posttoday

ปฏิสัมพันธ์ทางศาสนา สู่ความสัมพันธ์ของไทย-อินเดีย!!

14 ธันวาคม 2557

ปุจฉา : ในพื้นฐานความคิดของฮินดูและพุทธ... ปฏิสัมพันธ์ทางศาสนาระหว่างอินเดียและไทยเป็นอย่างไร!?

ปุจฉา : ในพื้นฐานความคิดของฮินดูและพุทธ... ปฏิสัมพันธ์ทางศาสนาระหว่างอินเดียและไทยเป็นอย่างไร!?

วิสัชนา : เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคง... พื้นฐานความคิดของฮินดูและพุทธต้องกล่าวว่า ต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากวัดด้วยทัศนะและความเชื่อที่เป็นหัวใจสำคัญในศาสนาที่อยู่ตรงข้ามกัน ด้วยความเป็นเทวนิยม กับมนุษยนิยม (อเทวนิยม)... พุทธศาสนาเป็นศาสนาทางวิชาการ สามารถค้นคว้าพิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติ... วัดผลได้ทุกระดับของการศึกษา ที่มุ่งเน้นให้คุณค่าความสำคัญของความเป็นมนุษย์ว่า สามารถเข้าถึงความประเสริฐได้ด้วยการกระทำ (พัฒนาตนเอง) โดยการเชื่อมั่นในศักยภาพทางสติปัญญาของมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใด หากรู้จักพัฒนาตามกระบวนการ ธรรมวิธี ที่ตรัสรู้ชอบโดยพระผู้มีพระภาคเจ้า... พระพุทธศาสนาจึงไม่ใช้ Religion แต่เป็น Science ที่นักวิชาการทั่วโลกยอมรับว่าเป็น Buddhistic Science… พระพุทธศาสนาจึงมีอายุยาวนานมากกว่า ๒,๖๐๐ ปี ด้วยทนทานต่อการพิสูจน์ เพราะเป็นการสั่งสอนตามหลักความจริงที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ที่สามารถเปิดเผยได้หมดในทุกเรื่อง และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงด้วยตนเอง

ในขณะที่ศาสนาฮินดู เป็นศาสนาที่ปฏิรูปมาจากศาสนาพราหมณ์ เกิดขึ้นหลังพุทธกาล ๑,๒๐๐ ปี ซึ่งสั่งสอนไปตามลัทธิคำสั่งสอนของท่านสังกราจารย์ โดยปฏิรูปคำสอนศาสนาพราหมณ์เสียใหม่ มีการปรับปรุงขนบธรรมเนียมประเพณี และนำเอาหลักธรรมข้อดีๆ จากศาสนาต่างๆ เช่น พุทธศาสนา อิสลาม ไชนะ โยคะ ตลอดจนลัทธิต่างๆ ทั่วทั้งชมพูทวีป มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นรูปศาสนาฮินดูขึ้น

ท่านสังกราจารย์ที่ชาวอินเดียยกย่องว่าเป็น สังฆรัตนะ ผู้ก่อตั้งศาสนาฮินดูนั้น ได้เดินทางไปทั่วอินเดีย (ชมพูทวีป) เพื่อทำการสนทนาและศึกษาศาสนาลัทธิต่างๆ และนำมาประมวลลงเป็นคำสั่งสอนแบบฉบับฮินดู ออกเผยแผ่สั่งสอนมหาชน โดยมีใจความตอนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ซึ่งชาวพุทธรับไม่ได้เลย ได้แก่ “พระพุทธเจ้า คือ พระนารายณ์อวตารมาปางหนึ่ง ที่เรียกว่า ปางพุทธอวตาร...” ...แต่เมื่อผสมผสานกับความอ่อนแอของพระพุทธศาสนาที่ได้แปลงรูปเป็นพุทธมหายาน หลังพุทธศตวรรษที่ ๖ มา จึงทำให้เข้ากันได้ด้วยคำสั่งสอนที่เป็นสัทธรรมปฏิรูป ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยอัศวโฆษ ด้วยความกลัวภัยจากการตามเข่นฆ่าของพราหมณ์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๕-๖ จึงได้มีการลดระดับ

พระธรรมคำสั่งสอนไม่มีเรื่องอริยสัจ...อนัตตา ตามปัญญาตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีการแต่งตำราเรื่องเวียนว่ายตายเกิด คล้ายๆ พราหมณ์ เพื่อให้พราหมณ์ยอมรับ ไม่ต่อต้าน จนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างผสมผสานกันระหว่างพราหมณ์กับพุทธ บนพื้นฐานชีวิตที่มาจากประเพณีวัฒนธรรมอันเดียวกันได้...

ต่อมาเข้าสู่ยุคนาคารชุน ได้มีความพยายามฟื้นฟูกฎอนัตตาในพระพุทธศาสนา มุ่งเพื่อจะได้เน้นการสอนปฏิบัติเป็นไปเพื่อพระนิพพาน ด้วยการปฏิบัติทางสมาธิชั้นสูง หรือการทำฌาน เพื่อพัฒนาจิตไปตามลำดับองค์ฌาน เพื่อจะได้เข้าถึงความรู้แจ้งในความจริงตามหลักอนัตตา ซึ่งต่อมาถูกพราหมณ์รุกรานจนต้องหนีไปทางตอนเหนือของชมพูทวีป สู่ทิเบต จีน กลายเป็นพุทธศาสนามหายานนิกายธยาน (เซี้ยงจง) และที่สุดเมื่อผ่านพุทธศตวรรษที่ ๑๐ ไปแล้ว จึงเข้าสู่ยุคอสังคะ ที่เปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระของพุทธศาสนามติดั้งเดิม โดยรับอิทธิพลคำสอนจากศาสนาพราหมณ์เข้ามาสู่พุทธศาสนามหายานอย่างเต็มรูป จนกลายเป็น “พราหมณ์ในพุทธ” ซึ่งเกิดขึ้นมาในยุคดังกล่าว จวบจนล่มสลาย พุทธศาสนามหายาน นิกายวิญญาณวาทของอสังคะ และนิกายอื่นๆ สิ้นไปจากชมพูทวีป

บนเส้นทางที่ผกผันเปลี่ยนแปลงไปมาของพุทธศาสนา นับตั้งแต่รุ่งเรืองที่สุดในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระชนม์ จนเข้าสู่ภายหลังพุทธปรินิพพาน... พระพุทธศาสนามติดั้งเดิม ก็ค่อยถูกแทรกแซง ผสมผสานไปกับคำสั่งสอน ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรมต่างๆ ที่ถูกนำเข้ามาจากนอกพระศาสนา และเมื่อบวกกับความอ่อนแอที่เพิ่มมากขึ้นจากภายในองค์กรพุทธศาสนา ไม่ว่าด้วยการกระทำใดๆ จึงนำไปสู่ความสูญสิ้นไปของพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม ดังปรากฏหลักฐานสุดท้ายที่ ถ้ำอชันตา เมืองออรังกาบาด รัฐมหาราษฎร์/อินเดีย ว่า ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๕ เศษ พุทธศาสนาเถรวาทก็หมดสิ้นไป และได้มีปรากฏพุทธศาสนามหายานเข้ามาแทนที่ แผ่กว้างไปทั่ว ตลอดจนถึงประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ จึงถูกศาสนาฮินดูครอบจนสิ้นรูปพระพุทธศาสนาไป แม้จะอ้างว่าเป็นพุทธศาสนา แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยคัมภีร์คำสั่งสอนของพราหมณ์ ดังหลักฐานบนฝาผนังถ้ำที่ปรากฏ ณ ถ้ำแอลลอร่า ที่ศาสนาฮินดูเข้าสวมพุทธศาสนามหายานจนสิ้นรูปไป อันสอดคล้องกับเส้นทางประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา ที่ผันแปร เปลี่ยนแปลง และสูญสลายสิ้นไป... ในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เศษๆ ด้วยน้ำมือของกองทัพมุสลิม...

ดังนั้น ในฐานความคิดของชาวฮินดูและพุทธนั้น จึงเปลี่ยนแปลงไปมา ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของศาสนาทั้งสองในแต่ละห้วงเวลาดังที่กล่าวมา แต่ไม่ว่าศาสนาทั้งสองจะเดินทางไปบนเส้นทางเดียวกันหรือต่างกัน แต่ด้วยฐานจิตวิญญาณของชาวอินเดียและไทย ที่มีพื้นฐานเดียวกันในการเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด... จึงนำไปสู่ความเชื่อเรื่องบุญบาปเหมือนกัน ด้วยอิทธิพลทางความคิดที่ส่งต่อผ่านกันมาในแต่ละกาลสมัย ผ่านทางศาสนาที่แทรกซึมคำสั่งสอนไว้ในบริบทพื้นฐานอันเดียวกัน ทั้งที่ตั้งใจและมิได้ตั้งใจ...

เจริญพร

ข่าวล่าสุด

อีลอน มัสก์ สร้างสถิติเป็นคนแรกของโลกที่รวยเกิน 700,000 ล้านดอลลาร์