posttoday

วิทยา เวชชาชีวะ ความสุขจากการอ่านและการเขียน

25 เมษายน 2558

ถือเป็นโอกาสดีที่ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ “วิทยาเวชชาชีวะ” เจ้าของหนังสือ “แผน” เพื่อแผ่นดิน

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ถือเป็นโอกาสดีที่ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ “วิทยาเวชชาชีวะ” เจ้าของหนังสือ “แผน” เพื่อแผ่นดิน ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์โพสต์บุ๊กส์ อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ยังเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลหนังสือดีเด่น ประเภทสารคดี ประจำปี 2558 จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ อีกด้วย โดยวิทยาได้เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีเปิดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 43 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา

“ในความรู้สึกผม ก็รู้สึกประหลาดใจที่หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัล เพราะไม่ได้คาดฝันหรือคาดคิดมาก่อน คงเป็นเพราะผมไม่ได้เป็นนักประพันธ์อาชีพ การเขียนหนังสือเป็นเพียงความชอบส่วนตัวเท่านั้น แต่เมื่อได้รับรางวัล ผมก็รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจครับ”

วิทยา เผยว่า เขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กทุกคนในบ้านชอบอ่านหนังสือกันหมด “โดยเฉพาะคุณพ่อ ท่านชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ที่บ้านเลยมีหนังสือแนวนี้เยอะ ส่วนผม ผมชอบอ่านหนังสือชีวประวัติคน ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ผมคิดว่า การอ่านเรื่องราวชีวประวัติของคนอื่นมันทำให้เราได้เห็นได้รู้เรื่องราวของโลกได้กว้างขึ้น ทั้งวัฒนธรรม การใช้ชีวิต เศรษฐกิจ การเมือง และผู้คน ในมุมมองที่หลากหลาย”

วิทยาเกิดมาในครอบครัวที่มีรากเหง้าเป็นคนจีน-ญวน ที่มาตั้งถิ่นฐานเริ่มต้นใน จ.จันทบุรี โดยคุณพ่อของเขาเดินทางมาร่ำเรียนที่กรุงเทพมหานคร ทำงานบริษัทเอกชน และมีครอบครัวอยู่ที่นี่เป็นต้นมา

“เมื่อผมโตขึ้น มีอายุได้ 15 ปี คุณพ่อส่งผมไปเรียนที่ประเทศอังกฤษและสหรัฐ ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานกว่าสิบปีโดยไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย ผมเรียนจบด้านกฎหมาย ทั้งจากประเทศอังกฤษและสหรัฐ ผมเชื่อว่าการเรียนด้านกฎหมาย จะทำให้เราคิด อ่าน เขียน อย่างมีเหตุผล เวลาเขียนหนังสือ ผมจึงเขียนอย่างมีความต่อเนื่องกัน”

สำหรับการเขียนหนังสือในรูปแบบของวิทยา เขาเผยว่า เขามักเอาตัวเองเป็นคนอ่าน เพื่อจะได้รู้ว่า เมื่ออ่านงานเขียนที่ตัวเองได้เขียน อ่านแล้วเข้าใจมั้ย มีเหตุมีผลมั้ย อ่านแล้วน่าติดตามหรือเปล่า น่าเบื่อหรือเปล่า ถ้าอ่านแล้วรู้สึกเบื่อ ไม่เข้าใจ ก็จะได้นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม

วิทยา เวชชาชีวะ ความสุขจากการอ่านและการเขียน

 

สำหรับชีวิตการทำงานของวิทยา เขารับราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ โดยเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศต่างๆ โดยตำแหน่งสูงสุดก่อนออกจากการเป็นข้าราชการ คือ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ

“ด้วยหน้าที่การงาน ทำให้ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานหลายปี เวลาที่ผมใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ครอบครัวผมต้องย้ายตามผมไปด้วย ผมกับครอบครัวจะพูดภาษาไทยกันที่บ้าน ผมอยากให้ภาษาและวัฒนธรรมไทยยังคงอยู่ในครอบครัว อีกทั้งเวลาที่ลูกๆ ผมปิดเทอม ผมจะส่งกลับมาอยู่กับคุณย่าของเขาทุกปี เพื่อมาเรียนรู้ชีวิตความเป็นไทย”

วิทยา เผยว่า ณ ขณะที่เป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ เขามักเขียนสุนทรพจน์ด้วยตนเองมาโดยตลอด แม้จะเป็นปลัดกระทรวงแล้วก็ตาม

“พอผมออกจากราชการ ผมมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะทุ่มเทให้กับการเขียนหนังสือมากขึ้น โดยผมเขียนหนังสือและตีพิมพ์อยู่หลายเล่ม แต่เป็นการตีพิมพ์เองเพียงจำนวน 200-300 เล่ม เพื่อให้ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิทได้อ่านกันเท่านั้น มีเพียงหนังสือเรื่อง ‘แผน’ เพื่อแผ่นดิน ที่เป็นหนังสือเล่มแรกที่ตีพิมพ์แล้วจำหน่ายไปทั่วประเทศ”

ทุกครั้งที่วิทยาลงมือเขียนหนังสือ เขาจะสนุกไปกับการได้อ่านหนังสือและค้นคว้าหาข้อมูล “ผมชอบเวลาที่ผมไปค้นคว้าเอกสารเก่าๆ ซึ่งเก็บบรรจุในไมโครฟิล์มที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ตรงท่าวาสุกรี อีกทั้งเวลาที่ผมเขียนหนังสือหรือค้นคว้า ผมจะตั้งเป้าหมายในการทำงานแต่ละครั้งเพื่อทำให้มีทิศทางในการเขียน นอกจากนี้ผมจะมีเชิงอรรถไว้ท้ายเล่ม เพื่อจะได้ไม่มีคนมาครหาว่ายกเมฆเขียน ยิ่งเราเขียนชีวประวัติคน ยิ่งต้องมีหลักฐานอ้างอิง หรือมีเชิงอรรถ”

ด้วยความที่รู้คุณค่าของการอ่านและการเขียน ทำให้เขาส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกหลานรักการอ่านหนังสือ “ผมมีความเชื่อว่า วัฒนธรรมการอ่าน ควรต้องเริ่มต้นจากครอบครัว หากปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ส่งเสริมให้ลูกหลานได้อ่านหนังสือกัน ก็จะทำให้เกิดลักษณะนิสัยรักการอ่านหนังสือเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว รวมทั้งใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา อย่าลืมว่า การศึกษาเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้มนุษย์เราเป็นปัญญาชน ไม่ว่าพ่อแม่จะยากจนแค่ไหน ต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกได้รับการศึกษา และมีลักษณะนิสัยที่ดีในการรักการอ่านหนังสือ”

วิทยา เวชชาชีวะ ความสุขจากการอ่านและการเขียน

 

กับหนังสือเรื่อง “แผน” เพื่อแผ่นดิน วิทยา เผยว่าด้วยความที่เขาทำงานร่วมกับ แผน วรรณเมธี มากว่า 40 ปีทำให้เขารู้สึกประทับใจในเรื่องราวชีวิตของบุคคลผู้นี้ ทั้งในแง่ของความเป็นคนธรรมดาสามัญ รวมทั้งโชคชะตาที่ทำให้บุคคลผู้นี้เดินทางไปประสบพบเจอสิ่งต่างๆ ในต่างประเทศ เพียงแต่เขาเลือกเขียนในลักษณะบอกเล่าเรื่องราวเมืองไทยผ่านชีวิตของ แผน วรรณเมธี มากกว่าจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของบุคคลผู้นี้เพียงอย่างเดียวล้วนๆ

“เช่น ผมอยากบอกเล่าระบบการศึกษาในเมืองไทย ผมก็บอกเล่าผ่านเรื่องราวการศึกษาของคุณแผนตั้งแต่เด็กจนจบการศึกษา รวมทั้งบอกเล่ารูปแบบการทำงานของข้าราชการสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องศาสนา และอื่นๆ อีกมากมาย ผ่านเรื่องราวชีวิตของคุณแผน ด้วยความที่คุณแผนเกิดปลายรัชกาลที่ 5 ต้นรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองไทยกำลังเริ่มต้นพัฒนาไปสู่ความทันสมัย สิ่งนี้จะทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของสังคมไทย ผ่านชีวิตของบุคคลท่านนี้”

วิทยา เผยว่า หลังจากนี้เขายังมุ่งมั่นตั้งใจกับการเขียนหนังสือ โดยเขากำลังเขียนประวัติของกระทรวงการต่างประเทศ ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี “ยังอยู่ในระหว่างการเขียน การค้นคว้า และการแก้ไขไปเรื่อยๆ ครับ ยังไม่ได้คิดที่จะตีพิมพ์กับใคร นอกจากนี้ผมยังคิดอยากเขียนเรื่องราวต่างๆ ผ่านอักษร ก-ฮ คิดว่าคงสนุกดี แต่คงไม่เขียนเรื่องราวชีวิตของตนเอง นอกจากนี้ผมยังอยากแปลหนังสือ ในมุมมองของผม ผมคิดว่าการแปลหนังสือมันดีอยู่อย่างหนึ่งคือ เราสามารถเลือกเรื่องที่ชอบเอามาแปลได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการแปล มันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าและมีความสุขครับ”

ข่าวล่าสุด

CardX มอบเงินบริจาคห้าแสนบาทแก่สภากาชาดไทยเพื่อเร่งฟื้นฟูเยียวยาและช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย