posttoday

การกลับมาของโอปอล

10 ธันวาคม 2557

โอปอล (Opal) อีกหนึ่งอัญมณีที่เคยหลับใหลอยู่ใต้พื้นพิภพได้กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในวงการเครื่องประดับ โอปอลมีองค์ประกอบทางเคมี คือ SiO2 .nH2O ซึ่งมีความแตกต่างจากอัญมณีชนิดอื่นตรงที่ไม่มีการตกผลึก (Amorphous) แต่จะเกิดการแข็งตัวของซิลิก้าในรูปของไฮเดรต (Hydrated Silica Sphere) ที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ และมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ในโครงสร้าง

โอปอล (Opal) อีกหนึ่งอัญมณีที่เคยหลับใหลอยู่ใต้พื้นพิภพได้กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในวงการเครื่องประดับ โอปอลมีองค์ประกอบทางเคมี คือ SiO2 .nH2O ซึ่งมีความแตกต่างจากอัญมณีชนิดอื่นตรงที่ไม่มีการตกผลึก (Amorphous) แต่จะเกิดการแข็งตัวของซิลิก้าในรูปของไฮเดรต (Hydrated Silica Sphere) ที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ และมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ในโครงสร้าง

ลักษณะของโอปอลที่พบโดยทั่วไปจะมีรอยแตกที่คล้ายกับก้นหอย ความวาวคล้ายแก้วหรือยางสน มีทั้งโปร่งแสงไปจนถึงทึบแสง และมีปรากฏการณ์ทางแสง (Phenomena) ที่เรียกว่า Play of color
การแบ่งชนิดของโอปอลได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ Black Opal และ White Opal โดยสามารถมองเห็นได้จากสีพื้นเป็นหลัก

การเจียระไนสวนมากจะเจียรแบบหลังเบี้ย พลอยประกบ ลูกปัด เจียรเหลี่ยม และแกะสลัก

แหล่งสำคัญที่สามารถพบได้ คือ ออสเตรเลีย บราซิล เม็กซิโก เอธิโอเปีย ซูดาน มาดากัสการ์

การสวมใส่โอปอลควรระมัดระวังการกระแทกอย่างรุนแรง เพราะโอปอลมีความเปราะและแตกง่าย และควรหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว

โอปอลนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นอัญมณีแห่งความรัก ความหวัง และความปรารถนา สืบเนื่องมาจากตำนานที่เล่าขานกันมาว่า ได้มีเทพสามองค์ อันได้แก่ เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพแห่งไฟ และเทพแห่งสวรรค์ ได้ตกหลุมรักหญิงงามนางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เทพทั้งสามองค์ทะเลาะกัน เรื่องจึงไปถึงซีอุส ซีอุสทำให้นางนั้นกลายเป็นหมอก เทพทั้งสามองค์เกรงว่าตนนั้นจะจำนางอันเป็นที่รักไม่ได้จึงมอบสีเพื่อเป็นสัญลักษณ์ เทพแห่งดวงอาทิตย์มอบสีทอง เทพแห่งไฟมอบสีแดง และเทพแห่งสวรรค์มอบสีน้ำเงินให้แก่นาง ทำให้เรื่องนี้ซีอุสไม่พอใจอีกครั้งจึงเสกนางให้กลายเป็นโอปอล

นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมโอปอลจึงมีสีที่สวยงามและดึงดูดใจต่อผู้พบเห็น

ข่าวล่าสุด

“สีหศักดิ์” เตรียมประชุมอาเซียนนัดพิเศษที่มาเลเซีย ถกปมกัมพูชา 22 ธ.ค.นี้