posttoday

เชฟเทปันยากิสาวสวย

06 กุมภาพันธ์ 2558

ดถึงอาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปันยากิ หลายคนคงนึกถึงลีลาทะเล้นของเชฟหนุ่มขณะกำลัังโชว์ลีลาปรุงอาหารให้ได้ตื่นเต้นก่อนเสิร์ฟอาหารถึงจาน

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช

พูดถึงอาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปันยากิ หลายคนคงนึกถึงลีลาทะเล้นของเชฟหนุ่มขณะกำลัังโชว์ลีลาปรุงอาหารให้ได้ตื่นเต้นก่อนเสิร์ฟอาหารถึงจาน แต่วันนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสไตล์เทปันยากิเปลี่่ยนไป เพราะเชฟที่รับหน้าที่รังสรรค์ความอร่อยให้มื้อพิเศษตรงนี้ เป็นเชฟหญิงเทปันยากิคนแรกและคนเดียวในเมืองไทย นามว่า มาซามิ อิโนอุเอะ

หลังจากสั่งสมประสบการณ์การทำอาหารมากว่า 15 ปี เมื่อปลายปีที่แล้ว มาซามิ เชฟชื่อดังจากโตเกียวเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นมาสเตอร์เชฟคนล่าสุดประจำห้องอาหารคิซาระ ในโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ เชฟมาซามิ เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เริ่มเข้าสู่วงการอาหารว่า ตอนอายุ 9 ขวบ เธอชื่นชอบรายการทำอาหารรายการหนึ่งมาก ถึงขั้นเก็บเอารายการทีวีนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเป็นเชฟ

“รายการทีวีนั้น (คล้ายๆ กับรายการไอรอนเชฟในปัจจุบัน) เป็นรายการโปรดฉันเลย ความชอบในวัยเด็กของฉันจุดประกายให้ฉันอยากทำอาหาร ตอนแรกฉันก็เริ่มฝึกทำอาหารไปเรื่อยๆ จนเรียนจบมัธยม ฉันก็เข้าเรียนในโรงเรียนสอนทำอาหาร ก่อนจะบินไปฝรั่งเศสเพื่อเรียนทำอาหารอย่างจริงจังตอนอายุ 19 ปี”

เชฟเทปันยากิสาวสวย

 

หลังจากเรียนการทำอาหารฝรั่งเศสจนจบ เชฟมาซามิตัดสินใจบินกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นในสายงานที่รัก เธอเริ่มทำงานในฐานะเชฟอาหารฝรั่งเศสที่ห้องอาหารในเครือ Tokyu Hotel Group ทำได้ 3 ปี ก็ย้ายไปอยู่ที่ห้องอาหารญี่ปุ่นเทปันยากิ ก่อนจะย้ายไปทำงานที่ห้องอาหารเทปันยากิในโรงแรมดิสนีย์แลนด์

“จากอาหารฝรั่งเศสเปลี่ยนแนวมาเป็นเทปันยากิ ถามว่าต่างมั้ย สำหรับคนไทยอาจจะรู้สึกเป็นคนละสไตล์เลย แต่สำหรับในญี่ปุ่นกลับมองว่าไม่ต่าง และถ้ามองในฐานะคนทำอาหารยิ่งไม่แตกต่างเลย เพราะพื้นฐานในการทำอาหารไม่ว่าอาหารชาติไหนก็เหมือนกันหมด แต่ตอนแรกที่ฉันถูกชวนให้มาอยู่ห้องอาหารเทปันยากิก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะฉันค่อนข้างเป็นคนขี้อาย และอย่างที่รู้เชฟเทปันยากิต้องอยู่กับลูกค้าค่อนข้างมาก”

สุดท้าย เชฟมาซามิก็ตัดสินใจลองออกจากกรอบมาสู่อาหารแนวใหม่ เพราะเธอคิดว่า ถ้ามีเชฟ (คนอื่น) เห็นความสามารถในตัวเธอ เธอก็น่าจะลองดู อีกอย่าง ด้วยความที่ยังอายุน้อย การที่เชฟที่เหมือนเป็นหัวหน้ามาเอ่ยปากชวนเราก็ไม่ควรปฏิเสธ เชฟมาซามิบอกว่าตอนที่ไปฝึกเป็นเชฟเทปันยากิ เธอก็หลงรักการทำอาหารสไตล์นี้ และคิดว่าการเป็นเชฟเทปันยากิไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ตอนต้น

เชฟเทปันยากิสาวสวย

 

พอสั่งสมประสบการณ์จากโรงแรมดิสนีย์แลนด์ได้สักระยะ เชฟมาซามิก็ตัดสินใจย้ายไปทำงานที่ โรงแรมเดอะ ริทซ์ คาร์ลตัน โตเกียว อีก 2 ปี ในห้องอาหารเทปันยากิเช่นกัน รวมแล้วเชฟมาซามิสั่งสมประสบการณ์ 15 ปีในญี่ปุ่น ก่อนจะขอไปโลดแล่นในต่างแดน โดยเชฟมาซามิเริ่มจากการไปร่วมงานกับเชนโรงแรมชื่อดังของญี่ปุ่นที่ขยายสาขาไปที่ฮ่องกง ทำงานได้ 3 ปี เชฟมาซามิก็ได้รับการทาบทามให้มาร่วมงานกับโรงแรมคอนราด ประเทศไทย

“หลังจากเป็นเชฟเทปันยากิมานาน พอมองย้อนกลับไป ฉันพอใจกับการตัดสินใจในวันนั้น เพราะการเป็นเชฟเทปันยากิ ทำให้เธอสามารถสร้างสรรค์อาหารได้หลายจานอย่างหลากหลาย”

นอกจากจะมีความสุข สุดๆ กับงานที่ทำ เชฟมาซามิยังได้ชื่อว่าเป็นเชฟเทปันยากิหญิงคนแรกของเมืองไทย สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะอย่างที่รู้ว่าค่านิยมของญี่ปุ่นผู้หญิงยังต้องเป็นแม่บ้าน ประกอบกับอาชีพเชฟเป็นงานหนัก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่ทำ

เชฟเทปันยากิสาวสวย

 

“ถามว่าภูมิใจขนาดไหนที่ได้ชื่อว่าเป็นเชฟเทปันยากิหญิงคนเดียวในเมืองไทย ฉันรู้สึกว่าเหมือนตัวเองเป็นมิสยูนิเวิร์สเลย (หัวเราะ) แต่เอาจริงๆ งานก็คืองาน จะเป็นชายหรือหญิงไม่สำคัญ แค่เราภูมิใจและรักในงานที่ทำ กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ถึงจะมองว่าเส้นทางราบรื่น แต่ฉันก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ฉันพยายามจนสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนสอนทำอาหารระดับท็อป เรียนรู้งานในโรงแรมต่างๆ ไปตามหาความท้าทายใหม่ๆ จากการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ หลักการทำงานของฉันคือ ทำอาหารตามความต้องการของลูกค้าเป็นใหญ่ ไม่ใช่ทำอาหารตามความต้องการของเชฟ”

จนถึงวันนี้ เชฟมาซามิ บอกว่า ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการทำอาหารหรือไม่ เพราะจะมีหรือไม่มีไม่สำคัญ แค่เรารักในสิ่งที่ทำก็พอ เรื่องพรสวรรค์เป็นสิ่งที่ลูกค้าเป็นผู้ตัดสิน ในอนาคต เชฟมาซามิ บอกว่า อยากเรียนภาษาไทยเพิ่ม เพื่อจะได้สื่อสารกับลูกค้าได้มากขึ้น

