เพราะเพชรคือชีวิต
บอกเลยถ้าพูดถึงตัวแม่ในวงการร้านเพชร ต้องมีชื่อชั้นของชูชัยติดโผท็อปไฟว์อย่างแน่นอนสำหรับ ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ เจ้าของร้านเพชร เจมส์ พีซ บาย ชูชัย
โดย...อณุสรา ทองอุไร ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
บอกเลยถ้าพูดถึงตัวแม่ในวงการร้านเพชร ต้องมีชื่อชั้นของชูชัยติดโผท็อปไฟว์อย่างแน่นอนสำหรับ ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ เจ้าของร้านเพชร เจมส์ พีซ บาย ชูชัย และอีกตำแหน่งพ่วงท้ายก็คือการขยายไลน์ธุรกิจไปทำอสังหาริมทรัพย์คือ บูติกโฮเต็ล ชูชัยบุรีศรีอัมพวา
ในแต่ละปีเขาก็มักจะมีไฮไลต์ออกมาเป็น Signature ให้เหล่าแฟนคลับร้านเพชรของเขาได้ฮือฮา ที่ผ่านมาก็หน้ากากเพชรบ้าง ตะปิ้งเพชรบ้าง เรียกว่าไม่มีใครลืม และได้ยินแว่วๆ ว่าปลายปีนี้อาจจะมีงานเปิดตัวโรงแรม ก็เตรียมจับตามองให้ดีอย่ากะพริบตาเลยเชียวถ้าไม่อยากตกข่าวแล้วละก็นับถอยหลังรอกันได้เลย ก็เพชรมันคือชีวิตของเขาเลย
เอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
เขาบอกว่าทุกวันนี้ไม่ว่าการทำธุรกิจอะไรก็ตาม การแข่งขันมันสูงขึ้นทุกวัน ดังนั้นจะทำอะไรต้องทำให้แตกต่างจากที่เคยทำหรือคนอื่นเคยทำ ไม่งั้นทำออกมาก็ถูกกลืนไปหมด เพราะมันไม่แตกต่าง เมื่อไม่ต่างคนก็ไม่นึกถึงและถูกลืมไปในที่สุด แน่นอนว่าทุกวันนี้งานหลักของเขาก็ยังเป็นร้านเพชรอยู่นั่นเอง ก็มีด้วยกัน 2 แบรนด์ คือ เจมส์พีซ กับ C2 ถ้านับรวมๆ ทั้งสองแบรนด์ก็มีอยู่เกือบ 10 สาขาเข้าไปแล้ว ก็แบ่งตลาดกันชัดเจน ถ้าต้องการชิ้นใหญ่เพชรบึ้มๆ ก็ต้องที่เจมส์พีซ แต่ถ้าชิ้นเล็ก วัยรุ่นหน่อยก็เชิญที่ C2
เขาเล่าว่างานของเขาจะเป็นเอกลักษณ์คือชิ้นใหญ่และใช้พลอยน้ำงาม เน้นพลอยเม็ดใหญ่ๆ “ระยะ 10 ปีหลังมานี้งานของชูชัยจะเป็นเอกลักษณ์มาก คือเพชรจะเน้นชิ้นใหญ่ๆ อลังการ ใส่แล้วต้องบึ้มสะดุดตา มันก็สะท้อนบุคลิกของเรานั่นเอง ตอนนี้เรามีอิสระในการทำงาน มีความพร้อมและความอิสระในการทำงานมากขึ้น สบายใจขึ้น มันก็สะท้อนออกมาที่งานออกแบบของเรา ต้องหรู อลัง ชิ้นใหญ่ๆ ทำมาแค่แบบละ 1 ชิ้นเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าเรารู้สึกดีว่าเขาสบายใจได้ ไม่มีใครใส่ซ้ำกับเขาแน่นอน เขาจะเป็นหนึ่งเดียว แม้แบบจะใกล้เคียงกัน พลอยก็จะคนละสี คนละชนิดกันแน่ๆ ไม่มีทางซ้ำ พลอยเป็นของธรรมชาติ ไม่มีทางที่จะมาซ้ำกันเป๊ะอย่างแน่นอน นี่คือเอกลักษณ์ของเรา ลูกค้าต้องเป็นหนึ่งเดียว” เขากล่าวอย่างมั่นใจ
แต่งกายดีคือการให้เกียรติ
นอกจากงานร้านเพชรของเขาที่ดูดีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว สไตล์การแต่งตัวของเขาก็มีเอกลักษณ์ เมื่อเขาไปออกงานที่ใด นอกจากเสื้อผ้าหน้าผมจะครบเครื่องแล้วยังต้องมีเครื่องประดับเพชรแวววับจับตา เพราะมีเพชรเป็นเครื่องหมายการค้า เขาบอกว่าการแต่งกายให้ดูดี คือการแสดงออกถึงการให้เกียรติกับงานและสถานที่ที่เราจะไป ก็ชอบแต่งตัวเลยจัดให้เต็มที่เวลาออกงาน
“ถ้าดูเสื้อผ้าแล้วเราไม่ชอบใส่เสื้อผ้าสีสด เสื้อผ้าจะมีแต่โทนขาวดำ เทา น้ำเงิน จะเป็นแนวสีออกเอิร์ทโทน ดังนั้นจึงต้องใส่เครื่องประดับช่วยให้ดูมีอะไรขึ้นมา แน่นอนว่าเราทำร้านเพชร เราก็ต้องใส่เพชร พลอยก็จะไม่ค่อยใส่ จะใส่แต่เพชรขาวกับเพชรดำ คือไม่ชอบให้มีสีบนตัวเราเยอะ ดังนั้นใส่แต่เพชรก็ง่ายดี เข้ากับเสื้อผ้า อีกทั้งเราเป็นคนชอบเครื่องประดับก็ใส่หลายชิ้นหน่อย สร้อยมือ แหวน ต่างหู นาฬิกา ก็ไม่เยอะนะ 3-4 ชิ้นเท่านั้น แต่บังเอิญชิ้นมันใหญ่หน่อยเลยดูเยอะ ก็ชินมั้ง เราไม่รู้สึกว่าเยอะนะ แล้วการไปงานก็ต้องให้เกียรติงานและสถานที่ด้วยการแสดงออกมาด้วยการแต่งกายที่เราจะสื่อได้เป็นอย่างแรก” เขาอธิบาย
อลังการแต่ต้องกลมกลืน
มาถึงงานต่อยอดธุรกิจส่วนขยายของเขาก็คือ บูติกโฮเต็ล ชูชัยบุรีศรีอัมพวา ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้ ก็แว่วมาว่าไม่ธรรมดา ตามประสายี่ห้อชูชัยนั่นล่ะ แอบได้ยินมาว่าจะมีรูปปั้นองค์เทพศิวะองค์ใหญ่ที่อัญเชิญมาจากทางใต้ของอินเดีย เพราะตามความเชื่อว่าเราควรจะขอพรจากเทพมากกว่าจะขอพรจากพระ แน่นอนว่าถ้ามีเทพตามความเชื่อแบบพราหมณ์ มีพระศิวะ ก็ต้องมีศิวลึงค์ แต่คงไม่ใช่ศิวลึงค์ธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไป ถ้าของชูชัยต้องเป็นศิวลึงค์ทองคำฝังเพชร
เขาว่าจะทำอะไรทั้งที ก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดให้เต็มที่กับทุกสิ่งที่ทำ มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา เห็นงานแล้วต้องรู้ว่าใช่งานของเราหรือเปล่า บอกยี่ห้อ ตัวตนของเราได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสุภาพให้เกียรติ “อย่างโรงแรมแม้จะมีความเป็นตัวเราแค่ไหน ที่สำคัญก็คือต้องให้สอดคล้องกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของสถานที่ ซึ่งเราระมัดระวังเรื่องนี้มาก โรงแรมเราจึงมีความเป็นวินเทจเพื่อให้เข้ากับความเป็นอัมพวาดั้งเดิมของเขา คือเยอะได้นะแต่ต้องกลมกลืน แม้จะอลังการก็ต้องดูดีกลมกลืน มันคือความสุขที่เราอยากทำ”


