posttoday

มาร์โก ตูรัตติ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ แห่งคราวน์ พลาซ่า

14 พฤศจิกายน 2557

มาร์โก ตูรัตติ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ (Executive Chef) โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพ ลุมพินี พาร์ค

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

มาร์โก ตูรัตติ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ (Executive Chef) โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพ ลุมพินี พาร์ค ที่มีห้องอาหาร 4 ห้อง ประกอบด้วย ห้องพาโนรามา ห้องซินเทียนตี้ ห้องฟินิชชิ่ง โพสต์ ซึ่งเป็นเลานจ์นั่งชิลๆ และช็อท คัทส์ เดลี่ เบเกอรี่ โดยเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา

การมาร่วมงานกับคราวน์ พลาซ่าฯ ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของมาร์โกที่ได้มาประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่ได้มาทำงานในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันที่อยากจะมาเห็นและมาเที่ยวสักครั้งในชีวิต โดยก่อนที่จะมารับตำแหน่งที่คราวน์ พลาซ่าฯ เขาเป็นเชฟอยู่ที่โรงแรมคราวน์ พลาซ่า ดูไบ เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ที่ต้องดูแลห้องอาหารในโรงแรมถึง 14 ห้อง

มาร์โก เล่าถึงการได้มาร่วมงานกับคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพ ลุมพินี พาร์ค ว่า เป็นความตั้งใจที่เลือกมาทำงานที่ประเทศไทย เพราะรู้ว่าเป็นประเทศน่าท่องเที่ยวที่ใครๆ ก็อยากมา เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เชิงศิลปวัฒนธรรม ประกอบกับคนไทยเป็นคนมีมิตรภาพดี มีน้ำจิตน้ำใจ มีนิสัยใจคอชอบช่วยเหลือ โอบอ้อมอารี อาหารไทยก็อร่อย อยากมาลองชิมบ้างตามประสาคนชอบทำอาหาร

"ก่อนมาที่นี่ผมค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยจากหนังสือ จากเว็บไซต์ ถามคนอื่นที่เคยมา จึงได้รู้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่คนในยุโรปใฝ่ฝันอยากมาเที่ยว ได้ยินว่าคนไทยก็น่ารัก มีน้ำใจ อัธยาศัยดี ซึ่งพอได้เห็นและสัมผัสจริงๆ แม้ผมจะอยู่เมืองไทยยังไม่ถึง 5 เดือนเต็มนัก ก็เห็นและรู้สึกว่าประเทศไทยมีสิ่งดีๆ มากมาย มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามเยอะแยะ มีทะเลสวยๆ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็เพิ่งไปเที่ยวที่เกาะกูดมา สวยมาก ส่วนกับคนไทยเองแล้ว จากที่ได้ร่วมงานกัน ต้องพูดจากใจว่าน่ารักมาก มนุษยสัมพันธ์ดี เหนืออื่นใดประเทศไทยมีแหล่งวัตถุดิบในการทำอาหารมากมาย อันนี้ชอบมาก เพราะผมทำอาชีพนี้อยู่แล้ว"

มาร์โก เล่าถึงชีวิตการมาเป็นเชฟให้ฟังว่า รู้ตัวว่าชอบทำอาหารตั้งแต่อายุประมาณ 4-5 ขวบ พอคุณแม่เข้าครัวจะต้องเข้าไปดูด้วย อยากรู้อยากเห็นว่าแม่ทำอะไร อย่างไร ใส่อะไร บางทีเป็นลูกมือช่วยหยิบจับเท่าที่ช่วยได้ พอโตขึ้นมาหน่อย สามารถหยิบจับและใช้อุปกรณ์ครัวได้ คุณแม่ก็ปล่อยให้ทำเอง อยากทำอะไรก็ทำ พร้อมได้โชว์ฝีมือทำอาหารบ่อยๆ เช่น เวลาที่บ้านมีปาร์ตี้เพื่อนๆ มาที่บ้านก็ทำอาหารให้เพื่อนๆ รับประทานซึ่งได้รับคำชมทุกครั้ง

"ผมว่าการทำอาหารคือชีวิตของผมนะ ตอนเด็กๆ ผมรู้สึกมีความสุขเสมอเวลาอยู่ในครัวกับแม่ และเวลาทำอาหารเสร็จได้เห็นหน้าตาอาหาร รวมถึงเวลาที่คนอื่นชิมอาหารที่เราทำแล้วออกปากว่าอร่อย มันทำให้ผมมีความสุข ซึ่งผมมารู้ตัวว่ามีพรสวรรค์ในการทำอาหารตอนอายุ 13 ปี ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมทำอาหารบ่อยและได้รับคำชมตลอด จึงตัดสินใจไปเรียนทำอาหารที่โรงเรียนสอนทำอาหารที่อิตาลีอยู่ 3 ปี
หลังจากนั้นก็ฝึกงานและเรียนไปด้วยอีก 3 ปี รวม 6 ปี จึงได้ใบประกาศนียบัตรมา ซึ่งหลังจากที่เรียนจบแล้ว ผมมุ่งมั่นในการฝึกฝนพัฒนาตัวเองตลอดเวลา จนถึงวันนี้ยังไม่เคยหยุด พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์และมีความสุขกับการทำอาหารไปเรื่อยๆ เผื่อวันหนึ่งจะมีร้านอาหารตัวเอง" เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟแห่งคราวน์ พลาซ่าฯ ถ่ายทอดชีวิตการมาเป็นเชฟ