“ส่วนอนาคต ฉันและสามีอาจจะกลับไปเปิดร้านอาหารของตัวเองที่ญี่ปุ่น เพราะสามีก็เป็นเชฟเหมือนกัน แต่แผนการนี้ยังเป็นอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า”

เชฟเทปันยากิสาวสวย

 

เนื้อฮิดะ เทปันยากิพร้อมซอสเกลือส้มยุซึ

ส่วนผสม

-เนื้อฮิดะ พรีเมี่ยม นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 100 กรัม

-หน่อไม้ฝรั่ง 1 ต้น -บร็อคโคลี่ 5 กรัม

-หัวหอม 5 กรัม -ผักซุกินี 5 กรัม

-เห็ดชิตาเกะ 1 หัว

-เกลือส้มยุซึ 5 กรัม

วิธีทำ นำ เนื้อฮิดะลงย่างบนเตาเทปันยากิ ให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม (สามารถสั่งได้ตามความต้องการของลูกค้า) ขณะเดียวกันนำหน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี่ หัวหอม ผักซุกินี เห็ดชิตาเกะ ย่างรอเตรียมไว้ เมื่อเนื้อฮิดะย่างบนเตาได้ที่ นำซอสเม็ดเกลือส้มยุซึที่เตรียมไว้โรยหน้าบนเนื้อฮิดะ เทปันยากิ เสิร์ฟร้อนๆ คู่กับข้าวญี่ปุ่น

ส่วนผสมซอสเกลือส้มยุซึสูตรพิเศษ

-ผิวส้มแช่แช็ง 100 กรัม

-เกลือทะเล 200 กรัม วิธีทำซอสเกลือส้มยุซึสูตรพิเศษ นำ ผิวส้มเข้าเครื่องอุ่นในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อทำให้เย็นลงช้าๆ ประมาณ 12 ชั่วโมง เพื่อให้ได้กลิ่นส้มและนำมาบดรวมกับเกลือทะเล สำหรับไว้โรยหน้าเนื้อฮิดะ   ปูทาราบะยักษ์และปลาหิมะเทปันยากิ พร้อมครีมซอสปูทาราบะสูตรพิเศษ

ส่วนผสม

-ปูทาราบะยักษ์ 80 กรัม

-ปลาหิมะ 80 กรัม

-ผักโขม 10 กรัม

-มะนาว 1 ลูก

-ซอสครีมปู 20 มล.

ส่วนผสมซอสครีมปู

1. ปูทาราบะหั่นเต๋า 1 กิโลกรัม

2. หัวหอมสับละเอียด 300 กรัม

3. เซเลอรี่ (คื่นช่ายฝรั่ง)สับละเอียด 120 กรัม

4. รากผักชีฝรั่งสับละเอียด 4 ต้น

5. เนยจืด 3 ช้อนโต๊ะ 6. บรั่นดี 80 มิลลิลิตร

7. ไวน์ขาว 80 มิลลิลิตร

8. น้ำสต๊อกไก่ 3 ลิตร

9. ใบกระวาน 2 ใบ

วิธีทำ

1.นำปูทาราบะยักษ์และปลาหิมะย่างบนเตาเทปันยากิ ให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม

2.น้ำ ซอสครีมปู ให้นำปูทาราบะหั่นเต๋า หัวหอม เซเลอรี่ รากผักชีผัดพร้อมเนยจืด จากนั้นใส่บรั่นดีและไวน์ขาว ผัดให้เข้ากัน นำน้ำสต๊อกไก่และใบกระวานต้มจนเดือด 1.5 ชั่วโมงและคนจนเข้ากันทิ้งไว้ให้เดือดอีก 30 นาที เมื่อได้ที่แล้วนำมาราดบนปูทาราบะยักษ์และปลาหิมะบนจานเสิร์ฟร้อน

ข่าวล่าสุด

CardX มอบเงินบริจาคห้าแสนบาทแก่สภากาชาดไทยเพื่อเร่งฟื้นฟูเยียวยาและช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย