posttoday

YOUTH for Next Step กลุ่มเยาวชนทำดี ไม่ต้องรอผู้ใหญ่

24 มกราคม 2558

มีเด็กกลุ่มหนึ่งภายใต้ชื่อ “เครือข่ายเยาวชนพัฒนาศักยภาพ” (YOUTH for Next Step)

มีเด็กกลุ่มหนึ่งภายใต้ชื่อ “เครือข่ายเยาวชนพัฒนาศักยภาพ” (YOUTH for Next Step) ไม่ได้เมินเฉยต่อสังคมที่เขาใช้ชีวิตอยู่ ได้ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมให้เยาวชน โดยหวังจะเป็นรากฐานที่ดีต่อการเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

ตลอด 9 ปี สิ่งที่พวกเขาทำก็เริ่มปรากฏสู่สายตาจนได้รับการชื่นชมและการสนับสนุนต่างๆ ตั้งแต่ระดับอาเซียนในรางวัล TAYO ASEAN Award : Ten Accomplished Youth Organizations ASEAN Award 2013 รางวัลกลุ่มเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ปี 2556 สาขาพัฒนาเยาวชน บำเพ็ญประโยชน์และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชน และล่าสุดกับรางวัล มีชัย วีระไวทยะ ที่ปีนี้เลือกให้กลุ่ม Youth เป็น 1 ใน 2 กลุ่มที่ได้รับรางวัลเชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม สาขาการพัฒนาสังคมชนบทจากมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

จุดเริ่มต้นกลุ่ม YOUTH เกิดจาก “ศศิธร ศักดิ์เทวินทร์”หรือ “แหม่ม” ผู้ริเริ่มก่อตั้ง ที่มีแรงบันดาลใจช่วงเรียนปริญญาตรีและปริญญาโท ที่คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วรู้สึกว่าวิธีการแก้ปัญหาสังคมไทยส่วนใหญ่แก้ที่ปลายเหตุ เพราะยัังเห็นเด็กโดนขังทุบตี ทอดทิ้ง หลายกรณีที่ผู้ที่เคยเป็นผู้ถูกกระทำ ท้ายสุดแล้วก็กลับมาเป็นผู้ที่กระทำเสียเอง หรือหลายคนรู้และชอบพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่ชอบที่จะแก้ปัญหา

เธอมองว่าการแก้ปัญหาให้ถูกควรสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับ “เด็กและเยาวชน” ซึ่งกลุ่มที่เลือกมาควรมีอิทธิพลต่อกลุ่มวัยเดียวกัน เพราะเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการปรับตัวหรือบอกต่อสิ่งดีๆ จึงเริ่มจากการรวมตัวของอดีตคณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมด 11 คน ที่จะมาจากการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาตนเอง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 12 แห่ง มาเข้า “ค่ายผู้นำเยาวชนต้นแบบ” (YOUTH Camp for Next Step) ที่ต้องเป็นเด็กที่ดี ไม่ใช่เก่ง แต่ต้องรู้จักคิด ไม่เห็นแก่ตัว นั่นคือต้องมีความดีเป็นองค์ประกอบด้วย จนกลายเป็นสโลแกนของเครือข่ายต่อมาว่า “คนเก่ง คนดี และต้องมีจิตอาสา”

YOUTH for Next Step กลุ่มเยาวชนทำดี ไม่ต้องรอผู้ใหญ่

 

“แหม่ม” เล่าว่า แรกๆ ไปชักชวนเพื่อนๆ ที่เป็นอดีตประธานนักเรียนโรงเรียนสมัยมัธยมปลาย จนนำไปสู่การรู้จัก“ธวัชชัย พลามิตร” หรือ “ต้อม” ซึ่งตอนนั้นเรียนที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเป็นคนที่ทำกิจกรรมหลายอย่างตั้งแต่ระดับมัธยมถึงมหาวิทยาลัย

ช่วง 3-4 ปีแรกต้องถือว่าเป็นการลองผิดลองถูกหลายอย่าง ปรับเปลี่ยนกิจกรรมต่างๆ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้น้องๆ เยาวชนมัธยมสามารถเป็นทั้งคนเก่ง ดี และมีจิตอาสา จนในที่สุดกลายเป็นรูปแบบเฉพาะในการทำกิจกรรมต่างๆ จนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ YOUTH Camp for Next Step พัฒนาผู้นำนักเรียน เก่ง ดี มีจิตอาสา ที่อย่างน้อยน้องๆ ที่เข้าโครงการต้องอยู่ร่วมกัน 5 วัน ด้วยการถือศีล 5 มีกิจกรรมต่างๆ ที่พี่ๆ จะนำประสบการณ์ตั้งแต่เรื่องเรียน การเริ่มต้นวัยทำงานมาแนะนำน้องๆ เพื่อแนะแนวทางหรือมุมมองจากพี่ๆ ที่มีประสบการณ์ การนิมนต์พระนักเทศน์มาแนะนำปฏิบัติ การอยู่ในศีลหรือการมีสัมมาทิฏฐิ “ค่ายปฏิบัติผู้นำเยาวชนต้นแบบ” (YOUTH Spirit Camp) ที่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้เยาวชนด้วยการนั่งสมาธิ ทำบุญทำทาน และรักษาศีล 8 เพื่อพัฒนาผู้นำเยาวชนให้มีคุณธรรม มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ควบคู่กับการเรียนและการทำงาน

นอกจากนั้น “Youth ชุมชน” (YOUTH One day Sharing) เป็นกิจกรรมประจำปีสำหรับเด็กมัธยมปลายที่คิดว่าจะบำเพ็ญประโยชน์ให้ท้องถิ่นของตัวเองเพื่อให้รักและนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นของตัวเองอย่างยั่งยืน “ค่ายเยาวชนปฏิวัติจิตอาสาพัฒนาชนบท” (YOUTH Volunteer Revolution) จะไปช่วยฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร หรือต้องการรับความช่วยเหลือ ซึ่งแต่ละปีจะไม่ซ้ำกัน หรือ “มหกรรมทำดี” (YOUTH Day) ซึ่งเป็นอีเวนต์ประจำปีในวันเยาวชนแห่งชาติ 20 ก.ย. ที่ีจะเปิดพื้นที่ให้เยาวชนออกมาทำความดีร่วมกันในพื้นที่ใจกลางเมือง ภายใต้แนวคิดการทำความดี ทำได้ โดยไม่ต้องอายใคร โดยปีที่ผ่านมาใช้ภายใต้คอนเซ็ปต์ “หยุดเพื่อการเริ่มต้น” นอกจากนั้นแต่ละปีพี่ๆ ในเครือข่ายก็ต้องเข้าร่วมในการปฏิบัติตัวรักษาศีล กล่อมเกลาจิตใจและปลุกฟื้นการเป็นพี่ที่ดี

ปัจจุบันน้องๆ ที่เคยร่วมกิจกรรมหลายคนก็กลับมาช่วย กลับมาร่วมทำกิจกรรมกับพี่ๆ หรือช่วยดูแลน้องๆ ในรุ่นต่อมา ที่สำคัญมีการขยายหรือต่อยอดกิจกรรมไปยังเยาวชนในระดับภูมิภาคมากขึ้นเรียกได้ว่าในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก หรือมากกว่า 20 จังหวัด โดยแต่ละแห่งก็สามารถรวมตัวกันทำกิจกรรมเป็นของตัวเองเพื่ออิงกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของตัวเองไปด้วย โดยเฉพาะโครงการ YOUTHชุมชน หรือมีโรงเรียนทีี่เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า100 แห่ง

เครือข่ายยังมีการขยายผลก้าวไปสูู่ระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ กับการจัดตั้งเป็นชมรมรองรับการพัฒนาตนเองในมหาวิทยาลัยต่างๆ จำนวน8 สถาบัน ใน 9 จังหวัด ซึ่งทั้งหมดก็เกิดจากการรวมตัวกันของน้องที่เคยร่วมทำกิจกรรมหรือเข้าค่ายกับ YOUTH มา

YOUTH for Next Step กลุ่มเยาวชนทำดี ไม่ต้องรอผู้ใหญ่

 

หลายกิจกรรมที่ทำขึ้นมาไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด เพราะสิ่งที่ทำเป็นเรื่องของนามธรรมที่ยากต่อการวัดค่าได้ ซึ่งทั้ง “แหม่ม”และ “ต้อม” เห็นตรงกันว่า พวกเขาหวังแค่เพียงน้องๆจะได้นำสิ่งที่ได้รับนำไปปฏิบัติ ไปขยายต่อภายในโรงเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้น้องๆ ได้ตระหนักหรือคิดได้เวลาจะตัดสินใจทำอะไร ทั้งในเรื่องส่วนตัวเรื่องเรียน หรือเรื่องสังคม และเป็นพื้นฐานการเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตที่ดี ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาในการหล่อหลอมและเรียนรู้

ทั้งสองคนบอกว่า จริงๆ ไม่ได้นึกว่าเครือข่ายจะสามารถต่อยอดและขยายผลได้มาถึงวันนี้ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องสานต่อ เพราะอย่างน้อยก็เป็นจุดเล็กๆ หรือส่วนหนึ่งทีี่หวังว่าจะทำให้เยาวชนที่เข้ามามีภูมิต้านทานระดับหนึ่งและจะไม่เป็นผู้ใหญ่ที่ก่อปัญหาในอนาคต

จากวันแรกที่เครือข่ายต้องหารุูปแบบกิจกรรม การใช้เครือข่ายจากเด็กๆ ที่เป็นกรรมการนักเรียนโรงเรียนกันเอง การเขียนจดหมายไปแนะนำตัวเพื่อขอให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรม การเดินเข้าไปหาผู้ใหญ่ใจดี
ให้การสนับสนุนเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันออกแรงมาก พอวันนี้กลุ่มได้รับการตอบรับจากหลายๆ ฝ่ายเป็นอย่างดี ก็ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจ ประทับใจของน้องๆ และของทีมงานทุกคน ทว่าสิ่งหนึ่งที่พวกเขา
จะไม่ขอแปรเปลี่ยนนั่นคือ แม้บางครั้งผู้ใหญ่ใจดีต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงนโยบาย กิจกรรม ฯลฯที่ทำให้ YOUTH มีรูปแบบเปลี่ยนไป ก็เคยปฏิเสธการรับการสนับสนุนไปแล้ว

ถึงวันนีี้ YOUTH อยู่ระหว่างการออกแบบในการต่อยอดกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การทำธุรกิจหรือกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มทำกันมาบ้าง เช่น การที่หลายโรงเรียนให้ทางกลุ่มไปเป็นวิทยากร การให้กลุ่มออกแบบกิจกรรมเพื่อบอกเล่าหรือพัฒนาศักยภาพของเยาวชน แต่คาดว่าใช้เวลาศึกษารูปแบบประมาณ 2 ปี

ทั้งคู่ทิ้งท้ายว่า จริงๆ เราแก้ปัญหาสังคมไม่ได้เพราะตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ยังเห็นปัญหาสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัยมาหลายครั้ง เนื่องจากการแก้ไขปัญหามันปลายเหตุและเกาไม่ถูกที่คัน เพียงแต่วันนี้โลกข้อมูลมันเปลี่ยนไป ทำให้เราเห็นปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย ได้เยอะขึ้น ทั้งๆที่มันคือปัญหาเดิม ซึ่งการที่น้องๆ มาร่วมโครงการก็หวังว่าจะช่วยทำให้เขามีภูมิต้านทาน เมื่อเรียนจบทำงานไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เห็นคุณค่าในตัวเองและมีจิตอาสาช่วยเหลือสังคมและเพื่อนมนุษย์ แค่นี้ก็พอ

ข่าวล่าสุด

ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลกอีกครั้ง หลังเหตุฟุกุชิมะ 15 ปี