‘โรงงานเชิงนิเวศ’

“สมาคมเพื่อนชุมชน” เป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 ราย ได้แก่ กลุ่ม ปตท. กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มดาว ประเทศไทย โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และกลุ่มบริษัทโกลว์ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ที่มีบทบาทเพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันสมาคมนี้กำลังก้าวสู่ปีที่ 5 โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมกันปรับเปลี่ยนทุกโรงงานในกลุ่มสมาชิกให้เป็นโรงงานเชิงนิเวศ (Eco Factory) และจะได้เห็นแห่งแรกภายในปี 2560 หลังจากนั้นจะผลักดันนิคมมาบตาพุด สู่เป้าหมายเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) ภายในปี 2561 ควบคู่กับการส่งเสริมต้นแบบชุมชนเชิงนิเวศ (Eco Community) และโรงเรียนเชิงนิเวศ (Eco School)

ชลณัฐ ญาณารณพ นายกสมาคมเพื่อนชุมชน กล่าวว่า สมาคมเพื่อนชุมชนได้นำหลักเกณฑ์ “โรงงานเชิงนิเวศ” ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พัฒนาขึ้นและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม มาใช้ปรับเปลี่ยนทุกโรงงานในกลุ่มสมาชิกผู้ก่อตั้งสมาคมทั้ง 42 โรงงาน ภายในปี 2558

หลังจากนั้น จะขยายความร่วมมือไปยังโรงงานของสมาชิกสมทบ และโรงงานอื่นๆ ในมาบตาพุดที่มีอยู่ทั้งหมด 120 โรงงาน พร้อมส่งเสริมให้เกิดต้นแบบชุมชนเชิงนิเวศ และโรงเรียนเชิงนิเวศ เพื่อยกระดับมาบตาพุดให้เป็นต้นแบบเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในอนาคต

สำหรับกรอบการดำเนินการตามแนวทางโรงงานเชิงนิเวศ ประกอบด้วยเกณฑ์การประเมิน 14 ด้าน ได้แก่ 1.การใช้วัตถุดิบ 2.การใช้พลังงาน 3.การจัดการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ 4.ห่วงโซ่อุปทานสีเขียว 5.การจัดการพื้นที่และภูมิทัศน์สีเขียว 6.การจัดการสารเคมีและวัตถุอันตราย 7.การจัดการน้ำและน้ำเสีย 8.การปล่อยก๊าซเรือนกระจก 9.การจัดการมลภาวะทางอากาศ 10.การจัดการกากของเสีย 11.ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน 12.ความหลากหลายทางชีวภาพ 13.การสร้างอาชีพและกระจายรายได้ให้กับชุมชน และ 14.การเปิดเผยข้อมูลและรับผิดชอบต่อชุมชนโดยรอบ

นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมเรื่องการดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนและโรงเรียนตามหลัก 3R (Reduce, Reuse/Recycle, Replenish) พร้อมปลุกจิตสำนึกด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมแก่ชุมชน จากนั้นจะขยายความร่วมมือไปยังชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อสร้างเครือข่ายชุมชนเชิงนิเวศ

อย่างไรก็ตาม การก้าวสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) คือการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคชุมชนให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเกื้อกูล ควบคู่กับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่ 1.มิติกายภาพ มีการวางแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม 2.มิติเศรษฐกิจ มองความคุ้มค่าในการผลิตและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งท้องถิ่นอย่างมั่นคง 3.มิติสิ่งแวดล้อม การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ลดและป้องกันมลพิษ 4.มิติสังคม เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตที่ดีและสังคมที่น่าอยู่ของพนักงานและชุมชน และ 5.มิติบริหารจัดการในพื้นที่อย่างมีระบบ โดยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย