ความรัก ฝังใจ
เรื่องมันเริ่มต้นจากการแชตคุยออนไลน์ผ่านโปรแกรม msn พวกเขาต่างตกหลุมรักกันทันที หลังจากนัดพบกันเป็นครั้งแรก
โดย...อะตอมมิกคุก เรียบเรียง : ดาราพรรณราย ภาพ : หนัง The Way He Looks
เรื่องมันเริ่มต้นจากการแชตคุยออนไลน์ผ่านโปรแกรม msn พวกเขาต่างตกหลุมรักกันทันที หลังจากนัดพบกันเป็นครั้งแรก โดยทั้งคู่ต่างก็อยู่ในวัยเรียน ฝ่ายหนึ่งอยู่ชั้นปีที่ 3 และอีกฝ่ายอยู่ชั้นปีที่ 2 ต่างมหาวิทยาลัย จนกระทั่งได้มาคบหาและย้ายมาอยู่ด้วยกัน โดยที่ทางครอบครัวไม่เคยรู้เลยว่า...ทั้งคู่คบหากันในฐานะใด
“คบกันมาประมาณ 2 ปีกว่า คบมาเรื่อยๆ จนเราจบและเริ่มทำงาน เริ่มต้นจากที่เจอกัน เราชอบกันเพราะเราถูกใจหน้าตา นิสัย มันคลิก มันโดน และเมื่อมาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี จึงตัดสินใจคบกับเขา เราทั้งคู่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตด้วยกันเยอะ เขาก็จะอยู่ในเหตุการณ์สำคัญๆ อย่างเรารับปริญญาหรือบวชให้พ่อแม่ แต่พ่อแม่ของเราก็จะรู้แค่ว่าเราเป็นเพื่อนกัน เราไม่ได้เปิดเผยกับครอบครัวไปตรงๆ ว่าคนนี้คือแฟน
สมัยก่อนเราจะเช่าหอพักอยู่ ทุกครั้งหลังจากทำกิจกรรมเขาจะต้องกลับมาเจอเราที่ห้อง คือกลับมาอยู่ด้วยกัน มาทำกับข้าวกินกัน บ้านเขาก็จะอยู่ใกล้กับห้องเรา แต่เขาก็จะออกจากห้องเราไปประมาณเกือบเช้า คืออยู่ด้วยกันแบบนี้ คบกันไปเรื่อยๆ ชีวิตมีความสุขมาก
แต่เราเจ้าชู้ โดยปกติของคนเป็นเกย์ คือผู้ชายคบกับผู้ชาย เราคิดว่ามันไม่เสียหายอะไร ไม่ได้มีการผูกพัน หรือต้องไปรับผิดชอบเหมือนผู้หญิง ด้วยความที่เราไม่ได้รับผิดชอบแบบนี้ เราก็รู้สึกว่ามันวูบวาบ มาง่าย ไปไว มันฉาบฉวย แต่กับคนนี้เรารู้สึกว่าเรารักและค่อยๆ ผูกพัน เหมือนเป็นคู่แฟนผู้หญิงผู้ชายปกติ จนเราก็มีทัศนคติกับความรักอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งตอนที่เราคบเขาก็รู้สึกว่าเรารักเขามาก จนทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากจะหยุด หยุดเจ้าชู้ หยุดมองคนอื่น และต้องให้ความซื่อสัตย์กับคนที่เรารักอยู่
ตอนที่เขาไปเป็นทหารเราร้องไห้ทุกวันเลย มันคิดถึง ช่วงที่เขาเพิ่งเกณฑ์ทหารเราติดต่อกันไม่ได้ ซึ่งในช่วงเวลานั้นเรารู้สึกว่านานมาก กระทั่งเปิดให้เข้าเยี่ยมได้ แล้วเขาก็เอาสมุดบันทึกมาให้เราอ่าน ในนั้นเขาจดบันทึกเอาไว้ว่าในแต่ละวันเขาคิดถึงเราอย่างไร แล้วเอามายื่นให้เราอ่าน เราก็ซึ้งมาก ร้องไห้น้ำตาไหล
แต่แล้วอยู่ดีๆ ความรู้สึกดีๆ ที่เราเคยมีมันก็เปลี่ยนไปเลย เราเองก็พยายามหาคำตอบว่าทำไมเขาถึงไม่อยากคุยกับเรา ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป เราก็พยายามอดทน อดทนเกิน 7 เดือน เราก็เครียดมาก เราโทรหาเขา บางทีเขาก็บอกว่าเหนื่อย แรกๆ เราก็รับได้ เราก็เข้าใจว่าเขาเหนื่อยจริงๆ หลังๆ เราก็เริ่มรู้สึกถึงความห่าง เรารู้สึกว่ามันเริ่มห่างกัน ความมีเยื่อใยต่อกันมันเริ่มหายไป คำพูดบางคำพูดทำร้ายจิตใจเราด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เรารู้สึกว่าอยากจะเจอ อยากจะคุย แต่เขาก็พูดแบบไม่มีเยื่อใย ซึ่งเราเองทุกข์ใจมาก ร้องไห้ทุกวัน
จนเราพบข้อมูลการติดต่อของเขา ข้อความหวานที่ไม่ธรรมดากับเพื่อนทหารในกรมฯ คนหนึ่ง และตัดสินใจว่าจะเคลียร์กับเขา และคุยกันอย่างเปิดอก วันที่เราบอกเลิกเขาวันนั้น เรารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก มันโล่งมาก มันเหมือนกับว่าเราแบกอะไรอยู่ก็ไม่รู้ มันเหมือนเราแบกอยู่ตลอดเวลาเกือบปี ที่เรารอ เราทน ทุกอย่าง ทุกวันที่เขาเปลี่ยนไปเราก็รอหาคำตอบ ร้องไห้ ตีอกชกตัว คิดอย่างโน้นอย่างนี้ พอเราได้บอกเลิกไป ถามว่าเราเสียใจมั้ย เสียใจมากนะ แต่มันเหมือนกับเราได้ปลดอะไรบางอย่างออกไปจากชีวิตเราละ ก็เหลือเวลาที่ว่าจะทำให้เราอยู่ได้ เวลาที่มันจะซ่อมแซมตัวเอง
แต่ว่าเขาก็ยังเข้ามาง้ออยู่นะ เรารู้สึกว่ามันเหมือนแก้วที่มันร้าวไปแล้ว ความรู้สึกเรา ใจเรามันสลายไปหมดแล้ว เราก็ตัดสินใจอีกแวบหนึ่งระหว่างจะกลับไป กับ ไม่กลับ มันเป็นแค่เส้นบางๆ เราสามารถให้อภัยเขาได้ เพราะเรารักเขามาก
แต่ก็ได้แต่นั่งถามว่าถ้าเรากลับไปอีก เราก็จะต้องมานั่งเจ็บแบบนี้แหละ เราเชื่อว่ามันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก เพราะฉะนั้น เจ็บวันนี้ดีกว่าต้องเจ็บซ้ำๆ เราเลยตัดสินใจเลยว่าตัดดีกว่า
พอตัดสินใจแล้วก็ใช้เวลานานมากกว่าจะกลับมาเป็นเราคนเดิม เราไม่ไปทำงานประมาณ 2-3 วัน ขออยู่คนเดียว แต่ไม่เคยคิดสั้น เราเป็นคนที่รักตัวเองมาก มันเป็นคนละส่วนกัน ความรักกับความนับถือตัวเองมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความรักคนอื่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยมีความคิดตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าถ้าผิดหวังแล้วจะต้องทำร้ายตัวเอง ไม่เคยคิด เพราะเรารักตัวเอง และมีพ่อมีแม่ที่ยังรักเราอยู่
แต่ทุกวันนี้เวลาผ่านไปเราก็ยังคิดถึงเขาอยู่เลยนะ ตอนนี้ผ่านไปเกิน 7 ปีแล้ว โลกมันกลม ผ่านมาเจอเขา เราก็ยังคิดถึงนะ เพราะเราจะคิดถึงในส่วนของความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กัน แต่ถ้าให้เรากลับไปคบ เราไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นแล้ว ให้มันเก็บเป็นความรู้สึกความทรงจำดีๆ ดีกว่า ถามว่าเราเจอเขายังรู้สึกคิดถึง เป็นห่วงเป็นใยเขา อยากจะรู้ว่าชีวิตเขาจะดำเนินไปอย่างไร เขามีความสุขดีมั้ย ซึ่งในสิ่งที่เราเป็นอยู่นี้ เราก็เรียกว่ามันเป็นรักที่ฝังใจ...


