คุณแม่ฟูลไทม์ อรอนงค์ (ปัญญาวงศ์) อาวะกุล
เราจะคุ้นเคยกับบทบาทของ “อรอนงค์ (ปัญญาวงศ์) อาวะกุล” นักแสดงและพิธีกรผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในบทของคุณแม่ใจดี
โดย...กองทรัพย์
เราจะคุ้นเคยกับบทบาทของ “อรอนงค์ (ปัญญาวงศ์) อาวะกุล” นักแสดงและพิธีกรผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในบทของคุณแม่ใจดี แต่สำหรับบทบาทคุณแม่นอกจอแล้ว คุณแม่ลูกสองอย่างอร เป็นคุณแม่แบบไหน? ซึ่งโดยบุคลิกและชีวิตส่วนตัว เธอบอกว่า “ไม่ต่างกัน” อาจจะด้วยเพราะถูกปลูกฝังให้เป็นคนใจเย็นมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้บทบาทที่ได้รับจึงไม่ห่างไกลตัวเองเท่าใดนัก
“อาชีพหลักของอรตอนนี้ คือ จะเป็นคุณแม่เต็มเวลา คือตอนเช้าจะส่งลูกไปโรงเรียน เย็นก็ไปรับ ลูกคนโต อองรี-อาคิรา อาวะกุล อายุ 9 ขวบ ส่วนคนที่สอง น้องอองตอง-ชยน อาวะกุล ตอนนี้ 7 ขวบแล้ว หลักใหญ่ในการดูแลลูกของพี่อรก็คือ การใส่ใจเขาในทุกกระบวนการตั้งแต่ตื่นนอน ดูแลเรื่องอาหาร ไปโรงเรียน ทำหน้าที่ของแม่และภรรยาให้ไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะไม่ใช่ว่าเราต้องดูแลลูกอย่างเดียว เราก็ต้องดูแลสามีเราด้วย เพราะว่านี่ก็คือส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของเราเช่นกัน”
ในวัย 9 ขวบ และ 7 ขวบ เป็นช่วงวัยที่กำลังเรียนรู้ มีคำถามเยอะแยะมากมาย ในฐานะคุณแม่การสะสมข้อมูลความรู้จึงจำเป็นสำหรับตอบคำถามเหล่านั้นจากเขา คุณแม่อดีตนางสาวไทย บอกว่า “อรไม่ได้ใช้ตำราไหนเลี้ยงลูก แต่เราโชคดีที่หน้าที่การงานของเราคือการเป็นพิธีกรรายการ Mom Club ซึ่งได้อยู่ใกล้กับผู้รู้ด้านเด็ก ทำให้เรามีข้อมูลที่อัพเดทตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ได้รับคำแนะนำเรื่องหนังสือเหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้หยิบเล่มใดเล่มหนึ่งมาเป็นพิเศษ เพราะชีวิตคนเราดำเนินไปไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรจะมาเป็นต้นแบบให้เราร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ ซึ่งสื่อในหนังสือก็แล้วแต่เราจะเลือกหยิบมาใช้”
คุณแม่ สื่อเชื่อมสัมพันธ์พ่อลูก
“ครอบครัวของเราฝ่ายคุณพ่อจะทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมากนัก เราก็จะบอกลูกว่าคุณพ่อทำงานหนักนะ ถ้าลูกๆ กลับบ้านแล้วก็โทรหาคุณพ่อ ให้กำลังใจกันและกัน หรือแม้แต่ตอนเช้าที่ลูกๆ ออกจากบ้านมาโรงเรียนแต่คุณพ่อยังไม่ตื่น เราก็จะมีวิธีให้เขาเชื่อมสัมพันธ์กันด้วยเทคโนโลยี อุดช่องว่างความห่างไกล
เราจะรู้สึกว่าการที่ครอบครัวไม่ได้พูดคุยกันจะทำให้เราเหินห่างกัน ขณะเดียวกันเราก็ต้องทำให้เขาลิงก์กับรุ่นคุณปู่คุณย่าได้ด้วย เช่น คุณปู่คุณย่าก็หัดเล่นไลน์เพื่อที่จะสามารถคุยกับหลานๆ ได้ แต่ว่าเราก็ต้องไม่ลืมว่าการแสดงออกต่อลูกว่าเรารักเขาแค่ไหนเป็นสิ่งสำคัญ บอกรักคุณพ่อให้เขาเห็นว่าพ่อแม่รักกันนะถึงได้มีลูกออกมา แล้วลูกก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตพ่อกับแม่ เมื่อเขาเห็นความสำคัญของตัวเอง เขาก็จะมอบความรักให้เราอัตโนมัติ”
นอกจากการใช้เทคโนโลยีเชื่อมสัมพันธ์แล้ว กิจกรรมสันทนาการที่แสนเรียบง่ายก็ยังเป็นเครื่องมือปรุงรักให้ครอบครัวอาวะกุลได้เป็นอย่างดี “วันหยุดเราจะไปปั่นจักรยานที่สวนรถไฟ หรือถ้าสัปดาห์ไหนน้องๆ มีเรียนตีแบดมินตัน คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะไปตีด้วยกัน ได้ทั้งสุขภาพและเป็นการใช้เวลาให้มีคุณภาพ นอกจากนี้ช่วงเวลาที่มีคุณค่ามากๆ สำหรับครอบครัวเราอีกช่วงหนึ่งคือ ช่วงก่อนนอน ในตอนที่ส่งเขาเข้านอนเราจะไปนอนข้างๆ เขา แล้วก็เล่านิทานให้ฟัง หรือผลัดกันเล่า เขาก็จะมีจินตนาการ เกิดการตั้งเป้าบางอย่างในใจ”
ฝึกลูกช่วยเหลือตัวเองมีทักษะชีวิต
เมื่อให้พูดถึงหนุ่มน้อยในดวงใจทั้งสองคน คุณแม่ก็ยิ้มพราว “น้องสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนโตเหมือนจะก๊อบปี้แม่ได้ คือเวลาพูดมีเหตุผล ฟัง มีคิดก่อนจะพูดโต้ตอบ แต่โลกส่วนตัวสูง ละเอียดอ่อน สุขุม ส่วนคนเล็กก็ซน วิ่งกระจุยกระจาย ต่อรองเก่ง แต่เขาเล่นแล้วเก็บของเป็นที่เป็นทาง สังคมสูงเพื่อนเยอะมาก แต่ก็เอาแต่ใจ อาจจะเป็นเพราะเราบอกกับคนพี่ว่าอะไรยอมน้องได้ก็ยอม ทีนี้คนน้องก็อาจจะได้ใจบ้าง แต่ว่าโดยหลักๆ ก็จะบอกน้องอองตองเสมอว่า เพราะพี่เขารักนะ เขาถึงยอมให้ แต่ถ้าคนอื่นเขาก็ไม่ให้นะ ถ้าเขาไม่ยอมเราจะต้องทำอย่างไร ทำอย่างที่อยู่ที่บ้านไม่ได้นะ ก็พยายามอธิบาย”
การเลี้ยงลูกเองโดยไม่มีพี่เลี้ยง และอยู่แบบครอบครัวใหญ่ เพราะฉะนั้นกฎของคุณแม่อร คือ ลูกก็ต้องช่วยเหลือตัวเองในเรื่องที่ตัวเองทำได้ “จะบอกลูกเสมอว่าตอนเราอายุเท่าเขาเราทำอะไรบ้าง เพื่อให้เขามีทักษะในการใช้ชีวิตประจำวันจริงๆ เพราะว่าถ้าเราสังเกตเห็นเด็กในเมืองกรุงจะช่วยเหลือตัวเองในเรื่องส่วนตัวไม่ค่อยได้ อย่างบางทีก็ซักผ้าของตัวเองไม่ได้ เช่น ถุงเท้า หรือชุดชั้นใน ก็มีคนทำให้หมด ถ้าวันหนึ่งเขาต้องห่างพ่อห่างแม่ เช่น ไปเรียนต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เขาอาจจะต้องจ้างคนอื่นตลอด เพราะเขาทำเองไม่เป็น อย่างทุกวันนี้ก็ฝึกให้เขาล้างจานเองหลังกินข้าวเสร็จ
นอกจากนี้ อรไม่ให้ลูกเรียนพิเศษอะไรเลย แต่จะให้เขาบอกความต้องการของเขาว่าเขาสนใจอะไร และอยากเรียนอะไรที่สุด เรามีหน้าที่แค่สนับสนุนเขา แต่อรจะสนับสนุนลูกๆ เรื่องกีฬา เพราะการกีฬามีแพ้มีชนะ เด็กๆ ก็จะรู้จักยอมคนอื่น มีการตั้งเป้า คาดหวังและผิดหวัง กีฬาทำให้เขาเป็นคนมีวินัยด้วย และที่สำคัญส่งเสริมสุขภาพเขาด้วย”
คุณแม่อดีตนางสาวไทยปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขอตัวไปรับสองดวงใจกลับจากโรงเรียน


