินตามหลวงพ่อหนอ ท่านยืนยัน
ประวัติ
ความเป็นมา หรือประวัติเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิรูปนี้น่าศึกษา ทั้งนี้เพราะท่านอุปสมบทเมื่อเป็นหนุ่มแล้ว แต่เรียนและสอบได้ประโยค 9 ชั้นสูงสุดในภาษาบาลี เป็นนักคิด นักเขียน นักเทศน์ พ่วงด้วยนักศึกษา และนักบริหาร เติบโตจากบ้านนอก แต่ไปปฏิบัติศาสนกิจในสหรัฐอเมริกานานถึง 16 ปี
ความเป็นนักเขียนท่านมีผลงานที่รวมเล่ม 2 เล่ม ส่วนบทความที่พิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน มีมากมาย เพราะท่านส่งให้คุณจำรัส ดวงธิสาร หรือ ประสก คอลัมนิสต์ชื่อดังแห่งสยามรัฐรายวันตรวจแล้วตีพิมพ์ ตั้งแต่ปฏิบัติงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ท่านพยายามปรับปรุงสำนวนและข้อเขียน เมื่อพบผู้มีประสบการณ์ต้องถามความเห็น พบข้อบกพร่องก็เอามาแก้ไข
ส่วนประวัติด้านอื่นท่านเล่าไว้ในภาคผนวก ในหนังสือชื่อ ขวางโลก ความมหัศจรรย์ของธรรม ในทัศนะพระนักเขียนไทยในต่างแดน ที่สำนักพิมพ์ระฆังทอง โดย สมชาย สมานวงศ์ เป็นบรรณาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2545 มีใจความว่า ท่านมาอยู่วัดจักรวรรดิ ปลายปี 2512 ประจำที่คณะ 3 ซึ่งมีพระราชธรรมเมธี เป็นเจ้าคณะ พระราชธรรมเมธี (บุญมา) ต่อมาเป็นเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิ สมณศักดิ์ล่าสุดคือพระพุทธิวงศมุนี ในช่วงที่ท่านมาสังกัดวัดจักรวรรดินั้น สมเด็จพระธีญาณมุนี (ธีร์ ปุณณโก ป.ธ. 9) เป็นเจ้าอาวาส
ก่อนมาอยู่วัดจักรวรรดิ ท่านอยู่ที่วัดกวิศราราม อ.เมือง จ.ลพบุรี เพื่อเรียนบาลี เป็นเวลา 4 ปี แต่การเรียนไม่ก้าวหน้า เมื่อมาอยู่วัดจักรวรรดิ ทำให้เกิดความละอายและมีมุมานะ เมื่อเห็นพระในวัด และที่อยู่คณะเดียวกันเป็นพระมหาหลายรูป แม้กระทั่งสามเณรก็เป็นเปรียญ ในขณะที่ตัวท่านอายุก็มาก พรรษาก็มากยังไม่มีคำว่ามหานำหน้า จึงรู้สึกอาย
ที่ว่าอายุมาก พรรษามากนั้น เมื่อศึกษาประวัติท่านจะพบว่าท่านอุปสมบทเมื่อเป็นหนุ่ม โดยมิเคยบรรพชาเป็นสามเณรมาก่อน ท่านมีนามเดิมว่า พรหมา นามสกุล ดวงดาว เกิดเมื่อวันศุกร์ขึ้น 10 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 29 พ.ย. 2484 ที่บ้านเลขที่ 112 บ้านหนองม่วง หมู่ที่ 4 ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายสอน และนางอวน ดวงดาว เรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วออกมาช่วยบิดามารดาทำงานหาเลี้ยงชีพ
จนกระทั่งย่างเข้าสู่วัยหนุ่มอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีบรรพชา-อุปสมบท ที่วัดอัมพวัน ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2505 มีพระครูจันทศีลคุณ วัดอัมพวัน จ.บุรีรัมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า สัปปัญโญ เมื่ออุปสมบท ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ด้วยความมุ่งมั่น พ.ศ. 2509 สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดอัมพวัน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จากบุรีรัมย์ไปอยู่วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี 4 ปี และมาอยู่วัดจักรวรรดิ ปี 2512
ด้วยความพากเพียรพยายาม ท่านสามารถสอบได้ประโยค 1-2 ในปี 2513 รุ่งขึ้น พ.ศ. 2514 สอบได้ ป.ธ. 3 สามารถใช้ชื่อพระมหานำหน้าสมความตั้งใจ จึงหัดเซ็นชื่อว่า พระมหาพรหมา สปฺปญฺโญ หลายวัน หมดกระดาษไปไม่รู้ว่ากี่แผ่น
