รู้ทัน! อาการ‘ปวดใบหน้า’
หลายคนคงเคยเกิดอาการปวดหัว ปวดท้องปวดฟัน ปวดแขน-ขา แต่บางคนกำลังเริ่มมีอาการ “ปวดใบหน้า”
หลายคนคงเคยเกิดอาการปวดหัว ปวดท้องปวดฟัน ปวดแขน-ขา แต่บางคนกำลังเริ่มมีอาการ “ปวดใบหน้า” เข้ามาบั่นทอนสุขภาพปวดใบหน้ามีอาการคล้ายโดนเข็มทิ่มแทงหรือโดนไฟชอร์ต แม้จะไม่ใช่โรคภัยที่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ผู้ป่วยหลายรายไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดนี้ ทำให้เกิดการรักษาแบบผิดๆ ยังคงเกิดอาการปวด ทว่าทางการแพทย์ชี้ว่าอาการปวดใบหน้าเกิดจากเส้นประสาทรับความรู้สึกของใบหน้าคู่ที่ 5 โดนกดทับโดยเส้นเลือดในสมองและสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด“นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ” แพทย์ผู้
เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม สาขาประสาทวิทยาโรงพยาบาลวิภาวดี เปิดเผยว่า อาการปวดใบหน้าโรคนี้ไม่มีชื่อเฉพาะเป็นภาษาไทย แต่ทางการแพทย์มักนิยมเรียกกันว่า กลุ่มอาการปวดใบหน้ามีลักษณะเด่นที่เหมือนกันคือมีอาการปวดที่ใบหน้า (มักเป็นเฉพาะซีกใดซีกหนึ่งของใบหน้าเท่านั้น) โดยอาการปวดอาจเป็นทั้งซีกหรือเฉพาะบางพื้นที่ เช่น ปวดบริเวณเหนือคิ้ว ปวดบริเวณใต้มุมปากลงมา หรือปวดบริเวณแก้มหรือหน้าหู ในบางรายจะปวดด้านในของปาก กระพุ้งแก้ม หรือเหงือกหรือในบางรายอาการปวดอาจแตกต่างออกไปเช่น ปวดหน้าใบหู ปวดเวลาเคี้ยว เป็นต้น ซึ่งลักษณะการปวดมักเป็นเหมือนไฟฟา้ ชอร์ต ปวดรุนแรง ปวดเสียว ปวดร้าวเหมือนไฟดูด ปวดจนน้ำตาไหล อาการปวดเหล่านี้สามารถถูกกระตุ้นหรือถูกทำให้รุนแรงได้ด้วยการสัมผัสบริเวณใบหน้า บางรายแม้แต่ลมพัดโดนหน้าก็จะปวดเสียวอย่างรุนแรง
“ความรู้ทางการแพทย์ทำให้เราทราบว่าโรคนี้เกิดจากการที่เส้นประสาทที่รับความรู้สึกของใบหน้าคู่ที่ 5 (Trigeminal Nerve) โดนกดทับโดยเส้นเลือดในสมอง เมื่อเส้นเลือดสมองไปพาดอยู่บนเส้นประสาทดังกล่าว เส้นเลือดที่มีการเตน้ตามจังหวะชีพจรจะไปกระแทกเขา้ที่เส้นประสาท ทำให้เกิดการกระตุ้นที่เส้นประสาทอยู่ตลอดเวลา ผลก็คือผู้ป่วยเกิดการไวต่อการตอบสนองของความรู้สึกที่ผิวหนังบริเวณใบหน้ามากเกินไป จนตามด้วยอาการเจ็บปวด ในบางรายพบว่ามีเนื้องอกไปกดทับเส้นประสาทคู่ที่ 5 ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดใบหน้าทุกรายจำเป็นต้องได้รับการตรวจเอกซเรย์สมองอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนเริ่มการรักษา ซึ่งหากเป็นไปได้ควรตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์แม่เหล็ก (MRI) ในศูนย์การแพทย์หลายแห่งทั่วโลก ได้เปลี่ยนแนวคิดการรักษาโรคนี้จากการกินยา เป็นการผ่าตัดหากผู้ป่วยรายใดมีอาการปวดดังกล่าวสามารถพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบประสาทเพื่อทำการวินิจฉัยและทำการรักษาให้หายขาดได้”


