ฟอร์จูนทาวน์ อีกหนึ่งทางเลือกรองรับไลฟ์สไตล์คนเมือง
ศูนย์รวมสินค้าไอทีย่านรัชดาภิเษกที่ปัจจุบันรู้จักกันในนาม “ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์” เปิดให้บริการกับลูกค้าในย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9 มากว่า 15 ปี ซึ่งปัจจุบันทำเลดังกล่าวถูกวางให้เป็นศูนย์รวมธุรกิจแห่งใหม่ หรือ New CBD ที่มีศักยภาพการแข่งขันค่อนข้างสูง เหตุผลดังกล่าวทำให้ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ได้มีการปรับเปลี่ยนร้านค้า และการบริการภายในศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่อง
ศูนย์รวมสินค้าไอทีย่านรัชดาภิเษกที่ปัจจุบันรู้จักกันในนาม “ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์” เปิดให้บริการกับลูกค้าในย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9 มากว่า 15 ปี ซึ่งปัจจุบันทำเลดังกล่าวถูกวางให้เป็นศูนย์รวมธุรกิจแห่งใหม่ หรือ New CBD ที่มีศักยภาพการแข่งขันค่อนข้างสูง เหตุผลดังกล่าวทำให้ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ได้มีการปรับเปลี่ยนร้านค้า และการบริการภายในศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่อง
เพื่อรองรับการแข่งขันทางธุรกิจที่เกิดขึ้นรวมถึงรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์มีการบริหารงานโดย บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF) ปัจจุบันศูนย์การค้าแห่งนี้มีร้านค้าให้บริการกว่า 400 ร้านค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไอทีไลฟ์สไตล์มอลล์” ซึ่งมีการจัดหมวดหมู่ประเภทร้านค้าไว้ 3 ประเภทนั่นคือ
“ไอทีมอลล์” เป็นศูนย์รวมสินค้าและอุปกรณ์ไอทีทันสมัยกับพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. ชั้น 2 -4 ทั้งอุปกรณ์กล้อง เครื่องเสียง สมาร์ทโฟนและแก็ดเจ็ทต่าง ๆ ให้สามารถเลือกสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ จนกระทั่งอุปกรณ์เสริมหายาก โดยร้านส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ ชั้น 2 นอกจากนี้เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดอาณาจักรเครื่องเสียงที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทยภายใต้ชื่อ AV Super Store Zone ที่มีการรวมร้านค้าเครื่องเสียงชั้นนำกว่า 20 ร้านบนพื้นที่กว่า 1,800 ตร.ม. มาเอาใจผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในเสียงเพลง มีให้เลือกหลากหลายทั้งเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ มือสอง รวมถึงเครื่องเสียงนำเข้ารุ่นใหม่ อุปกรณ์เสริม เช่น ลำโพง หูฟัง ไมค์โครโฟน ขาตั้ง อีกทั้งยังมีการรวบรวมศูนย์บริการของแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ มากมาย อาทิ ศูนย์บริการซัมซุง เอชทีซี เดลล์ เอเซอร์ มาให้บริการตอบสนองความต้องการของลูกค้าไอทีได้เป็นอย่างดี
“ไลฟต์สไตล์มอลล์” กับพื้นที่ 15,000 ตร.ม. ชั้น G- 2 รวบรวมสินค้าและบริการเพื่อรองรับคนทุกเพศทุกวัย ทั้งบริการด้านการเงิน การธนาคาร สถาบันเสริมความงาม อีกทั้งในชั้นใต้ดินในโซนการศึกษา ยังมีการรวบรวมสถาบันการเรียนกว่า 20 สถาบัน มีทั้งสถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งด้านภาษาและเสริมศักยภาพด้านต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ด้านภาษา กับ โรงเรียนภาษาและภูมิปัญญาตะวันออก OKLS สอนภาษาทั้งจีนและญี่ปุ่น โรงเรียนสอนภาษาเกาหลี KLECC รวมถึงสถาบันเรียนต่อต่างประเทศ iStudy ด้านศิลปะกับสถาบันสอนศิลปะโกลบอลอาร์ต ด้านดนตรีกับโรงเรียนสยามดนตรีกลการ โรงเรียนสอนดนตรีสวีทโฮมมิวสิค โรงเรียนดนตรีครูบิ๊ก อีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีสถาบันอื่น ๆ อาทิ คุมอง เดอะซิลลาบัส เป็นต้น พร้อมด้วยโซนที่สามารถสร้างความเพลิดเพลิน ให้กับลูกค้ากลุ่มครอลครัว โซนฮอบบี้ แอนด์ ทอยส์ ที่รวบรวมร้านค้าของเล่น ของสะสม ทั้งโมเดลการ์ตูนฮีโร่ รวมถึงอุปกรณ์เกี่ยวกับจักรยาน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของไลฟ์สไตล์คนเมือง บนเนื้อที่กว่า 1,000 ตร.ม. ที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบประมาณไตรมาสแรกของปี 2558 อีกด้วย
“ฟู้ดมอลล์” อีกหนึ่งทางเลือกที่ศูนย์การค้าฯ ได้รวบรวมร้านค้าหลากสไตล์ทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองกับพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. อาทิ เรือนแม่หลุย ยำแม่ริ้ว ข้าวหอมอันดามัน หรือร้านอาหารแบรนด์ดังอย่าง เปปเปอร์ลันช์ ชาบูชิ คาคาชิ ไจแอนท์ โคบูเนะ รวมถึงอาหารกลิ่นอายตะวันตก อย่างเสต็กเชฟเสริฐ อีกทั้งยังมีอาหารจานด่วนชื่อดังไว้รองรับลูกค้าอีกด้วย
นอกจากนี้ ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาตลอดทั้งปี ทั้งกิจกรรมการประกวดต่าง ๆ กิจกรรมสินค้าไอทีในชื่อ “Fortune Hard Sale” และ Bike Market ตลาดนัดคนรักจักรยาน ทุกต้นเดือนบนพื้นที่ลานกิจกรรม ชั้น 2 พร้อมด้วย Fortune Market ตลาดนัดสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัยในย่านรัชดากับชั้น G ที่จะเริ่มโครงการในวันที่ 16 พ.ย. นี้ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดร่วมกับภาครัฐบาลและเอกชน สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นบทพิสูจน์ว่า แม้กาลเวลาจะผ่านไป บนถนนสายนี้แม้ผู้แข่งขันในธุรกิจจะสับเปลี่ยนมาท้าทายกันมากขึ้น แต่ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์กลับพัฒนาตัวเองให้เป็นที่นิยมของผู้คนได้ตลอดมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน


