ณัฐวดี วิจิตรรัตนกิจชีวิตแบบที่ใจใฝ่ฝัน
ตอนที่เรียนด้านอาร์ตก็จะชอบวาดรูป เข้าออกตามพิพิธภัณฑ์แกลเลอรีต่างๆ พอหยุดก็ได้ไปดูศิลปะตามที่ต่างๆ แล้วก็มารู้สึกว่าตัวเองชอบด้านการทำอาหาร
ตอนที่เรียนด้านอาร์ตก็จะชอบวาดรูป เข้าออกตามพิพิธภัณฑ์แกลเลอรีต่างๆ พอหยุดก็ได้ไปดูศิลปะตามที่ต่างๆ แล้วก็มารู้สึกว่าตัวเองชอบด้านการทำอาหาร
โดย...รัฐพร คำหอม
เมื่อขีดและเลือกทางเดินให้กับชีวิตด้วยตัวเอง แถมยังทำได้ประสบความสำเร็จ เห็นเด็กรุ่นใหม่ อย่าง ณัฐวดี วิจิตรรัตนกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กุยซีน โปรเจคต์ ก้าวไปอย่างมุ่งมั่นเช่นนี้ จึงไม่ได้มีเพียงแต่เสียงชื่นชมในใจ แต่ขอช่วยบอกออกไปเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน ที่ (บางครั้ง) สับสนกับทางเลือกสำหรับอนาคต
สาวน้อย เบลล์ ณัฐวดี หน้าตาสดใสรอต้อนรับอยู่ที่ร้านบูโช ดูจากหน้าตาแล้ว สงสัยว่าเธอจะเรียนจบหรือยังหนอ (ก็หน้าใสเสียเหลือเกิน) แต่เบลล์ก็บอกว่า “จบปริญญาตรีมาหลายปีแล้วค่ะ ด้านอินทีเรียร์”
เรื่องการเรียนนั้นเธอบอกว่า สนใจเรื่องศิลปะ พอจบระดับประถม คุณพ่อให้ดูโบรชัวร์โรงเรียนนานาชาติใน จ.ภูเก็ต ก็สนใจไปเรียนเลย เป็นเด็กชอบกิจกรรม ทั้งกีฬา ศิลปะต่างๆ แล้วด้วยพี่ชายไปเรียนก่อนหน้าที่ประเทศอังกฤษ เมื่อจบมัธยมต้นจึงตัดสินใจไปเรียนไฮสกูลที่นั้นทันที เพราะต้องการฝึกด้านภาษาให้เชี่ยวชาญมากขึ้น จนกระทั่งจบด้านอินทีเรียร์จากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เอ๊ะ! แล้วมาเกี่ยวกับการทำธุรกิจด้านอาหารได้อย่างไร
“ตอนที่เรียนด้านอาร์ตก็จะชอบวาดรูป เข้าออกตามพิพิธภัณฑ์แกลเลอรีต่างๆ ตลอดเมื่อมีวันหยุด เพราะเบลล์เรียนอย่างเดียว พอหยุดก็ได้ไปดูศิลปะตามที่ต่างๆ แล้วก็มารู้สึกว่าตัวเองชอบด้านการทำอาหาร เมื่อจบปริญญาตรีแล้วจึงตัดสินใจไปเรียนทำอาหารที่กอร์ดองเบลอ สาขาในประเทศออสเตรเลีย ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะว่าทำไมถึงชอบอาจมองว่าเป็นอาร์ตก็ได้ เพราะเดิมนี่ทำกับข้าวอะไรไม่เป็นเลย ที่บ้านก็ไม่มีใครทำ ตอนไปเรียนที่กอร์ดองเบลอใหม่ๆ นะ อย่าว่าแต่ทำอาหาร จะหยิบจับหั่นผักอะไรยังไม่เป็นเลย (หัวเราะ) ทำมีดบาดมือตัวเองด้วย เป็นคนที่บ๊วยที่สุดในคลาสเลยล่ะ”
ด้วยความตั้งใจจริงและรักที่จะทำ ในระหว่างที่เรียนอยู่กอร์ดองเบลอนั่นเอง ณัฐวดี จึงไปเที่ยวสมัครงานครัวตามโรงแรมต่างๆ และก็มีโรงแรมที่รับเธอเข้าทำงานในฐานะผู้ช่วยเชฟ
“จริงๆ คือ ไปทำหน้าที่ขนวัตถุดิบ คอยเตรียมให้เชฟใหญ่นั่นล่ะค่ะ วันๆ หนึ่ง ต้องปอกผลไม้เป็น 10 กิโลกรัม ทีนี้พอเบลล์กลับเข้ามาในชั้นเรียนกอร์ดองเบลอ คล่องปรื๋อเลย จากที่โหล่ก็ทำอาหารเร็วแล้ว หยิบจับอะไรคล่องขึ้นมาก” แล้วเธอก็จบหลักสูตรที่กอร์ดองเบลอในที่สุด และเดินทางกลับเมืองไทย
“กลับมาเมืองไทยเริ่มทำงาน สมัครงานตามโรงแรมเยอะมาก เขาก็ดูจากประวัติ เห็นตัวเราแล้วก็มีคำถามจะทำไหวเหรอ? ไม่เห็นมีประสบการณ์? เบลล์ก็คิดแหม...ก็เราเพิ่งจบ”
ในที่สุดก็มีบริษัทที่เปิดรับเธอ แม้ไม่ใช่งานโรงแรมอย่างที่ตั้งใจ แต่ก็เป็นบริษัทที่ทำด้านร้านอาหาร หากเกือบปีที่ร่วมงานกัน เธอไม่ได้จับมีด จับกระทะ เพื่อทำอาหารเลย
“เอ็มดีให้เบลล์ทำด้านแมเนจเมนต์ ดูเรื่องสต๊อก งานเอกสาร เตรียมการเรื่องจัดปาร์ตี้ เป็นเจนเนอรัลเบ๊ไปเลย (หัวเราะ) ก็สนุกนะคะ แต่ว่างานไม่เป็นเวลาเท่าไหร่ เลยขอลาออก”
ระหว่างที่กำลังเตรียมการว่าจะทำอะไรต่อนี่เอง ก็มีเสียงกริ๊งกร๊างจากเพื่อนว่าบริษัทที่ณัฐวดีเคยทำอยู่ด้วยนั้น เลิกกิจการส่วนร้านอาหารแล้ว และจะขายร้านต่อ สนใจไหม โดยไม่ลังเล เธอตกลง แล้วเริ่มลุยงานร้านของตัวเอง เตรียมการอยู่ 3-4 เดือน ได้ใช้วิชาด้านอินทีเรียร์มาตกแต่งร้านของตัวเอง คิดสร้างสรรค์เมนูให้ร้าน สร้างเอกลักษณ์ให้กับร้านให้โดดเด่นเรื่องหอยแมลงภู่ และหอยนานาชนิด จนร้านเป็นรูปเป็นร่าง เปิดให้บริการในนาม “บูโช” ที่ซอยสุขุมวิท 24 ที่ชั้นใต้ดินของโอ๊ควู้ด เรซิเดนซ์
“คราวนี้ยุ่งกว่าเดิมอีก ต้องไปจ่ายของเองด้วย เพื่อให้ได้ของคุณภาพจริงๆ เป็นคนที่อยากทำอะไรหลายอย่าง ก่อนหน้านี้อยากเป็นทั้งครู เลขาฯ แต่ตอนนี้คงให้กับกิจการร้านอาหารก่อน คุณพ่อคุณแม่ท่านก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่เคยว่าลูกๆ เลยว่าจะเลือกเรียน เลือกทำ เลือกเป็นอะไร พ่อบอกเสมอ เอาเลย ทำเลย โดยไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะคนเราถ้าได้ทำสิ่งที่รัก ก็เข้าใกล้ความสำเร็จได้ง่าย ตอนนี้ทั้งเบลล์และพี่ชายยังไม่มีใครไปช่วยกิจการจิวเวลรีของที่บ้านสักคน (หัวเราะ) แต่ทำอาหารให้ท่านรับประทานท่านก็ชอบนะ แต่ถ้ารสชาติไม่ถูกใจก็มีติบ้าง ก็ได้ถือเป็นโอกาสให้เราได้พัฒนาและปรับปรุงเรื่องการทำอาหารออกไปอีก เลยทำให้คิดว่าต่อไปอยากทำธุรกิจเรื่องห้องเย็นด้วย เบลล์ชอบพบปะผู้คน ได้เจอผู้คนใหม่ๆ แล้วเรื่องงานด้านศิลปะเราก็ไม่ได้ทิ้ง เพราะการทำอาหาร ออกแบบอาหารก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง” ณัฐวดี กล่าวทิ้งท้าย


