ชีวิตที่หักเลี้ยว ของ ‘ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์’
“ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์” จากผู้กำกับจอเงิน เรื่อง “แฟนฉัน” “เด็กหอ” ฯลฯ มาถึงจอแก้ว และประสบความสำเร็จอย่างมากกับซีรี่ส์ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” และอีกก้าวที่สำคัญที่ใครๆ มักเปรียบเทียบว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” คือ เป็นผู้บริหารบริษัท นาดาว บางกอก ในเครือจีทีเอช
“ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์” จากผู้กำกับจอเงิน เรื่อง “แฟนฉัน” “เด็กหอ” ฯลฯ มาถึงจอแก้ว และประสบความสำเร็จอย่างมากกับซีรี่ส์ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” และอีกก้าวที่สำคัญที่ใครๆ มักเปรียบเทียบว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” คือ เป็นผู้บริหารบริษัท นาดาว บางกอก ในเครือจีทีเอช
ชีวิตของเขาตั้งแต่เด็ก เป็นชีวิตที่หักเลี้ยว หลายครั้งไปในเส้นทางที่เขาไม่เคยคิดหรือวางแผนเอาไว้ ในตอนเด็กๆ ย้ายโรงเรียนอยู่หลายหนซึ่งเป็นจุดทำให้เจอเหตุการณ์ที่พลิกผันไม่ทันตั้งตัว ต้องเปลี่ยนสังคม เปลี่ยนการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ ทำให้เส้นทางชีวิตของเขาไม่ได้ตั้งเป้า และเดินมุ่งตรงไปทางใดทางหนึ่ง ทว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเด็กชายทรงยศ จนถึงนายทรงยศ ทำให้เขาได้เรียนรู้หลายๆ สิ่ง ค้นหาไปเรื่อย จนเจอสิ่งที่ชอบและลงมือทำ แต่ทั้งหมดในความเป็นทรงยศ ผู้กำกับร้อยล้าน จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเขาไม่ได้เปิดใจให้กับเหตุการณ์บนเส้นทางคดเคี้ยวลดเลี้ยวเหล่านั้น
“ช่วงเด็กกับช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงการค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบและเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง ผมเชื่อว่าตอนเด็กๆ เราอาจจะมีความฝันอยากทำนู่นอยากทำนี่อยากทำนั่น แต่พอเราใช้ชีวิตไปสักพักเรียนรู้ไปสักพัก หรือลองทำอะไรบางอย่างไปสักพัก เราอาจจะค้นพบว่า บางทีเป้าหมายที่เราวางไว้อาจจะเป็นสิ่งที่เราอยากทำมันจริงๆ หรือไม่อยากทำก็ได้ ซึ่งโชคดีที่การที่ชีวิตผมเปลี่ยนบ่อยๆ คุณพ่อจับย้ายโรงเรียนบ่อยๆ การที่ชีวิตหักเหจากสายวิทย์มาเป็นสายศิลป์ การชอบถ่ายภาพแล้วได้เข้ามาเรียนภาพยนตร์ มันทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะ ได้เจอผู้คนที่หลากหลาย ได้เรียนได้รู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่คิดจะรู้ แต่พอมารู้แล้วปรากฏว่ามันเหมาะกับเรา เช่น การทำภาพยนตร์ ผมไม่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับมาก่อน แต่ชอบการถ่ายภาพ เข้าไปเรียนคณะที่มีการถ่ายภาพ ภาควิชาภาพนิ่งดันมีภาพยนตร์อยู่ด้วย ทำให้เราได้เรียนรู้ไปโดยปริยาย มันก็ทำให้เราค้นพบว่า จริงๆ การทำหนังมันสนุกดี แล้วมันก็พาผมมาจนถึงทุกวันนี้”
การใช้ชีวิตหักเลี้ยวตั้งแต่เด็ก ทำให้ทรงยศไม่กลัวกับเหตุการณ์ที่จะเกิด แม้ว่ามันจะคาดการณ์ได้หรือไม่ก็ตาม “ผมเคยคิดว่าอยากเป็นคนทำหนัง แล้วก็คิดว่าทำละครไม่ได้ แต่พอวันหนึ่งมีคนชวนเราทำละคร ทำซีรี่ส์ เรารู้สึกว่าเราจะปิดตัวเองอยู่กับประตูบานเดิมๆ ทำไม ทำไมเราไม่เปิดประตูบานใหม่ๆ ออกไปบ้าง ประสบการณ์ชีวิตวัยเด็กที่มันหักเลี้ยวหลายครั้ง พอเราโตเราเริ่มมองกลับไป ทำให้รู้ว่าการหักเลี้ยวหลายครั้งที่เราไม่เคยวางแผน มันพาเราไปสู่จุดที่มันก็น่าสนใจดี และเปิดโลกทัศน์อะไรใหม่ๆ ให้กับเรา ผมเลยรู้สึกว่าพอมาถึงวันนี้ เราไม่อยากมีประตูบานไหนที่เรารู้สึกว่าปิดตาย ไม่อยากเดินเข้าอีกต่อไปแล้ว เราจะไม่มีข้อจำกัดให้กับชีวิตตัวเราเอง”
หลายผลงานของทรงยศที่เขาสร้างขึ้น ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเด็ก วัยรุ่น จึงไม่แปลกหากเขาจะกลายเป็นผู้กำกับขวัญใจวัยรุ่น และกลายเป็นไอดอลของวัยรุ่นเมืองไทย ณ ตอนนี้
“ผมว่าการเป็นวัยรุ่นเราจะมีช่วงวัยของการค้นหาตัวเอง เรายังไม่รู้เลยว่าเราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร เราจะมีช่วงเริ่มมีความรักครั้งแรก เริ่มว้าวุ่นทั้งเรื่องการเรียน ความรัก ปัญหาเรื่องช่วงว่างระหว่างวัยกับคุณพ่อคุณแม่ หรือแม้กระทั่งกับครู จะให้เวลากับเพื่อนมากกว่า แล้วก็เป็นช่วงที่เรายังไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วในอนาคตเราอยากเป็นอะไร มันจะมีความว้าวุ่นสับสนอะไรตรงนี้อยู่ เราจะเรียนอะไร เรียนไม่ดีจะทำยังไง แต่ว่ามันจะต่างกันที่บริบท มันจะต่างกันที่สภาพแวดล้อม อย่างยุคผม สมมติว่าตัวผมอยากดูหนังสือโป๊ ตอนอยู่โรงเรียนประจำต้องเสาร์อาทิตย์แต่งชุดนักเรียน นั่งรถสามล้อไปตลาด เข้าไปร้านหนังสือ ร้านหนังสือโซนนี้จะอยู่หลังร้าน ต้องแอบๆ ไปเปิด มันดูยากมาก แต่เด็กวัยรุ่นทุกวันนี้สามารถเอามือถือขึ้นมาโหลดคลิปอะไรง่ายๆ ดูได้เลย มันเลยทำให้ผมว่าเด็กสมัยนี้มันอาจจะรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้ดูธรรมดาง่ายกว่าเรา
ด้วยความที่ชีวิตช่วงวัยรุ่นผมลองผิดลองถูกอะไรมาเยอะ แล้วเราโตขึ้นมา เราเข้าใจอะไรบางอย่างในช่วงชีวิตที่เราเป็นวัยรุ่น ว่าวันนั้นเราเจอปัญหาอะไรบ้าง พอวันหนึ่งเรามาทำงานที่เป็นวัยรุ่น ไม่ว่าผมจะทำรีเซิร์ชอะไรก็ตาม เราเจอวัยรุ่นแบบไหนก็ตาม เราจะไม่ค่อยตั้งแง่กับความเป็นวัยรุ่น เวลาผมเห็นเด็กๆ ไปกรี๊ดศิลปิน ผมจะไม่หมั่นไส้เขา ผมไม่อยากด่าเขา ผมจะรู้สึกว่า เห้ย อะไรที่ทำให้เขารู้สึกได้แบบนั้น อะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากไปเฝ้ารอศิลปิน ผมรู้สึกว่ามันน่าสนใจ แล้วด้วยความที่เราอยากเข้าใจ มันเลยทำให้ในที่สุดเราก็เข้าใจได้จริงๆ หมายถึงว่าอย่างน้อยเราก็มีความพยายามที่จะเข้าใจวัยรุ่น พอเราทำงานออกมา มันก็เลยออกมาอย่างตรงใจวัยรุ่น”
นอกจากน้องๆ นักแสดงที่ทรงยศรู้จักมาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นวัยรุ่น ยังมีน้องๆ ที่ชื่นชอบผลงาน เข้ามาปรึกษาเขาเรื่องปัญหาของวัยรุ่น เขายินดีโต้ตอบทุกช่องทางสื่อสารเสมอ แต่มันคงไม่ทั่วถึง การเกิดขึ้นของหนังสือชื่อ “โปรดติดตามตอนต่อไปวัยว้าวุ่น” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ผ่านตัวอักษร
“ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมเล่าเกี่ยวกับชีวิตผมมันจะมีประโยชน์อะไรกับน้องๆ ด้วยซ้ำ ผมแค่คิดว่าในฐานะของคนที่ทำอะไรเยอะๆ มาก่อน ทั้งช่วงที่เป็นวัยรุ่นและมีประสบการณ์การทำงานมาหลากหลาย ก็อยากจะเล่าให้น้องฟัง บางทีน้องอ่านเสร็จแล้ว น้องรู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรกับชีวิตเลย น้องก็เอาหนังสือไปบริจาคก็ได้ แต่ถ้าเกิดว่ามันมีบางคนที่เขาอ่านแล้วเขารู้สึกว่ามันทำให้เขามีแรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาทำอะไร หรือแบบว่าทำให้เขาเห็นอะไรในอนาคตในชีวิตเขาบ้าง หรือเขาได้เติบโตอะไรบางอย่างขึ้นผ่านประสบการณ์ชีวิตของผม ผมว่าผมก็ฟินแล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าใจอะไรเหมือนที่ผมเข้าใจก็ได้
ผมว่าผมมาถึงจุดนี้อาจจะเป็นทัศนคติของผม มาถึงวันนี้ผมค้นพบแล้วว่า จริงๆ แล้ว คนคนหนึ่งจะไปได้ไกลแค่ไหน บางทีอาจจะไม่ได้อยู่ที่พรสวรรค์ อาจจะไม่ใช่เรื่องความฉลาด สิ่งเหล่านั้นอาจจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือทัศนคติ หมายถึงว่าผมเชื่อว่าการที่ผมมาถึงจุดนี้เพราะว่าผมมีทัศนคติของการเป็นคนไม่ยอมแพ้ ผมมีทัศนคติของการพยายาม ผมพยายามถามตัวเองว่าทัศนคติเหล่านี้ผมเอามาจากไหน ค้นพบว่าจริงๆ แล้ววันที่เราล้มเหลว ถ้าเราเชื่อว่าชีวิตเรายังไม่จบ แล้วมันมีสิ่งที่ดีกว่านี้รอเราอยู่ข้างหน้า เราจะทำให้ดีที่สุดในวันนี้ แล้วถ้าเมื่อไหร่เราทำวันนี้ให้มันดีที่สุด วันหน้ามันย่อมไม่มีทางไม่ดี พรุ่งนี้มันจะไม่ดีก็ต่อเมื่อวันนี้เราไม่เต็มที่ แต่ว่าวันนี้เราทำเต็มที่แล้ว พรุ่งนี้มันต้องดีสิ ผมเชื่อแบบนี้เสมอมา ถ้ามีอะไรที่ผมอยากจะบอกน้องๆ ก็คือ ทัศนคติในการมองโลกเป็นเรื่องสำคัญ ในการพาเราไปถึงจุดไหนก็ตามในชีวิต”
หลายคนยกย่องว่า เขาคือผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่สำหรับเขาเอง มองว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ผ่านอุปสรรคมามาก และการที่เขามีทัศนคติในการทำงานไม่ยอมจำนนต่อทุกสิ่ง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พาเขามาถึงทุกวันนี้ แต่ไม่สามารถเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ เพราะเขายังต้องทำงานและพิสูจน์ตัวเองอยู่ต่อไป


