posttoday

เลือดกำเดา เกิดจากอะไร?

26 มีนาคม 2558

เข้าซัมเมอร์ ฤดูร้อนวอนเที่ยวทะเลไปรับโอโซนและดูหนุ่มๆ สาวๆ ในชุดว่ายน้ำหลากสีสันตามชายหาดต่างๆ

โดย...เพรงเทพ

เข้าซัมเมอร์ ฤดูร้อนวอนเที่ยวทะเลไปรับโอโซนและดูหนุ่มๆ สาวๆ ในชุดว่ายน้ำหลากสีสันตามชายหาดต่างๆ แต่ก็ควรระวัง ...เพราะอากาศร้อนจัดทำให้เลือดกำเดาไหล (Epistaxis) ได้สำหรับบางคน

มายาคติของนักอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น จนทำให้กลายเป็นชุดความคิดที่คล้ายว่าเป็นความจริง เมื่อแรงดันเลือดมันสูง หัวใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว โพรงเยื่อจมูกที่บาง เส้นเลือดฝอยก็แตก

แล้วก็มีคนพยายามอธิบายอย่างเป็นตุเป็นตะว่า เวลาที่เรามีสิ่งเร้า (ในกรณีนี้คือเห็นผู้หญิงเซ็กซี่จนถึงขั้นโป๊เปลือย) จะไปกระตุ้นสมองและสมองก็กระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารพวกฮอร์โมน เช่น อิพิเนฟริน (Epinephrine) หรือที่เรียกว่า อะดรีนาลิน (Adrenaline) ซึ่งส่งผลให้มีการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้นส่งผลให้เลือดไหลมาตามเส้นเลือดแรงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดฝอยแตกได้ง่ายขึ้น

คนไทยก็มักคุ้นกับบทบาทของ ซาเอบะ เรียว แห่งการ์ตูน “ซิตี้ ฮันเตอร์” ที่เลือดกำเดาพุ่งเลย ไม่ใช่แค่ไหลเฉยๆ เวลาเจอสาวๆ ไซส์บะละฮึ่ม ซึ่งนี่เป็นเอกลักษณ์ของการ์ตูนญี่ปุ่นเขาล่ะ ที่ใช้เลือดกำเดาไหลในการสื่อถึงอานุภาพของความเซ็กซี่ต่างๆ

ในประวัติศาสตร์ของมังงะที่บันทึกไว้ นักวาดการ์ตูนที่เริ่มความคิดนี้เป็นคนแรกก็คือ ยาสุจิ ทานิโอกะ ที่มีผลงานเรื่อง “Yasuji no Mettameta Gaki Dou Kouza” ในช่วงต้นยุคทศวรรษที่ 70 จนทำให้เป็นแม่แบบที่แพร่หลายหรือเป็นขนบนิยมของการ์ตูนญี่ปุ่นมาจนถึงยุคปัจจุบัน

เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ netallica.yahoo.co.jp แล้วก็มีคุณหมอมาตอบประเด็นนี้ไว้ชัดเจนมาก นพ.คูอิชิโระ คะนะยะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ได้เฉลยว่า การที่มนุษย์เราได้เห็นอะไรโป๊ๆ เซ็กซี่ๆ พวกนี้ ตามหลักแล้วจะมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ รวมไปถึงความดันของเลือด แต่ว่าไม่มีผลต่อเลือดกำเดาไหล

เนื่องจากว่าไม่มีอะไรที่เชื่อมต่อกันกับส่วนนั้น เพียงจมูกของเราจะเป็นหลอดเลือดฝอยซึ่งมีขนาดเล็กสามารถแตกได้ง่ายเนื่องจากทนแรงดันของเลือดได้ไม่มาก

แต่ก็อย่านิ่งดูดาย เมื่อรู้ว่าเลือดกำเดาที่ไหลออกมา ไม่เกี่ยวกับความเซ็กซี่ที่มีดีกรีแตกต่างกันของการสัมผัสทางตาแล้วไหลออกจมูกเป็นสีแดง

สาเหตุที่ทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลนั้นมาจากที่เยื่อผนังจมูกนั้นมีความอ่อนแอมาก สำหรับเด็กๆ แล้วที่มักจะเลือดกำเดาออกกันนั้น เพราะว่าชอบเอามือไปแคะขี้มูกบ่อยๆ

จากเว็บไซต์ความรู้สู่ประชาชน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลว่า เลือดกำเดาไหลสามารถพบได้ทุกเพศและทุกวัย แต่มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ภาวะนี้มักพบในช่วงฤดูที่มีอากาศหนาวมากกว่าฤดูอื่นๆ เนื่องจากในฤดูหนาวมีอากาศแห้งเพราะความชื้นในอากาศที่ลดลง และมีอุบัติการณ์ของหวัด

ระดับความรุนแรงของเลือดกำเดาไหลโดยทั่วไปจะเป็นระดับน้อย หมายถึงมีเลือดออกปริมาณน้อย ไม่สามารถวัดปริมาณได้ชัดเจน เช่น เปื้อนผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษชำระ และมักหยุดได้เอง สามารถใช้การกดบีบ เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้ผู้ป่วยเงยหน้าหรือก้มหน้าลง และให้ผู้ป่วยใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือบีบปีกจมูกทั้งสองข้างให้แน่นเป็นเวลา 5-10 นาที แล้วให้หายใจทางปากแทน เพื่อกดบริเวณด้านหน้าของผนังกั้นช่องจมูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีเลือดออกบ่อยที่สุด

อาจใช้น้ำแข็งหรือผ้าเย็นประคบบริเวณจมูกด้านนอก ถ้ามีเลือดไหลลงคอ ให้บ้วนใส่ภาชนะเพื่อประเมินจำนวนเลือด และป้องกันการอาเจียนจากการกลืนเลือดเข้าไปมาก

หลังเลือดกำเดาไหล ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก ถ้าเลือดหยุดแล้วควรนอนพัก ยกศีรษะสูง นำน้ำแข็งหรือ Cold Pack มาประคบบริเวณหน้าผากหรือคอ และหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรงๆ, การแคะจมูก, การกระทบกระเทือนบริเวณจมูก, การออกแรงมาก, การเล่นกีฬาที่หักโหม หรือยกของหนัก เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ ถ้าเลือดออกไม่หยุดหรือออกมากผิดปกติ ผู้ป่วยควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ทันที

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell