เทรนเนอร์กายจนถึงใจ กวิออน จาคอบ
การเป็นเทรนเนอร์ที่ดี ไม่ใช่เพียงเป็นแค่เทรนเนอร์กับลูกค้า แต่คนเป็นเทรนเนอร์ต้องมีน้ำใจ
“การเป็นเทรนเนอร์ที่ดี ไม่ใช่เพียงเป็นแค่เทรนเนอร์กับลูกค้า แต่คนเป็นเทรนเนอร์ต้องมีน้ำใจและเอาใจใส่เพื่อค้นหาว่าลูกค้าต้องการอะไร และช่วยหาหนทางให้เขาไปถึงจุดนั้นให้ได้” กวิออน
จาคอบ เทรนเนอร์ประจำฟิตเนส เดอะแล็ป เผยถึงหัวใจของการเป็นเทรนเนอร์ที่ดี
‘กวิออน’ ผู้หลงรักมวยไทย
กวิออนเป็นชาวอังกฤษที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว หลังจากประสบความสำเร็จในการเป็นแชมป์นักกีฬาเทควันโดเยาวชนระดับประเทศ เมื่อปี ค.ศ. 1988-1993 จากนั้นเขาตั้งใจว่าจะต้องมาเรียนมวยไทยเพื่อหาสิ่งที่เป็นสุดยอดในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ประเทศไทยให้ได้
“ผมชอบมวยไทยและเมืองไทย มีความฝันอยากจะมาเรียนมวยไทยตั้งแต่ตอนที่ผมอายุได้ประมาณ 9 ขวบ เวลานั้นมีเพื่อนคุณแม่ที่มาอยู่ที่ภูเก็ตเล่าให้ฟังว่านักมวยที่เมืองไทยเก่งและแข็งแกร่งมาก ไม่มีนักมวยต่างชาติคนไหนล้มนักมวยไทยได้ วันแรกที่ผมมาเมืองไทยก็ไปเรียนมวยไทยที่ภูเก็ต ความเป็นอยู่เรียกว่าลำบากมาก แต่ผมก็ยอมเพื่อให้ได้เรียนมวยไทยแท้ๆ กับคนไทย นักมวยไทยเขาฝึกกันหนักและเหนื่อยมาก แต่ผมก็ได้อะไรหลายๆ อย่างจากการฝึกมวยไทยที่นี่
จนวันหนึ่งที่น่าเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตผม คือเห็นโฆษณางาน มาร์เชี่ยลอาร์ต ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ผมไม่รู้ว่างานนี้สำคัญอย่างไร แต่ผมก็ไปร่วมงานและสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผมมากที่สุดก็เกิดขึ้น เพราะงานนี้เฉินหลงเดินทางมาจากฮ่องกงเพื่อคัดนักแสดงสตันต์แมนในภาพยนตร์ของเขาด้วยตัวเอง และผมก็ได้รับเลือกเข้าไปเป็นหนึ่งในทีมสตันต์ของเขา หลังจากนั้นมาทำให้ผมได้รับงานสตันต์ งานเดินแบบ และภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง จากวันนั้นถึงวันนี้พูดได้เลยว่าผมใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยมากกว่าอยู่ที่อังกฤษเสียอีก”
ก้าวแรกสู่การเป็นเทรนเนอร์
หลังจากที่กวิออนเดินสายสู่เส้นทางการเป็นสตันต์แมนและนายแบบ ไม่นานนักเขาก็ถูกชักชวนให้มาร่วมงานเป็นเทรนเนอร์ที่ฟิตเนส เดอะแล็ป ซึ่งเขาบอกว่าก็เป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งที่อายุมากขึ้น การผันตัวเป็นผู้สอนและแนะนำการออกกำลังกายให้ผู้อื่นก็ถือเป็นสิ่งที่ดี
“ก่อนที่ผมจะมาเมืองไทยผมเคยส่งใบสมัครงานไปตามฟิตเนสต่างๆ เพื่อเป็นเทรนเนอร์ เพราะผมมีความรู้เรื่องการออกกำลังกายและการพัฒนาจิตใจเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่หลังจากเดินทางมาฝึกมวยไทยและทำงานก็ไม่ได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
จนมาช่วงปีที่แล้วผมได้รับบาดเจ็บที่หลัง ขยับร่างกายทำอะไรก็เจ็บไปหมด ช่วงนั้นก็เริ่มกลับมามีเวลาให้กับตัวเอง ก็เลยเริ่มเอาวิธีฝึกกำหนดจิตที่เคยฝึกตอนอยู่อังกฤษมาลองฝึกจิตใจรักษาร่างกาย ไปจนถึงกำหนดเป้าหมายของชีวิตต่อไป สิ่งนี้เรียกว่าการไลฟ์โค้ชชิ่ง เป็นการกำหนดจิตให้เราได้เห็นและมุ่งมั่นไปให้ถึงเป้าหมายของชีวิต แต่ไม่ใช่การสั่งว่าต้องทำอะไร แต่เราจะใส่คำถามและวิธีคิดในการมองชีวิตอีกด้านเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต
ในตอนเช้าทุกวันผมจะต้องมีคำถามเพื่อตัวเองว่า วันนี้เราจะทำชีวิตตัวเองให้ดีได้อย่างไร และต้องทำอย่างไรถึงจะทำได้อย่างนั้นเพื่อเป้าหมายชีวิตต่อไป ความสำเร็จของชีวิตสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าเราจะนำมันออกมาใช้ได้อย่างไร ทุกวันนี้ผมก็เอาสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการเทรนลูกค้า โดยเริ่มตั้งแต่การกระตุ้นจิตใจให้มุ่งมั่นการออกกำลังกายและการพัฒนาตัวเองให้ถึงเป้าหมาย”
การเป็นเทรนเนอร์ที่ดี
กวิออน บอกเคล็ดลับการเป็นเทรนเนอร์ที่ดี ว่า การเป็นเทรนเนอร์ที่ดีต้องมีความรู้เรื่องด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา รู้จักกล้ามเนื้อและเอ็นว่าขยับและจะพัฒนาได้ด้วยท่าอะไร รวมทั้งเทคนิคการออกกำลังกายและการใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้อง ก่อนทำงานต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะกับคนที่ออกกำลังกายใหม่ๆ ต้องพูดคุยและสอบถามลูกค้าเพื่อดูความต้องการ และช่วยประยุกต์การออกกำลังกายให้มีความหลากหลาย มีท่าใหม่ๆ มาสอนตลอด รวมทั้งจัดตารางโภชนาการที่เหมาะสมให้
“คนส่วนใหญ่ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและต้องการให้ตัวเองมีรูปร่างที่ดูดีแข็งแรง บางคนออกกำลังกายโดยเน้นเรื่องการออกกำลังมากกว่าเรื่องอาหาร บางคนเน้นเรื่องการคุมอาหารมากกว่าการออกกำลังกาย แต่วิธีที่ดีที่สุดซึ่งเป็นที่ยอมรับกันก็คือการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร
แต่ในจุดที่ดีที่สุดของการลดน้ำหนักหรือออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ผมมองว่า การควบคุมอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องแป้งและน้ำตาล รับประทานได้แต่ในปริมาณที่น้อยลง เลี่ยงอาหารที่มีไขมัน เน้นข้าวกล้องและขนมปังโฮลวีต รับประทานผักให้มากๆ ผักสามารถรับประทานได้ไม่จำกัด และที่สำคัญเป็นอาหารที่มีราคาถูกและดีต่อสุขภาพให้มากที่สุด ดังนั้นการเทรนของผมจะจัดตารางอาหารที่ควรรับประทานในแต่ละมื้อของวันให้ลูกค้าด้วย”
ท้ายสุด กวิออน บอกว่า คนที่ออกกำลังกายใหม่ๆ ควรมีเทรนเนอร์ช่วยฝึกสอน เพื่อให้รู้จักการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ส่วนคนเป็นเทรนเนอร์เองก็รู้ดีว่าลูกค้าจะไม่ได้ใช้บริการไปตลอด ดังนั้นจึงต้องสอนเทคนิคทุกอย่างที่เหมาะสมกับลูกค้าให้มากที่สุดจนกว่าเขาจะออกกำลังกายไปถึงเป้าหมายได้ด้วยตัวเอง ถึงจะเรียกได้ว่าบรรลุงานการเป็นเทรนเนอร์ที่ดีที่สุดสำหรับเขา


