ทำไม ใครๆ ก็ปั่นจักรยาน
เมื่อจักรยานไม่ใช่เทรนด์ แล้วพวกเขาปั่นเพราะอะไร เหตุผลร้อยแปดของคนปั่นจักรยานหนึ่งในนั้นอาจเหมือนกับ 3 คนนี้ คนอ้วน นักเขียน และป้า
โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพออตโต้ บัญยง พูลทรัพย์
เมื่อจักรยานไม่ใช่เทรนด์ แล้วพวกเขาปั่นเพราะอะไร เหตุผลร้อยแปดของคนปั่นจักรยานหนึ่งในนั้นอาจเหมือนกับ 3 คนนี้ คนอ้วน นักเขียน และป้า คนธรรมดาที่ชีวิตเปลี่ยนเพราะจักรยาน ซึ่งแต่ละคนมีจุดเริ่มต้นด้วยเหตุผลต่างกัน
ออตโต้ : แรงบันดาลใจคนเจ้าเนื้อ
จักรยานถูกออกแบบมาให้คนผอม แต่คนอ้วนอย่าง ออตโต้-บัญยง พูลทรัพย์ ได้ทำลายขีดจำกัด เขาเพิ่งขี่จักรยานเป็นเมื่อ ธ.ค. 2557 หลังจากไปเจอจักรยานพับของหลานในโรงเก็บของ ตอนนั้นเขาจะยกไปทิ้งแต่มันหนักเกินไปจึงนำไปเติมลมก่อนแล้วจูงไปทิ้ง แต่เมื่อสองล้อกลับมามีลมพร้อมแล่นอีกครั้ง เขาก็รู้สึกอยากลองปั่นขึ้นมา เขาฝึกด้วยตัวเองอยู่ 2 สัปดาห์ แล้วใจกล้าออกถนนไปปั่นกับเพื่อนตามแก๊งจักรยาน
"มันเกิดสังคม สร้างมิตรภาพ" ออตโต้กล่าว ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาปั่นจักรยานไม่เคยหยุด ทั้งปั่นเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือปั่นไปซื้อของ กินข้าว ในชีวิตประจำวัน เขาแบ่งคนปั่นจักรยานออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ปั่นเพื่อออกกำลังกาย เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อแฟชั่น สำหรับเขาถ้าให้เลือกเขาเลือกปั่นในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เขาอยากให้คนที่เริ่มยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นก่อน "ปั่นได้แค่ไหนก็เท่านั้น เราไม่ได้ไปแข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเอง"
ออตโต้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอ้วนที่เคยคิดว่าไม่สามารถขี่จักรยานได้เปลี่ยนความคิดมาลอง เขามักจะเล่าถึงวินมอเตอร์ไซค์ที่ชื่อ "จุก" ตอนนั้นเขากำลังปั่นร่วมแก๊งกับเพื่อนๆ แต่ยึดลำดับรั้งท้าย ขบวนจึงได้พบกับจุกแบบตัวต่อตัว จุกตะโกนเสียงดังขณะที่เขากำลังผ่านไป "เฮ้ย ขี่ได้ไง" แค่แวบเดียวในวันนั้นเขาจำจุกได้ดีด้วยขนาดตัวที่หนักกว่า 180 กก.
หลังจากนั้น 2 วันออตโต้กลับไปหาจุก จึงได้รู้ว่าจุกไม่ได้มีแค่โรคอ้วนแต่ยังมีอาการหายใจไม่ออกและโรควูบง่าย จุกมีความคิดอยากขี่จักรยานเพื่อออกกำลังกายแต่ใจไม่กล้า เพราะยังติดอยู่กับอดีตที่เคยประสบอุบัติเหตุทางจักรยาน และคำล้อเลียนจากคนอื่นว่า "ไอ้อ้วนยางแบน" แต่สิ่งที่ออตโต้ทำได้สร้างความมั่นใจ จุกบอกกับเขาว่า ถ้าคนอ้วนอย่างเขาทำได้ จุกก็ต้องทำได้
เหตุการณ์ในวันนั้นไม่เพียงทำให้จุกมีแรงฮึด แต่ยังทำให้ออตโต้รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น เขาจึงสร้างเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ Thailand Piggy Bike โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจเป็นอันดันแรก สองคือสร้างมิตรภาพและความสุข สามคือผลพลอยได้เรื่องสุขภาพ
"เพจอื่นเขามีการนัดปั่น แต่ของผมไม่ได้นัด อยากปั่นก็ปั่น ประเด็นของเพจนี้ผมอยากเป็นแรงบันดาลใจให้พี่ แต่ผมอยากให้พี่ไปเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นต่อไป พี่ไปปั่นแถวไหนก็ได้ ส่งมอบแรงบันดาลใจให้คนอื่น"
ส่วนเรื่องสุขภาพเขากล่าวตรงไปตรงมาว่า "ไม่โฟกัส" เพราะพื้นฐานของคนอ้วน ถ้าเป็นคนห่วงสุขภาพก็คงไม่ปล่อยให้ตัวเองอ้วน ดังนั้นหากคนในแฟนเพจชวนไปปั่นกินข้าวเขาก็ไป เหนื่อยก็หยุด หิวก็กินข้าว เขายังกล่าวด้วยว่าเมื่อก่อนเคยเล่นบาสเกตบอล แต่เล่นได้ไม่นานก็เบื่อเพราะมันเล่นอยู่กับตัวเอง ไม่เหมือนจักรยานที่ได้ไปตรงนั้นตรงนี้ ไปเจอสิ่งที่ไม่เคยเจอ และมีความสุขกับการทำ
ส่วนปัญหาระหว่างคนอ้วนกับจักรยานทำให้เขาโดนมีดหมอไปแล้ว เช่นเรื่องเบาะ "เบาะมันมาตรฐานสำหรับคนผอมแต่ไม่เหมาะสำหรับคนอ้วน" เบาะที่เล็กเกินไปไม่รับกับสรีระทำให้เขาเป็นฝีที่บั้นท้ายจนต้องไปผ่าตัด แต่เขาก็แก้ปัญหาโดยการซื้อเบาะที่ใหญ่ขึ้นและใส่กางเกงเจลเพื่อลดแรงกดทับจากน้ำหนักตัว
ตอนเริ่มปั่นใหม่ๆ ออตโต้หนักถึง 156 กก. ตอนนั้นเขาเก็บตาชั่งไว้ใต้ตู้ไปแล้วเพราะขึ้นชั่งเมื่อไหร่เข็มก็ตีกลับมาเลขศูนย์ทุกที จนกระทั่งหลังจากปั่นจักรยานไปสักพักเขาก็ลองขึ้นชั่ง "ปรากฏว่าชั่งได้แล้ว เข็มชี้ไม่ถึง 150" ภายในเดือนแรกน้ำหนักลดลง 7 กก. เหลือ 148 กก. ซึ่งเป็นผลพลอยได้ เพราะเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องลดความอ้วน
เพจ Thailand Piggy Bike มีคนติดตามมากกว่า 2,000 คน มีทั้งคนอ้วนและคนไม่อ้วนเข้ามาติดตาม "ผมรู้สึกดีใจที่เป็นจุดเริ่มต้นให้คนอื่นๆ" ออตโต้ได้สร้างแรงบันดาลใจและหวังให้คนอื่นส่งต่อมันต่อไป แต่สาเหตุที่เขาปัดฝุ่นจักรยานพับมาปั่นเล่นนั้นเขาเริ่มต้นจาก "อยากลอง" และหลังจากนั้นเขาก็ปั่นเพราะ "ความสุขล้วนๆ"
ชาติ ภิรมย์กุล : เพราะความชอบส่วนตัว
"เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ชอบขี่จักรยาน" คำพูดของ ชาติ ภิรมย์กุล สะท้อนตัวเองในวัยเด็กเพื่อที่จะยืนยันว่าคนเราทำบางอย่างได้เพราะความชอบ