แต่การเรียนบาลีใช่ว่าจะสอบได้สมปรารถนาทุกชั้นก็หาไม่ ท่านเคยสอบตกชั้น ป.ธ. 7 อยู่ถึง 4 ปี ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง แต่ใช้เวลาไปช่วยวัดสอนนักธรรมบาลี และโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์มาก เมื่อหยุดการสอนมาเรียนเต็มตัวก็สอบได้ ป.ธ. 7 ป.ธ. 8 ติดต่อกัน เมื่อสอบ ป.ธ. 9 อันเป็นชั้นสูงสุดนั้น ท่านเล่าว่าข้าพเจ้าเคยคิดหนีเขาป่า คือ เมื่อปี พ.ศ. 2525 ข้าพเจ้าเรียนประโยค ป.ธ. 9 ตั้งใจเรียนและทุ่มเทถึงที่สุด หวังจะสอบผ่านในปีเดียว เพราะเคยสอบตก ป.ธ. 7 มานานถึง 4 ปีมันรู้สึกทรมานใจเหลือเกิน
คิดว่าถ้าสอบ ป.ธ. 9 ไม่ได้จะเลิกเรียน หนีเข้าป่าเข้าดงไปเลย
ขณะที่เตรียมสอบ ป.ธ. 9 พระมหาเกษม เสฏฐญาโณ ติดต่อให้ไปอยู่อเมริกา บอกว่า พระสุธีรัตนาภรณ์ (เจ้าคุณประสิทธิ์ เขมงฺกโร ปัจจุบันพระพรหมวชิรญาณ) ต้องการพระที่มีคุณสมบัติให้ไปอยู่ปฏิบัติศาสนกิจวัดธัมมาราม นครชิคาโก 8 รูป หากต้องการไปให้เขียนประวัติ ท่านจึงสมัครไปลมๆ แล้งๆ คิดว่าคงเป็นไปได้ยาก ได้แต่คิดว่าสอบ ป.ธ. 9 ได้จะไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดียมากกว่า
เมื่อสอบ ป.ธ. 9 เสร็จ ยังไม่รู้ผลสอบเดินทางไปเชียงราย เพื่ออบรมบาลีก่อนสอบแก่ภิกษุสามเณร ที่วัดป่างิ้ว เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เป็นเวลา 15 วัน
เมื่อประกาศผลสอบ ปรากฏว่าสอบ ป.ธ. 9 ได้ คราวนี้จะไปไหนดี ป่าดงนั้นไม่ไปแล้ว ความคิดในตอนนั้นคิดว่าจะไปเรียนต่ออินเดีย แต่อีกใจอยากอยู่ช่วยหลวงพ่อที่คณะ 3 แม้กระทั่งอยากไปอเมริกาก็อยู่ในความคิด ในที่สุดเมื่อหนังสือขอตัวจากพระสุธีรัตนาภรณ์ถึงสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสให้ไปปฏิบัติงานที่อเมริกา และได้รับอนุมัติแล้วก็ไปอยู่วัดธัมมาราม นครชิคาโก เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2526
ท่านใช้ชีวิตช่วยงานพระศาสนาในสหรัฐอเมริกา รับผิดชอบหลายหน้าที่นานถึง 16 ปีจึงกลับไทย
เมื่อกลับมาเมืองไทย ท่านก็ได้ช่วยงานวัดจักรวรรดิหลายอย่าง รวมทั้งได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 10 อีกด้วย
ความที่เป็นพระเถระที่คงแก่เรียนจริยาวัตรงดงาม ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระศรีธีรวงศ์ เมื่อ พ.ศ. 2537 เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชโมลี เมื่อ พ.ศ. 2545
ส่วนตำแหน่งบริหารนั้น เคยดำรงตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาสวัดธัมมาราม นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2532 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส พ.ศ. 2535 ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส ให้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่สำนักเรียนวัดจักรวรรดิราชาวาสล่าสุด พ.ศ. 2552 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส พระอารามหลวง
กล่าวได้ว่า พระราชโมลี ได้เอาใจใส่ในกิจการบริหารการศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการของวัดเสมอมา เป็นพระวิปัสสนาจารย์เคร่งครัดในการปฏิบัติ เป็นพระเถระที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม เป็นที่เคารพนับถือของพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนทั่วไปตราบเท่าทุกวันนี้


