posttoday

สุมณี คุณะเกษม...ได้ตื่นขึ้นมาหายใจ ได้รับพรอันประเสริฐ

20 ธันวาคม 2557

ภาพที่เราเห็น “สุมณี คุณะเกษม” ผ่านตามงานสังคมหรือตามสื่อต่างๆ เราจะพบว่า

ภาพที่เราเห็น “สุมณี คุณะเกษม” ผ่านตามงานสังคมหรือตามสื่อต่างๆ เราจะพบว่า ผู้หญิงคนนี้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทั้งเครื่องแต่งกาย หน้า และผม สมฉายาที่เธอได้รับว่า “ตุ๊กตาบาร์บี้ของเมืองไทย”

วันนี้ผู้ซึ่งเป็นอดีตภริยาทูตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับการใช้ชีวิตมาอย่างมากมาย เมตตาและให้โอกาสเราได้พูดคุยกับเธออย่างใกล้ชิด เพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอในวันนี้ อันจะเป็นดั่งแรงบันดาลใจให้หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ได้ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดีที่สุด

“ก่อนอื่นคงต้องขอบคุณคนที่ตั้งฉายาให้ดิฉันว่า ตุ๊กตาบาร์บี้ของเมืองไทย คนที่พูดอย่างนี้คงเอ็นดูดิฉันอยู่พอสมควร ก็รู้สึกดี รู้สึกว่าอบอุ่นที่มีคนเอ็นดู แม้จะไม่รู้ว่าไปตั้งฉายานี้ได้อย่างไร (หัวเราะ)”

สำหรับชีวิตในช่วงนี้ สุมณีเผยว่า เธอยังมีความสุขกับงาน ยังออกไปเต้นรำ ไปร้องเพลง หรือไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ตามปกติ

“ดิฉันเต้นรำมายี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ เต้นรำได้ทุกจังหวะ ดิฉันถือว่าการเต้นรำเป็นการออกกำลังกายชนิดเดียวที่ทำได้ มันทำให้เราได้ระมัดระวังการกินด้วยค่ะ เพราะถ้ากินมากไป คงเต้นรำไม่ไหว ก็ให้กินพอประมาณ เวลาเต้นรำบนฟลอร์ พุงจะได้ไม่ยื่น จะได้เต้นรำได้อย่างสวยงามกระฉับกระเฉง ตอนนี้ดิฉันพยายามออกไปเต้นรำให้ได้ทุกวัน ซึ่งคนที่สามารถออกไปเต้นรำได้ทุกวัน ต้องมี 3 ต. คือ 1 มีตังค์ 2 ผัวตาย 3 ลูกโต ซึ่ง ณ ตอนนี้ ดิฉันมีครบหมดทั้ง 3 ต. เลยออกไปเต้นรำได้ทุกวันแบบสบายๆ (หัวเราะ)”

ในวัยขึ้นเลข 7 ของสุมณี ที่ ณ ตอนนี้ยังสวยสะพรั่ง ผู้พบเห็นเธอผ่านสื่อต่างๆ คงต้องยกนิ้วให้กับชีวิตอันมีสีสันของเธอ เธอเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า การสร้างสรรค์สีสันบนเรือนกายเปรียบได้ดั่งการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ

“ดิฉันคิดว่าชีวิตของเราคือศิลปะ การใช้ชีวิตก็ต้องมีศิลปะ มันจะทำให้เรามีความสุข เกิดมาแล้วก็ต้องเอ็นจอยกับทุกอย่างของชีวิต แม้พระเจ้าจะไม่ได้ทำให้เราเกิดมาสวยงามมากพอ แต่เราสามารถเสริมเติมแต่งให้เกิดความสวยงามขึ้นมาได้ อย่าลืมว่าตอนเราเกิดมา เราก็เกิดมาตัวล่อนจ้อนไม่มีอะไรเลย โตมาเราก็ต้องหาอะไรมาใส่ ไปเรียนหนังสือเพิ่มพูนปัญญา เพื่อเราจะได้มีชีวิตที่เจริญงอกงามขึ้น”

หลักการในการเนรมิตเรือนกาย สุมณีเผยว่า ไม่ว่าพระเจ้าจะให้เรือนกายเรามาอย่างไร เราต้องดูแลเรือนกายนี้ให้ดีที่สุด

“เวลาที่ดิฉันอ้วนขึ้น ดิฉันก็จะหันมาลดความอ้วนด้วยสูตรจากโรงพยาบาลที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นสูตรที่เมื่อนำไปใช้แล้วไม่เสียสุขภาพ พอความอ้วนหายไปสักกิโลสองกิโล ดิฉันก็จะหันมากินอะไรตามใจปาก พออ้วนขึ้นมาอีก ก็กลับไปใช้สูตรนั้นอีก เป็นวงจรดูแลเรือนกายที่ดิฉันทำอย่างนี้มาโดยตลอด ไม่ได้หนักหนา แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย”

สุมณีเผยว่า ยิ่งอายุมากก็อยากอยู่ดูโลกนี้ให้นานที่สุด อยากเห็นวิวัฒนาการใหม่ๆ และความเจริญรุ่งเรืองของโลกให้มากที่สุด

“ดิฉันเลยพยายามหาอะไรดีๆ มามอบให้แก่ชีวิต เพื่อไม่ทำให้เรากลายเป็นคนแก่ที่หลงๆ ลืมๆ อีกทั้งไม่ทำให้สังขารเราร่วงโรยมากเกินไปนัก คนมองดูจะได้ไม่พานสมเพชเวทนา สิ่งดีๆ ของดิฉันคือ การพยายามทำตัวให้สดชื่น พยายามอยู่กับธรรมชาติ ใช้สิ่งที่เป็นธรรมชาติ เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาอิฉันเจอสารเคมีมาเยอะมาก เลยหันมาเข้าหาอะไรที่เป็นธรรมชาติ โดยฟังคำแนะนำจากผู้รู้ จากอาจารย์ หรือจากคุณหมอ แล้วนำไปปฏิบัติหรือใช้งานอย่างมีวินัย”

กับอาหารที่กินเข้าไป สุมณีเผยว่า เวลาที่เธอได้ไปพบกับคุณหมอโภชนาการ ท่านก็แนะนำน้ำปลาสูตรพิเศษที่ไม่มีความเค็มเยอะ และน้ำตาลแบบพิเศษที่ไม่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน “ทุกวันนี้ก็พกพาสิ่งเหล่านี้ไปด้วย เวลาไปกินอาหารนอกบ้าน รวมทั้งพวกของทอด เลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง เพราะดิฉันมีความเชื่อที่ว่า อะไรที่กินเข้าปากเราไป เราต้องระมัดระวัง”

ในส่วนของการดูแลสุขภาพร่างกาย สุมณีพยายามวัดความดันทั้งเช้าและเย็น รวมทั้งจดบันทึกเก็บไว้ เธอเชื่อว่า การคอยวัดความดันอยู่เสมอมันดีกับตัวเรา

“ถ้าเราคิดบวก อารมณ์ผ่อนคลาย ความดันก็จะปกติ แต่หากอารมณ์ของเราพุ่งปรี๊ดขึ้นเมื่อใด เช่น เวลาสั่งงานลูกน้อง แล้วเขาทำไม่ได้ดังใจ ความดันเราก็จะสูงขึ้น อย่าลืมว่าร่างกายเรา ความดันมันขึ้นลงได้เร็วมาก อย่าเอาสารพิษเข้าร่างกายเลย อารมณ์พุ่งปรี๊ดนี่ตัวบั่นทอนสมอง ร่างกาย และจิตใจอย่างฉกาจฉกรรจ์ เพราะฉะนั้นอย่าใช้อารมณ์ให้มาก”

นอกจากนี้ ทุกๆ สองเดือน สุมณีมักไปให้คุณหมอช่วยดูเรื่องหัวใจ เจาะเลือดตรวจ รวมทั้งพยายามเปลี่ยนวิตามินตามที่ร่างกาย ณ ขณะนั้นขาดแคลนไป

“เราต้องเปลี่ยนวิตามินไปเรื่อยๆ ไม่กินซ้ำๆ ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังหมั่นไปตรวจภายใน ไปหาหมอสิว ไปหาหมอฟันอีกด้วยค่ะ”

สุมณี คุณะเกษม...ได้ตื่นขึ้นมาหายใจ ได้รับพรอันประเสริฐ

 

แต่ไม่ว่าเธอจะดูแลร่างกายของเธออย่างดีเพียงใด การดูแลเรื่องของจิตใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน “เวลาที่ดิฉันออกงานสังคมหรือออกสื่อ ย่อมมีทั้งคนชื่นชมและมีคนที่ติฉินนินทา ดิฉันผ่านโลกมาเยอะ เลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำติฉินนินทาเหล่านั้น ถือซะว่าทุกอย่างที่เราทำ เราทำดีที่สุดแล้ว เราไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน เราต้องรักตัวเองไปฟังคำคนมากไปก็ไม่ดี แต่อย่างไร คนฉลาดเฉลียว ควรรับฟังได้หมด เพราะการได้ฟังคำพูดดี เราก็ได้สิ่งที่ดีคืนกลับมา พอเราได้ฟังคำพูดร้าย หากเราลองคิดตาม ลองกรองหรือตรึกตรอง เราก็ได้สิ่งที่ดีคืนกลับมาเช่นกัน มันอาจมอบบางสิ่งที่เราสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตได้ ดิฉันเชื่อว่าทุกคำพูดมีประโยชน์กับเราหมด อยู่ที่เราจะพินิจพิจารณาได้มากน้อยแค่ไหน เราเรียนรู้จากเขา เขาก็จะได้เรียนรู้จากเรา ทุกคนไม่มีใครดำจัด หรือขาวจัด ทุกคนเป็นเหรียญสองด้าน ที่มีความดีครึ่งหนึ่ง ความร้ายกาจครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์”

สุมณีเชื่อว่าการใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน คือการเรียนรู้ธรรมะไปในตัว “เราเมตตาผู้คนที่ได้พบเจอ เรามีความรักให้กับทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งสิงสาราสัตว์ มองทุกอย่างด้วยเมตตาจิต ใครทำให้เราโกรธ เราก็เมตตาจิต นึกเมตตาเขา นี่อาจจะเป็นธรรมะอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน”

สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นพรอันประเสริฐของสุมณี นั่นคือ การที่เธอได้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วพบว่าตัวเองยังคงหายใจอยู่ “เราได้กำไรชีวิตเพิ่มมากขึ้นอีกวันแล้วนะ เรายังมีลมหายใจเพื่อได้อยู่ต่อไปอีกหนึ่งวัน ได้ยินเสียงนกร้อง ได้มองเห็นคนใกล้ชิด ได้เห็นคนที่เรารัก แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าต่อจากนี้ เราจะได้อยู่ถึงทั้งวันหรือเปล่า ก็ยังถือว่าเราโชคดีที่ได้ตื่นมาใช้ชีวิตขึ้นมาอีกวัน เวลาที่เราพบเจอปัญหา เครียด จมปลัก หรือคิดลบ อยากให้คิดว่าเราโชคดีแค่ไหน ที่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นพระอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้อง เห็นอะไรสวยงามรอบตัว น่าเสียดาย ถ้าเราไม่ได้รู้จักเอ็นจอยกับสิ่งเหล่านี้”

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สุมณีเผยว่า เธอไม่อยากได้ใคร่มีอะไรอีกแล้ว ของทุกอย่างที่มีอยู่ในบ้าน เมื่อก่อนอยากได้มาก ต้องซื้อให้ได้ แต่เดี๋ยวนี้พยายามไม่ซื้ออะไรเลย นอกจากสิ่งที่จำเป็น

“อย่างของแต่งบ้านหรือเพชรพลอยนี่ไม่เอาแล้ว เราได้มาเต็มที่แล้ว ถ้าอยากได้อีก เวลาเราตายไปแล้ว เดี๋ยวจะไปเป็นภาระให้กับคนรุ่นหลังที่ต้องมาดูแลของของเราอีก”

สำหรับหลักในการดำเนินชีวิตของเธอ สุมณีเผยว่า เธอถือหลักของการแบ่งเวลาให้เป็น “เวลาทำงานหมกมุ่นกับงานก็เป็นสิ่งที่ดี เพื่อที่เราจะได้ก้าวหน้าก้าวไกล ได้เงินมาใช้จ่ายเยอะๆ แต่เราก็ต้องแบ่งเวลาให้กับความสุขส่วนตัว เช่น ทำให้ตัวเองสวยงาม ไปหาอะไรอร่อยๆ กิน ไปเต้นรำ ดูหนัง ดูละคร ไปร้องเพลง อย่าลืมว่าชีวิตคือความสมดุล หมกมุ่นกับงาน แต่แก่เร็ว สุขภาพไม่แข็งแรง เราจะมีอายุยืนยาวนานเพื่อมาใช้เงินหรือเปล่าก็ไม่รู้ หาได้ก็ควรต้องใช้ ต้องเอ็นจอยกับการใช้เงินเพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเองบ้าง นี่คือสิ่งสำคัญ”

ท้ายที่สุด เราให้สุมณีได้พูดถึงชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อสุมณี เธอนึกทบทวนสักชั่วครู่ แล้วเผยด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่โชคดีมากคนหนึ่ง เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น เป็นลูกคนเดียว เป็นหลานคนเดียว มีสามีที่ดี มีลูกชายที่น่ารัก ได้เดินทางสู่โลกกว้าง ได้ทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์อย่างสมบูรณ์ที่สุด หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว

“ถ้าให้บอกคำสามคำแก่ผู้หญิงที่ชื่อสุมณี ดิฉันจะบอกเธอว่า...รักตัวเองให้เยอะๆ...เกินสามคำมั้ย (หัวเราะ) ที่บอกอย่างนี้ เพื่อที่เธอจะได้มีอายุยืนยาว จะได้มองเห็นความเจริญของโลก เผื่อจะได้อยู่ช่วยเหลือสังคมและคนรอบข้างได้มากขึ้น”

ข่าวล่าสุด

เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2025 ไทยเจ๋งคว้า 11 แชมป์โลกสะพัด 680 ล.