ถามถึงเหตุผลว่าเขาปั่นเพราะอะไร เหตุผลมีอย่างเดียวคือ "ชอบ" เขาซื้อจักรยานคันแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่ก่อนหน้านั้นก็คิดอยู่นาน ใจยังกลัวๆ กล้าๆ เพราะกลัวอันตรายบนท้องถนน แต่สุดท้ายแล้วก็ทนความชอบของตัวเองไม่ไหวจึงตัดสินใจซื้อ "เวลาเราชอบอะไร ใจเราจะนำพาไปหามัน" เขากล่าว "ผมเชื่อว่าใครที่ได้ลองปั่นจักรยานแล้วจะติดเสน่ห์ของมัน ยิ่งปั่นก็ยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยๆ จนติดเป็นนิสัยเหมือนผม"
เส้นทางที่ชาติชอบปั่นอยู่แถวๆ บ้าน เรียกว่าเส้นทางสีเขียวหรือเส้นเกษตรเมืองนนท์ เป็นสวนทุเรียนเก่าที่สมเด็จพระเทพฯ เคยเสด็จทำให้มีถนนยาว 3 กม. "เริ่มตั้งแต่วัดโตนด ผ่านวัดบางระโหง วัดขวัญเมือง เลียบทุ่งนาสลับกับสวนของชาวบ้าน ฝั่งตรงข้ามมีบ้านไม้ริมคลองเหมือนฉากในหนังโบราณทำให้รู้สึกเหมือนอยู่คนละยุคสมัยทั้งที่ใช้เวลาปั่นไม่เกิน 20 นาที"
เขากล่าวด้วยว่ารายละเอียดสองข้างทาง เขาเห็นมันเพราะเขาเคลื่อนที่ช้าพอ นอกจากนี้ยังได้อยู่กับความคิดตัวเอง มีเวลาออกจากหน้าจอโทรทัศน์ หน้าจอโทรศัพท์ ให้ตัวเองได้อยู่กับธรรมชาติ ได้ไปเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นทั้งที่มันมีอยู่ใกล้ๆ ตัว
พอจักรยานได้นำพาเขาไปเจอสิ่งใหม่ เขาจึงอยากบอกเล่าเรื่องราวให้ผู้อื่นได้รับรู้ผ่านงานเขียน ชาติได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับจักรยาน 2 เล่ม เล่มแรกชื่อ "จักรยานพาไปใจบอกทาง" เล่าเส้นทางที่จักรยานได้นำพาเขาไปโดยที่ไม่ได้วางแผนแต่กลับได้รับประสบการณ์สนุกๆ มากมาย และผลงานชิ้นที่ 2 ชื่อ "จักรยานพาไปใจเป็นสุข" เป็นอารมณ์ต่อเนื่องจากเล่มแรก เพราะสิ่งที่ได้กลับมาจากการปั่นจักรยานคือ "ความสุข" เขาจึงอยากถ่ายทอดความสุขที่ได้รับให้คนอื่นๆ ได้รู้ เผื่อว่าจะมีใครอยากมีความสุขด้วยจักรยานเหมือนเขาบ้าง
ป้าขวัญแก้ว : ปั่นชนะโรค
ผู้หญิงวัย 42 ปี ร่างกายมีเนื้อร้าย วิ่งไม่ได้ เดินยังลำบาก แต่ ขวัญแก้ว-อรอุษา เลิศสุวรรณไพศาล ผ่านจุดนั้นไปแล้ว ซึ่งเธอผ่านมาได้อย่างสนุกสนานเพราะ "จักรยาน"
เมื่อทราบว่าร่างกายไม่แข็งแรง หมอก็แนะนำให้ออกกำลังกายแต่เพราะสุขภาพช่วงนั้นเดิน 500 ม. ยังลำบาก เธอจึงลองปั่นจักรยานตามคำแนะนำของเพื่อน "จากวันนั้นถึงวันนี้มันเหมือนหยอดกระปุกออมสิน เราค่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ จากปั่นได้ 5 กก. ก็ได้ไกลเป็น 10 จนถึง 100 กก. วันนี้สามารถปั่นติดต่อกัน 10 วันได้แล้ว"
ส่วนเรื่องสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอเล่าว่าช่วงแรกๆ หมอจะนัดเข้าไปตรวจร่างกายทุกๆ 3 เดือน พอเริ่มปั่นก็เปลี่ยนเป็น 6 เดือน ตอนนี้ 1 ปีเจอหมอ 1 ครั้ง "หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" ขวัญแก้วกล่าว "ตอนนี้หน้าตาดูสดใส ร่าเริ่ง ไม่ซึมเศร้าเหมือนเมื่อก่อน ร่างกายแข็งแรงขึ้น ผลเลือดก็ออกมาดีมาก" ปัจจัยที่ทำให้สุขภาพดีต้องอยู่ในที่ที่มีอากาศดี รับประทานอาหารที่ดี อารมณ์ดี และออกกำลังกาย ซึ่งจักรยานสามารถพาเธอไปที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ได้พบเจอเพื่อนๆ และแน่นอนว่าได้ออกกำลัง
ขวัญแก้วเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนเล่นเว็บไซต์ thaimtb.com กับฉายา "ป้าสอง" จากแก๊ง 3 ป้า นอกจากขวัญแก้วแล้ว ยังมีป้าอ้อย อุษณีย์ จ.อุดรธานี และป้าเหมียว หรือเสือรุ่งริ่ง จ.เชียงใหม่ ทั้ง 3 ป้าไม่เคยปั่นด้วยกันแต่เพราะชอบเมาท์เรื่องจักรยานในเว็บไซต์จึงถูกเรียกว่าแก๊ง 3 ป้า เมื่อไม่นานมานี้ขวัญแก้วต้องย้ายที่อยู่จากสุราษฎร์ธานีขึ้นเชียงใหม่จึงได้พบกับป้าเหมียว และได้ไปปั่นด้วยกันมาแล้วหลายรอบ
ก่อนการเดินทางเธอจะหาข้อมูลก่อนว่าต้องผ่านอะไรบ้าง และดูในกูเกิลแมพว่ามีจุดไหนที่มีวิวสวยๆ โดยสิ่งที่ต้องมีคือ ต้นไม้สองข้างทาง ถนนสองเลน และร่มเงาของต้นไม้ "ตอนนี้อยู่เชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะเลาะแม่น้ำปิง ขึ้นไปทางแม่ริม ไปห้วยตึงเฒ่า ขึ้นดอยสุเทพ และคิดว่าจะไปขึ้นเส้นสะเมิง"
เส้นทางที่เธอโปรดมากที่สุดคือขึ้นดอย ดอยแรกในชีวิตคือ เขาท่าเพชร จ.สุราษฎร์ธานี เธอเล่าว่าตอนนั้นมีพี่ที่ชมรมจักรยาน 2 คนไปเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งพวกเขาปั่นขึ้นเขาแบบ "ไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย" เธอใช้คำนี้ ส่วนตัวเธอเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็ได้รับแรงบันดาลใจด้วยคำมั่นกับตัวเองว่า "สักวันฉันต้องทำให้ได้"
ตอนนี้เธอสามารถปั่นขึ้นเขาได้แล้วและปั่นได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ทริปที่ไกลที่สุดคือ สุราษฎร์ธานี-เชียงใหม่ เธอตั้งชื่อว่าทริป 1,500 ไมล์ ระยะทางมากกว่า 2,400 กม. ยาวนาน 22 วันเธอปั่นพร้อมกับเพื่อนสูงวัยซึ่งในตอนนั้นเธออายุ 43 ปี
ขวัญแก้วยังมีเอกลักษณ์อีกอย่างคือ ปั่นไปถ่ายภาพไป เธอมักจะพกกล้องดิจิทัลเล็กๆ ติดตัวไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งเริ่มแรกก็ถ่ายแบบไม่คิดถึงเทคนิคใดๆ เพียงแต่จะรายงานให้คนทางบ้านรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน แต่เมื่อได้ไปเห็นภาพคนอื่นๆ ก็อยากเอาจริงเอาจังด้านนี้จึงเริ่มฝึกถ่ายภาพตามหนังสือสอนถ่ายภาพที่ซื้อมา จนตอนนี้ภาพถ่ายจากฝีมือขวัญแก้วสวยไม่แพ้มือโปร
"เวลาได้จับกล้องมันสร้างบันดาลใจอีกอย่าง คือความตั้งใจที่จะได้ภาพสวยๆ ทำให้เราปั่นไปได้ไกลกว่าเดิมเพื่อตามหาภาพนั้นให้เจอ" นอกจากนี้ระหว่างทางทำให้เธอรู้ว่าคนไทยไม่แล้งน้ำใจ ทั้งเลี้ยงน้ำฟรี ทั้งชวนกินข้าว การปั่นจักรยานทำให้เธอได้รับน้ำใจอยู่เสมอและได้รับมากมายจนจำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง
จักรยาน ทำให้คนมากมายมารวมตัวกันได้ และทำให้ชีวิตหลายคนเปลี่ยนไป ออตโต้ ชาติ ขวัญแก้ว เป็นเพียงจุดเล็กๆ ของวงการนักปั่น แต่ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้มากมาย
เรื่องดีๆ จะเกิดขึ้นกับทุกคนได้ต้องปั่นตั้งแต่วันนี้ เริ่ม!


