posttoday

เป็นมากกว่าแค่ ‘หญ้าแฝก’!

25 ธันวาคม 2557

“หญ้าแฝก” ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พืชมหัศจรรย์ที่ทรงนำมาเผยแพร่กว่าทศวรรษ

โดย...วรากรณ์

“หญ้าแฝก” ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พืชมหัศจรรย์ที่ทรงนำมาเผยแพร่กว่าทศวรรษ เพื่อคุณประโยชน์ด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ ช่วยป้องกันการพังทลายของดิน ฟื้นฟูสภาพดิน สร้างความชุ่มชื้นให้แก่พื้นดิน

ล่าสุด เมื่อผ่านกระบวนการคิดและสร้างสรรค์ของนักศึกษารุ่นใหม่ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และมูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมมือกันพัฒนางานออกแบบผลิตภัณฑ์จากหญ้าแฝก เพื่อยกระดับเศรษฐกิจสังคมและคุณภาพชีวิตของชุมชน สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันแบบสวยเก๋ เพื่อจัดจำหน่ายในร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนตามแนวพระราชดำริ

ในเบื้องต้นโครงการดังกล่าวนำร่องออกแบบพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์จากหญ้าแฝก บนพื้นที่โครงการพระราชดำริ ต.โคกปรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เมื่อต้นแบบสร้างสรรค์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะออกแบบสิ่งทอ คณะสถาปัตยกรรม สจล. แล้วเสร็จ มีการเผยแพร่ผลงานในนิทรรรศการ “Vetiver Make-Over” แฝกเป็นได้มากกว่าหญ้า ณ ศูนย์การค้าพาซิโอ รามคำแหง โดยรับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในงาน

เป็นมากกว่าแค่ ‘หญ้าแฝก’!

พัฒนา ‘หญ้าแฝก’ ตามแนวพระราชดำริ

จากใบหญ้าแฝกธรรมดาๆ กลายเป็นผลงานออกแบบที่น่าทึ่ง ดร.สุเมธ กล่าวว่า เดิมที “หญ้าแฝก” ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เริ่มต้นเมื่อ 20 ปีก่อน เริ่มจาก ดร.สุเมธ ได้รับหนังสือเรื่องหญ้าแฝกจากผู้บริหารเวิลด์แบงก์ท่านหนึ่ง และ ดร.สุเมธ ได้นำหนังสือขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ผ่านไป 2 เดือนกว่าๆ ก่อนที่พระองค์จะแปรพระราชฐานไปวังไกลกังวล คณะทำงานมูลนิธิชัยพัฒนาได้ส่งเสด็จอยู่ที่พระราชวังจิตรลดา ในคราวนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งกับ ดร.สุเมธ ว่า หญ้าแฝกเป็นหญ้าที่มหัศจรรย์จริงๆ ต่อไปนี้ให้เริ่ม ทดสอบ ทดลองทำเลย เริ่มที่ห้วยทราย ฉะเชิงเทราก่อน จากนั้นหญ้าแฝกก็เริ่มขับเคลื่อนในมูลนิธิชัยพัฒนา แต่เดิมบอกว่า อย่าไปยุ่งเรื่องใบ แต่ให้ดูประโยชน์ที่อยู่ใต้ดิน เพราะจุดประสงค์คือป้องกันดินพังทลายจากการตัดไม้ทำลายป่า

“ระยะแรกพระองค์ไม่อยากให้พะวงเรื่องใบ แต่พอหญ้าแฝกเป็นที่รู้จักแล้ว หลายองค์กรหันมาช่วยวิจัยพัฒนาเรื่องใบหญ้าแฝก นำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานต่างๆ มากมาย และเป็นโอกาสอันดีที่เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังมาช่วยพัฒนาเรื่องดีไซน์ พัฒนา
รูปแบบให้ผลิตภัณฑ์ดูน่าสนใจ และแพร่หลายไปต่างประเทศมากขึ้น เช่น ญี่ปุ่นสนใจผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกของไทยมากๆ ซึ่งทุกอย่างจะย้อนกลับคืนสู่ชาวบ้านจะได้ต่อยอดไปได้เรื่อยๆ

ผมรู้สึกแปลกใจที่เห็นผลงานนักศึกษาวันนี้ จากหญ้าแฝกที่อยู่กับพื้นดิน เป็นปุ๋ยบ้าง พอเป็นผลิตภัณฑ์สวยงาม กลายเป็นมูลค่าผลิตภัณฑ์ไม่ใช่บาทสองบาท ของที่ดูไร้ค่าเมื่อเอาสติปัญญาใส่เข้าไป กลับกลายเป็นของตอบแทนเป็นรายได้ให้ชาวบ้านได้ด้วย มีแต่เกิดประโยชน์”

เป็นมากกว่าแค่ ‘หญ้าแฝก’!

 

ด้านอาจารย์จารุพัชร อาชวะสมิต อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า เนื่องจากมูลนิธิชัยพัฒนาได้ดำเนินโครงการตามพระราชดำริเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำลดการชะล้างพังทลายของดิน โดยมีการพัฒนาต่อเนื่องในการนำหญ้าแฝกมาพัฒนาให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยร่วมมือกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. ในสาขาการออกแบบสิ่งทอ ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกแปรรูป เพื่อจัดจำหน่ายในร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนตามแนวพระราชดำริ โดยเบื้องต้นโครงการดังกล่าวนำร่องออกแบบพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์จากหญ้าแฝก บนพื้นที่โครงการพระราชดำริ ต.โคกปรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์

“เบื้องต้นเราให้นักศึกษาไปเรียนรู้กับชาวบ้านที่ ต.โคกปรง จ.เพชรบูรณ์ ที่เลือกไปที่นี่เพราะกลุ่มแม่บ้านมีความเข้มแข็งมีฝีมือที่ดี และเราจะเปลี่ยนกลุ่มไปเรื่อยๆ แต่เราเริ่มที่โคกปรง 3 วัน ไปเรียนรู้วิธีการทอ การมัดเกลียว ควั่นเกลียวหญ้าแฝก เด็กกลับมาหัดทำที่คณะแล้วทำต้นแบบครั้งที่ 1 เสร็จแล้วกลับไปหาชาวบ้าน นำสิ่งใหม่ที่ตนออกแบบไปแลกเปลี่ยนความรู้กับแม่ๆ ที่โคกปรง เพื่อเปลี่ยนเป็นครูนักเรียนกัน เด็กๆ นำแบบไปให้แม่ๆ พิจารณาว่าอันนี้ทำได้ ทำไม่ได้ อันนี้ยากเกินไป อันนี้ทำแบบนี้ดีกว่า เด็กๆ ก็จะนำความรู้ที่ได้แลกเปลี่ยนจากแม่ๆ มาพัฒนาเป็นสินค้าต้นแบบครั้งที่ 2  แล้วมีการตรวจงานจากชัยพัฒนาและคณาจารย์ช่วยกันตรวจ ซึ่งตลอดเวลาเรามีการพัฒนาหญ้าแฝกอยู่ตลอด”

เป็นมากกว่าแค่ ‘หญ้าแฝก’!

 

อาจารย์จารุพัชรกล่าวถึงการร่วมสร้างสรรค์โครงการ คือ เนื่องจากอยากสนับสนุนแนวพระราชดำริที่พระองค์ทำการสนับสนุนเรื่องการปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาหน้าดิน แต่ใบหญ้าแฝกต้องตัดอยู่เสมอเพื่อให้รากหยั่งลึกลงดิน ใบหญ้าแฝกเราไม่อยากทิ้ง คิดว่าน่าจะนำใบหญ้าแฝกมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ดีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกเป็นกระบุงตะกร้ามาเป็น 10 ปี แต่เมื่อให้น้องๆ นักศึกษาแสดงผลงานการออกแบบ ก็ถือเป็นการให้เขาแสดงศักยภาพของเด็กรุ่นใหม่ได้อย่างเต็มที่่

“สิ่งที่สำคัญก็คือการพัฒนาองค์ความรู้ของกลุ่มแม่บ้านที่แม่ๆ ได้เรียนรู้จากกลุ่มนักศึกษา และนักศึกษาเรียนรู้จากแม่ๆ ซึ่งบางสิ่งชาวบ้านไม่เคยรู้มาก่อน แต่มีนักศึกษามาบอกว่า สิ่งนี้ทำได้จริงๆ ในทางกลับกันนักศึกษาก็จะได้เรียนรู้ว่าการทำงานกับแม่ๆ ต้องใช้ศักยภาพด้านใดของตัวเองบ้าง ไม่เหมือนการทำงานกับเครื่องจักร ซึ่งมีทั้งข้อจำกัด การสื่อสารและการเดินทางต้องทำอย่างไรเพื่อให้งานสำเร็จให้ได้ ไม่เหมือนการดิวกับโรงงาน ต้องใช้ศิลปะ ดิฉันคิดว่าศักยภาพงานออกแบบของเด็กๆ ไปสู่สากลได้ แต่ศักยภาพในการผลิตก็ต้องเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาเป็นระบบอุตสาหกรรมที่ต้องมีเรื่องการผลิตเป็นจำนวนมากๆ และผลิตได้ในเวลาที่กำหนดให้ได้”

งานออกแบบ ‘สุดคูล’ ของนักศึกษา

เมื่อได้รับโจทย์ให้ออกแบบและพัฒนาหญ้าแฝก ณ ต.โคกปรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เด็กนักศึกษาคิดกลั่นกรอง มองดูฝีมือและภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อสร้างสรรค์งานออกแบบของคนรุ่นใหม่เพื่อให้ชาวบ้านได้ช่วยสร้างสรรค์ให้ลงตัวมากขึ้น เช่น การพัฒนาด้านการออกแบบเส้นด้าย ออกแบบลายทอและการมัดลายเม็ดมะยม สู่งานออกแบบผลงานทั้งสิ้น 19 ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เพื่อเป็นแนวทางให้ชาวบ้านได้เห็นถึงชิ้นงานในรูปแบบและวิธีคิดใหม่ๆ เพื่อนำมาจำหน่ายในร้านภัทรพัฒน์ตามสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ ที่ใส่ผลไม้ “Fruit table tray” ผลงานออกแบบสุดคลาสสิก ยกระดับผลไม้ได้อย่างคาดไม่ถึง หรือกระเป๋าสะพายจากแฝก “Green Leaf Collection” กระถางต้นไม้ “up to you tree pot” กระถางต้นไม้ “design by you” ดอกไม้ประดิษฐ์ติดหมวก “Vetiver flower” ผ้าปูโต๊ะ และผ้าคาดประดับโต๊ะ “Ha(t)tha” ตอบโจทย์แม่บ้านไฮโซ แผ่นรองจากแฝก “X-Stich” เป็นต้น

เป็นมากกว่าแค่ ‘หญ้าแฝก’!

 

กระเป๋า “Stripe Bag” ของ จูเนียร์-ศาศวัต แสงชัยอรุณ ปี 6 วิชาการออกแบบสิ่งทอ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผลงานที่เขาออกแบบเป็นหนึ่งในวิชาสาขาสิ่งทอ ทำงานภายใต้แนวคิด “การทอ พัฒนาหญ้าแฝก” ศาศวัต กล่าวว่า ครั้งแรกที่อาจารย์จารุพัชรบอกว่าให้เด็กๆ พัฒนางานหญ้าแฝก ครั้งแรกก็รู้สึกแปลกใจ เพราะไม่คุ้นเคย จากนั้นใช้เวลาพัฒนางาน 3 เดือน ซึ่งแรงบันดาลใจในการออกแบบกระเป๋าก็เพราะเป็นสินค้าใกล้ตัวเหมาะกับเด็กคนรุ่นใหม่ และสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ส่วนการพัฒนาลวดลายมาจากการปลูกหญ้าแฝกที่มักปลูกเป็นแถวเป็นแนว จากเดิมที่คิดออกแบบลวดลายการทอที่ซับซ้อนกว่านี้ แต่ชาวบ้านไม่สามารถทอได้ ต้องลดทอนลวดลายลง เป็นทแยงมุมก็ได้ลวดลายที่เก๋ไปอีกแบบ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถผลิตเองได้ในอนาคต

“พอมาลองทำงานกับหญ้าแฝก รู้สึกเป็นวัสดุใช้ทำอะไรได้เยอะมากแค่ไหน ครั้งแรกรู้เพียงเป็นหญ้าที่ใช้ปลูกป้องกันแนวดิน แต่พอลงพื้นที่ที่เพชรบูรณ์ ทำให้รู้ว่าหญ้าแฝกทำผลิตภัณฑ์ได้เยอะอยู่ เพราะเป็นวัสดุที่แข็งแรง น่าจะนำมาขึ้นรูปฟอร์มได้ไม่ยาก พอลงพื้นที่ไปเรียนรู้ว่าเทคนิคแม่ๆ สามารถทำลวดลายและใช้เทคนิคอะไรได้บ้าง จากนั้นกลับมาคิดโปรดักต์ แล้วเมื่อพัฒนาแล้ว แม่ๆ จะพัฒนาและทำเองได้ไหม”

ศาศวัตจึงออกแบบลวดลายเรียบง่าย เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มแม่บ้านที่ถนัดทอกก แต่เขาคิดนำหญ้าแฝกมาทอแทนกก โดยใช้เทคนิคเอาใบแฝกควั่นเป็นเกลียวแล้วค่อยนำมาทอเป็นผืน

“อยากออกแบบกระเป๋า เพราะคิดว่าเหมาะกับภัทรพัฒน์ทำเป็นโปรดักต์ที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน แต่เราทำเพื่อเจาะจงขยายกลุ่มไปวัยรุ่นนิดหนึ่ง เสน่ห์ของหญ้าแฝก เป็นหญ้าที่ปลูกง่าย ทน ตัดแล้วงอกใหม่ได้เรื่อยๆ ย้อมสีติดง่าย เป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับมนุษย์” นอกจากหญ้าแฝกแล้ว ศาศวัตยังนำหนังเทียมมาใส่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากกว่าใช้ผ้าทอมือ

ส่วนปัญหาในการพัฒนาหญ้าแฝก คือ ชาวบ้านต่างจังหวัดยังไม่มีแนวคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์มากนัก และไม่มีการพัฒนาต่อ แต่หากมีการออกแบบลวดลายใหม่ๆ ให้แม่บ้านได้พัฒนาและเรียนรู้ต่อไป ก็เป็นการต่อยอดที่ดี

เป็นมากกว่าแค่ ‘หญ้าแฝก’!

 

เมอ-ประเดิมชัย ดาวแก้ว นักศึกษาวิชาการออกแบบสิ่งทอ 6 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. เจ้าของผลงาน Karom ชุดรับประทานอาหารจากกี่ทอเสื่อ มีกลิ่นอาย “ไทย คอมเท็มโพรารี” เลียนแบบการย้อมสีมัดหมี่และย้อมคราม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากใบแฝกควั่นเกลียวทอด้วยกี่ทอเสื่อตั้งพื้น ประเดิมชัยกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบ คือ ลวดลายของผ้าทอพื้นบ้าน ผสมผสานการย้อมสีธรรมชาติจากครามและการมัดย้อมของผ้าไหม โดยเฉพาะการย้อมครามเป็นการย้อมได้หลากเฉดสีเมื่อใช้เทคนิคการห่อหุ้มมัดเส้นด้ายด้วยถุงพลาสติก หรือการติดสกอตเทปเกิดลวดลายที่สวยงามจากการควบคุมระยะเวลาในการย้อมเพื่อควบคุมสีให้ออกมามีสีเขียวอมฟ้า จนถึงสีม่วงเข้ม เกิดน้ำหนักสีที่แตกต่างกัน

“หญ้าแฝกเดิมทีผมไม่คิดว่าจะสามารถทำเป็นงานออกแบบเก๋ๆ ได้ ผมต้องศึกษาเพิ่ม เริ่มต้นศึกษาคุณสมบัติของแฝกคือย้อมสีติดที่สวยมาก แต่ผลิตภัณฑ์แฝกไม่มีใครพัฒนาด้านการย้อมสีเคมีเลย ผมเลยอยากพัฒนาด้านการย้อมสีจากด้านๆ เป็นสีเขียว สีม่วง โดยใช้ภูมิปัญญาการมัดย้อมของมัดหมี่ มัดแฝกทีละเส้น ทำเป็นผ้าแถบ เหมือนปูผ้าแพรบนโต๊ะอาหาร ผมมองว่าเสน่ห์ของมัดหมี่ มัดอยู่เป็นหมู่เป็นเส้น เวลาย้อมจะไล่ระดับให้สวยงามด้วย อีกทั้งภูมิปัญญาไทยคือการ ย้อมคราม มีการไล่ระดับแถบสีจากดำเข้มไปถึงสีม่วงได้ ดังนั้นความยากของการทำงานที่สุดคือ การมัดย้อมที่ละเอียด เป็นการย้อมทีละเส้น มัดแล้วย้อม”

ผลงาน Cozy Brown Pillow ของ ปลา-นิษฐกานต์ กิตติพิชญาพัฒน์ เจ้าของผลงานหมอนอิง เทคนิคที่ใช้คือการทอ เป็นหมอนอิงขนาดเล็กไว้ใช้บนเก้าอี้ยาวหรือโซฟา ที่เก๋ของลวดลายของหมอนที่ปลาได้รับแรงบันดาลใจมาจากลายของตาไม้ ที่ดูเป็นธรรมชาติมีความโค้งงอ มีสีสันเข้มอ่อนของลายไม้ที่สวยงามตามธรรมชาติ

“ปลาเห็นลวดลายของไม้ เห็นเป็นตาไม้ และสีธรรมชาติของหญ้าแฝกคือสีน้ำตาล เวลาทอปลาก็เลยนำหญ้าแฝกมาผสมกับไหมพรมสีน้ำตาลไล่สีกัน คล้ายๆ ของลายตาไม้จริงๆ ที่เลือกไหมพรมเพราะมีความนุ่ม เมื่อนำมาทอกับอะไรที่แข็งก็จะทำให้หญ้าแฝกมีความนุ่ม ที่อยากทำหมอนอิงเพราะตอนไปหาชาวบ้านเห็นแต่ชาวบ้านทอเป็นเสื่อ ทำไมเราไม่เห็นว่าทำเป็นหมอนอิงบ้าง ปัญหาของการทำงานชิ้นนี้คือ การทอเสื่อปกติสอดฟืมแล้วกระแทกครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นเป็นลาย แต่การทอให้เป็นลายไม้ก็ต้องใช้เทคนิคที่พิเศษ สอดไปสอดกลับให้เป็นลวดลายที่สวยงามคล้ายตาไม้”

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