posttoday

หยาดน้ำค้างจิ๋วยอดดอยอ่างขาง พืชกินแมลงเล็กที่สุดในโลก

07 ธันวาคม 2557

หากจะเปรียบเทียบพืชกินสัตว์หรือพืชกินแมลงในโลก คงหนีความจริงไปไม่ได้ว่า

หากจะเปรียบเทียบพืชกินสัตว์หรือพืชกินแมลงในโลก คงหนีความจริงไปไม่ได้ว่า พืชกินสัตว์ที่มีขนาดใหญ่สุดของโลกน่าจะได้แก่ สกุลหม้อข้าวหม้อแกงลิง (Pitcher Plant) ซึ่งมีรายงานว่าบางชนิดมีลำต้นยาวถึง 66 ฟุต (20 ม.) ใบอาจยาวถึง 2 ฟุต (6 ม.) ก็เป็นได้ หม้อ (Pitcher) ของชนิดที่ใหญ่สุดน่าจะตกเป็นของ Nepenthes Merrilliana จากฟิลิปปินส์ ซึ่งสร้างหม้อขนาดยาว 20 นิ้ว (50 ซม.) และกว้าง 10 นิ้ว (25 ซม.) ซึ่งใช้ดักหนู นก (ขนาดเล็ก) รวมทั้งกบ เขียด และสัตว์อื่นๆ ที่พลัดตกลงไปในหม้อ และถูกย่อยสลายกลายเป็นอาหารของพืชกินสัตว์ดังกล่าว พวกชาวป่าเรียกพืชกินสัตว์ชนิดนี้ว่า “Monkey Pitchers” และหม้อข้าวลิง (Monkey’s Rice Pots)

บนยอดดอยอ่างขางระดับสูงประมาณ 1,400 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ผู้เขียนพบพืชกินแมลงจิ๋วชนิดหนึ่งซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าเป็นพืชกินแมลงขนาดจิ๋วที่สุดของโลก ฝรั่งตั้งชื่อสามัญในภาษาอังกฤษแก่หยาดน้ำค้างอ่างขางไว้แล้วว่า Tuberous Drosera หรือ “หยาดน้ำค้างที่มีหัวใต้ดิน” เกือบทุกชนิดของพืชกลุ่มนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปออสเตรเลีย ส่วนใหญ่พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ แต่หยาดน้ำค้างอ่างขาง (Drosera peltata) เท่านั้น ที่มีแนวกระจายพันธุ์กว้างขวางต่อออกมาจากออสเตรเลีย กระจายเข้าไปในเอเชียและญี่ปุ่น พวกนี้มักพบตามพื้นทรายหรือหินกรวดบนภูเขาและมักอยู่ร่วมกับมอส

ลักษณะของหยาดน้ำค้างอ่างขางนั้นจัดอยู่ในกลุ่มของหยาดน้ำค้างที่มีหัวสะสมอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตอยู่ใต้ผิวดิน และนับเป็นหยาดน้ำค้างที่ชอบขึ้นอยู่ในภูมิอากาศอบอุ่น (Temperate Drosera) โดยมีนิสัยชอบถิ่นที่มีฤดูแล้งสลับฤดูฝน (Wet and dry season)

ลักษณะอันโดดเด่นของหยาดน้ำค้างอ่างขางนั้นคือ ต้นมีขนาดเล็กจิ๋ว เส้นผ่านศูนย์กลางพุ่มเพียง 2-3 ซม.เท่านั้น ต้นขนาดจิ๋วเล็กกว่า 1 ซม. นั้นมีมากทีเดียว ใบของมันเกิดเวียนขึ้นไปจากโคนสู่ยอดรูปร่างใบกลม ใบมีก้านยาวเกิดบนลำต้นที่ชูตั้งขึ้น ในออสเตรเลียมีรายงานว่าลำต้นสูงได้ถึง 25 ซม. (10 นิ้ว) แต่ที่พบบนดอยอ่างขางมีลำต้นสูงไม่เกิน 2-3 มม. เท่านั้น ใบมีรูปร่างแบบโล่ หรือรูปคล้ายร่ม (Peltate) ใบยาว 3 มม. (0.1 นิ้ว) ส่วนก้านนั้นติดอยู่ใกล้ศูนย์กลางผิวใบด้านล่าง ยามฤดูออกดอกในช่วงฝนจะพบว่าช่อดอกจะประกอบด้วยดอกย่อย 2-10 ดอก ดอกมี 5 กลีบ แต่ละกลีบสีขาวบริสุทธิ์ ก้านชูดอกยาว ดอกจะบานในเวลากลางวันใกล้เที่ยง ต้นจะเข้าสู่ระยะพักตัวในฤดูร้อน ซึ่งมีภาวะแห้งแล้ง ส่วนลำต้นเหนือดินจะแห้งเหี่ยวไปเหลือแต่หัวใต้ดิน

หยาดน้ำค้างจิ๋วยอดดอยอ่างขาง พืชกินแมลงเล็กที่สุดในโลก

 

พืชกลุ่มนี้มีลักษณะที่เรียกได้ว่าเป็น “กระดาษกาวดักแมลงวันที่มีชีวิต” (Living Flypaper) ทั้งนี้เพราะใบของมันถูกปกคลุมด้วยหนวดจิ๋วๆ ซึ่งส่วนปลายมีต่อมรูปกลมซึ่งขับสารเหนียวออกมา สารเหนียวนี้มีความสดใสเป็นประกาย หากต้องกับแสงแดด และนั่นเป็นที่มาของชื่อหยาดน้ำค้างกลางแดด (Sundevos) นั่นเอง ยุง ตัวริ้น แมลงหวี่ตัวเล็กๆ จะถูกดักจับเมื่อมันบินลงมาสัมผัสกับใบและติดหนึบอยู่กับน้ำค้างใสแต่เหนียวมากนี้ ขณะที่พวกแมลงพยายามดิ้นรนให้หลุด มันจะถูกดึงเข้าไปติดกับต่อมอื่นๆ ทำให้ยิ่งติดพันกันจนหมดแรงไปเอง ต้นหยาดน้ำค้างนี้มีชื่ออื่นๆ เช่น ปัดน้ำ หรือหญ้าไฟตะกาด แล้วแต่ท้องถิ่นที่พบ

หยาดน้ำค้างหรือหญ้าน้ำค้างแต่ละชนิดมีหนวดต่างชนิดกันไป บางชนิดเมื่อได้รับแรงกระตุ้นจากสิ่งเร้า (เหยื่อ) ของมัน มันจะเคลื่อนไหวได้และดึงเอาเหยื่อให้ลงแตะกับผิวใบ การเคลื่อนไหวของหนวดเกิดจากพลังงานกล หรืออาจเป็นพลังงานเคมีก็เป็นได้ อาการงอตัวของหนวดเมื่อดึงเอาเหยื่อลงมานั้นจะเกิดขึ้นภายในเวลาประมาณ 30 นาที หลังจากเกิดการกระตุ้นจากแมลงที่เคลื่อนไหวดิ้นรนให้หลุดจากกับดัก (แต่หนวดของหญ้าน้ำค้างหลายสกุลไม่เคลื่อนไหวเลยก็มี)

หยาดน้ำค้างจิ๋วยอดดอยอ่างขาง พืชกินแมลงเล็กที่สุดในโลก

 

ทั่วโลกมีหยาดน้ำค้างมากกว่า 100 ชนิด แต่พบมากชนิดที่สุดในออสเตรเลีย นักพฤกษศาสตร์และแพทย์ผู้ค้นพบพืชสกุลนี้เป็นคนแรกในปี 1779 คือ ดร.เอ ดับเบิ้ลยู รอธ (A.W.Roth) ส่วนชื่อสกุลดรอซีรา (Drosera) ได้มาจากภาษากรีก คือ Droseros หมายถึง น้ำค้างซึ่งตรงกับรูปลักษณ์ของหยาดน้ำเหนียวคล้ายวุ้นบนต่อมของหนวดพืชกินแมลงดังกล่าว

ประเทศไทยมีพืชกินแมลงในสกุลดรอซีราอยู่ 3 ชนิด คือ จอกบ่วาย (Drosera Burmannii) พบหลายพื้นที่ของ จ.เลย ส่วนในภาคอีสานตามท้องทุ่ง ท้องนา หลายจังหวัดเราจะได้พบกับหยาดน้ำค้างหรือหญ้าน้ำค้าง (D.indica) ขึ้นอยู่ตามพื้นทรายซึ่งมีความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ส่วนชนิดที่สาม ก็คือปัดน้ำหรือหญ้าไฟตะกาดหรือหยาดน้ำค้าง (D.peltata) ซึ่งกระจายพันธุ์อยู่ในเขต จ.เลย และบนภูสูง เช่น ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่

ข่าวล่าสุด

เลิกวนลูป! ส่อง 3 เป้าหมายยอดนิยมที่คนไทยตั้งไว้ทุกต้นปี เป็นจริงได้อย่างไร?