3 สหาย ของ ขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ
“ไม่เคยคิดที่จะมีแมวนะ ไม่เคยคิดที่จะมีสัตว์เลี้ยงด้วย มันมาในจังหวะที่พอดี”
“ไม่เคยคิดที่จะมีแมวนะ ไม่เคยคิดที่จะมีสัตว์เลี้ยงด้วย มันมาในจังหวะที่พอดี”
ถ้อยคำที่เจือความอบอุ่นของ พี่ขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ นักออกแบบภาพลักษณ์อาหารให้กับวงการธุรกิจอาหารในเมืองไทย และยังเป็นผู้ปั้นทายาทผู้ประกอบอาหาร และเร็วๆ นี้ กับรายการทำอาหารของโครงการหลวง ที่ครั้งหนึ่งไม่เคยแม้แต่จะคิดเลี้ยงสัตว์ แต่ทุกวันนี้เขามีสหายเป็นเจ้าแมวน่ารัก น่าเอ็นดูถึง 3 ตัวแล้วนะครับ
“ตัวที่ได้มาตัวแรกเลยชื่อ ‘ฟักคำ’ คือฟักทองนั่นเองครับ จริงแล้วผมไม่คิดจะเลี้ยงแมวเลย แต่ลึกๆ ก็ชอบมันนะ ก็ดูทางอินเทอร์เน็ตแล้วไปเจอโครงการแมวจรจัด ก็เลยไปรับมาเลี้ยงเลยอยากช่วยสังคม ลักษณะของเขาดีมากเป็นแมวสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล หัวเขาจะมีดอกจิกสีขาวเหมือนงูจงอาง เป็นแมวที่แสนรู้มาก ลักษณะทะนงตัวดูแล้วมีสกุล และพฤติกรรมที่ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเซอร์ไพรส์มากเลย คือเจอคนอื่นมันจะเฉยมาก แต่พอเห็นผมมันจะกระโดดมานั่งตัก ให้ผมกอด แล้วก็จะใช้สองเท้าหน้านวดผม มันจะนวดแล้วก็ครางแบบเป็นสุข ผมว่านี่แหละคือเสน่ห์ของมัน”
ผูกพันกับสหายตัวแรกได้สักพัก จับพลัดจับผลูเมื่อคราวที่น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ ก็ได้สหายตัวที่สอง นามว่า “ข้าวจี่” มาเป็นเพื่อนแก้เหงาเพิ่มขึ้นอีกตัว
“คือเจ้าของเขารู้ว่าเราชอบเลี้ยงแมว คือบ้านเขาโดนน้ำท่วมแล้วเลี้ยงไม่ได้ เขาก็เลยต้องกระจายแมวออกไป เพื่อนผมก็บอกว่าจะเอาแมวมั้ย เจ้าของเขาโดนน้ำท่วม ผมก็เออเอาก็เอา เขาก็เลยเอามาให้ ใส่กล่องกระดาษมา พอเปิดกล่องออกเซอร์ไพรส์มากครับ เพราะว่าที่เราเห็นคือลูกแมวที่ตัวเล็กมากๆ น่าจะอายุสัก 2 อาทิตย์เอง เป็นแมวขาวจั๊วะ ตาสีฟ้า เป็นพันธุ์ขาวมณี เขาเที่ยวหากันแต่มันมาหาผม ตัวนี้นิสัยคือไม่ค่อยใส่ใจคนเท่าไหร่ มีมาดตามลักษณะแมวไทย คือจะดูผู้ดี เหมือนท่านขุน ท่านพระยา ที่เราต้องดูแลเขาครับ (หัวเราะ)
ข้าวจี่จะมีวิธีบอกรักด้วยการอ้อน แล้วจะใช้วิธีเอาตัวมาถูทุกส่วนของร่างกายเรา โดยเฉพาะขา มันจะถูไปถูมา แต่พอเราจะไปกอดมันจะให้กอดแป๊บเดียวแล้วก็จะวิ่งหนี เขาจะมีมาดของเขาครับ”
ชีวิตกำลังเปี่ยมไปด้วยความสุขและเต็มไปด้วยสีสันจาก 2 สหาย จู่ๆ ก็ไม่คาดฝันว่าจะมีสหายตัวที่ 3 เข้ามาร่วมแจมในครอบครัว
“พอได้ 2 ตัวเราก็คิดในใจว่าพอแล้ว ไม่เลี้ยงแล้ว ไอ้ตัวที่ 3 ก็โผล่มาโดยไม่ได้ตั้งใจ มีอยู่วันหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่แล้วเห็นลูกแมวตัวเล็กมาก มันคลานออกมาจากรางน้ำฝนหลังบ้าน ซึ่งเราได้ยินเสียงร้องมา 3 วันแล้วก็ไม่ได้เอะใจคิดว่ามาจากข้างบ้าน เราก็เอาอาหารให้มันกินมันกินเยอะมาก
จะเป็นแมวที่บ๊องๆ ประสาทๆ เป็นแมวไม่เต็มบาท (หัวเราะ) เจอคนก็จะกระโดดตกใจ ลักษณะเหมือนเป็นแมวที่ไม่มีใครเอามัน เหมือนแมวถูกทิ้ง กินอยู่ตะกละมากเป็นแมวขี้งก มันชอบกินปลาหมึกแห้ง ตัวนี้ชื่อ ข้าวฮางมีสีขาว-ดำ ส่วนข้าวจี่ชอบกินปลาทูสด ฟักคำจะกินปลาทูสดอย่างเดียว ส่วนไอ้ข้าวฮางมันกินทุกอย่างที่ขวางหน้า มันเลยอ้วน เวลานั่งมันจะเหมือนกับการ์ฟิลด์ ท้องอืดๆ ย่นๆ (หัวเราะ)”
แม้จะมาจากต่างถิ่น ต่างวาระ ต่างบุคลิก แต่ทั้ง 3 สหายก็ดูรักใคร่กันดีเหมือนเป็นพี่น้อง อาจจะมีหยอกเหย้ากันบ้างตามประสา แต่ 3 สหายก็มีคุณค่ามากพอที่ทำให้พี่ขาบของเรามีความสุข
“เมื่อก่อนอยู่บ้านคนเดียวไม่มีสัตว์เลี้ยง ชีวิตไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดเท่าไหร่ แต่พอมีไอ้ 3 ตัวนี้เข้ามาก็ทำให้เราเป็นคนที่ละเอียดขึ้น ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมีความสุขมากยิ่งขึ้น ได้มีการกอด พ่อแม่ผมอยู่ต่างจังหวัดก็เลยไม่ได้กอด เจ้า 3 ตัวทำให้เรารู้จักการกอด ผมกอดพวกเขาทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง เหมือนเรามีเพื่อนคุย เพื่อนเล่น”
สุดท้ายพี่ขาบยังฝากถึงคนที่จะเลี้ยงน้องเหมียวไว้ได้อย่างน่าฟังว่า “ต้องมีเวลาให้เขา เขาอาจจะน่ารักในช่วงแรกๆ ต้องมองไปให้ไกลๆ ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะแก่ไม่น่ารัก เพราะว่าทุกวันโครงการแมวจรจัดจำนวนเยอะขึ้นเพราะคนเลี้ยงทีแรกเลี้ยงเพราะว่ามันน่ารัก มันสวย แต่พอไม่ใช่ก็จะเอาไปโยนทิ้ง และเวลาเลี้ยงควรจะทำหมัน เขาจะได้ไม่เผยแพร่ นี่ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งครับ”