ขณะที่เส้นทางและประสบการณ์ของเชฟมาร์โกถือว่าน่าสนใจ เขาเริ่มทำงานด้านอาหารในตำแหน่งผู้ช่วยพ่อครัว (Commis) ที่ Ristorante II Siciliano ซึ่งเป็นร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน ที่อิตาลี บ้านเกิด ในปี 2543 จากนั้นได้สั่งสมประสบการณ์กับร้านอาหารชั้นนำอีกหลายแห่ง จนต่อมาได้ร่วมงานกับร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลินอีกครั้ง ที่ Ristorante Brunello ประเทศสเปน ในปี 2547

ว่าด้วยฝีมือในการทำอาหารของมาร์โก การันตี ความเป็นมืออาชีพ เพราะได้รับประกาศนียบัตรหลากหลายเกี่ยวกับด้านอาหาร อย่าง การฝึกอบรมด้าน Pastry ในแบบดั้งเดิมและแบบประยุกต์ เข้าอบรมเกี่ยวกับระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร หรือ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) การอบรมเกี่ยวกับสุขอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และหลักสูตรอาหารญี่ปุ่น เป็นต้น

สำหรับเมนูอาหารวันนี้ที่เชฟมาร์โกอยากนำเสนอคือ "กัวกาโมเล" (Guacamole) เป็นของว่างสุดคลาสสิกแห่งชาติอาหารเม็กซิกัน อร่อยง่าย เฉียบขาดด้วยรสชาติ แถมยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว พร้อมคุณค่าทางอาหารมากมาย

หากใครกำลังมองหาสถานที่ดินเนอร์มื้อพิเศษที่ไม่จำเจ เชฟใหญ่ผู้นี้ไม่รีรอที่จะขอเชิญทุกคนมาเปิดประสบการณ์ใหม่กับแซมบา ซัง (Samba San) บุฟเฟ่ต์มื้อเย็นสไตล์ละตินที่ผสมผสานกลิ่นอายญี่ปุ่นอย่างลงตัว ด้วยพาเหรดซูชิ, ปลาดิบในรูปแบบ เซบิเช่ (Ceviche) และไม่ผิดหวังแน่นอนกับกัวกาโมเล ที่พร้อมเติมความสดชื่นไปกับ "ไคปริรันย่า" ค็อกเทลสัญชาติบราซิล

เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับเชฟมาร์โก

อายุ : 32 ปี

สถานภาพ : แต่งงานแล้ว

เป้าหมายชีวิตในอนาคต : หลังจากเป็นเชฟโรงแรมชั้นนำแล้ว ความฝันที่วาดไว้คือ อยากเปิดร้านอาหารของตัวเองที่อิตาลีในอนาคต แต่ตอนนี้ขอเก็บเกี่ยวประสบการณ์และค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในการทำอาหารกับโรงแรมต่างๆ ไปก่อน

อาหารไทยที่รู้จักและชอบ : แกงเขียวหวาน มัสมั่น และส้มตำ

อาหารที่ชอบรองจากอิตาเลียน : อาหารเอเชีย เช่น อาหารไทย และเวียดนาม

ประเภทอาหารที่ถนัด : ทั้งสไตล์เอเชีย ยุโรป และละตินอเมริกา

สิ่งที่ชอบทำเวลาว่าง : อ่านหนังสือ วิ่งออกกำลังกาย ดำน้ำ ถ่ายรูป การค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวความรู้และ ประสบการณ์ชีวิต

Guacamole

ส่วนประกอบ

อโวคาโดสุก 1 ผล

ผักชี 2 กรัม

มะนาว 1 ผล

หัวหอม 5 กรัม

กระเทียม 3 กรัม

พริกหวาน 0 กรัม

เกลือ 5 กรัม

น้ำตาลทราย 3 กรัม

นาโชส์ 70 กรัม

วิธีทำ

1.ปอกเปลือกอโวคาโด โดยผ่าอโวคาโดตามยาว นำเม็ดออก เอาช้อนตักเนื้ออโวคาโดออกมาใส่ชามไว้ สับหอม กระเทียม ผักชี และเตรียมน้ำมะนาว

2.ใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้และเนื้ออโวคาโดในครก บดให้ละเอียด ประมาณ 2 นาที ใส่เกลือ น้ำตาลเล็กน้อย บีบมะนาว คนให้เข้ากันต่ออีกประมาณ 2 นาที

3.ใส่เปลือกอโวคาโดเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ชิมแล้ว เตรียมส่วนผสมต่างๆ ให้ได้รสตามชอบ หากเค็มหรือเปรี้ยวไปเติมน้ำตาลเล็กน้อย เสิร์ฟคู่กับ Nachos Chips

ข่าวล่าสุด

ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลกอีกครั้ง หลังเหตุฟุกุชิมะ 15 ปี