วิธีป้องกันดูแลสุขภาพช่วงฤดูฝนในประเทศไทย # จบ
สามารถทำการรมยาที่บริเวณจุดจงหว่าน 10-15 นาที หรือใช้กล่องรมยา 20-30 นาที
โดย...แพทย์จีน อู๋ลี่ฉวิน แปล แพทย์จีนต้นสกุล สังข์ทอง คลินิกหัวเฉียวแพทย์จีน
ขับความชื้นกระเพาะอาหารและม้าม
สามารถทำการรมยาที่บริเวณจุดจงหว่าน 10-15 นาที หรือใช้กล่องรมยา 20-30 นาที จุดจงหว่านมีคุณสมบัติบำรุงชี่ปรับสมดุลกระเพาะอาหาร ขับไล่ความชื้นภายใน ลดอาการเรออาเจียนได้ ซึ่งการทำรมยาสามารถรักษาโรคทางระบบทางเดินอาหารได้ หากร่างกายมีความชื้นสะสมภายในค่อนข้างเยอะรู้สึกไม่สบายท้อง สามารถทำรมยาวันละครั้งหรือวันเว้นวันติดต่อกัน 2-3 สัปดาห์ หากไม่มีอาการใดๆ เน้นบำรุงกระเพาะ สามารถทำได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
บำรุงไตปกป้องร่างกายภายใน
ใช้แท่งโกศจุฬาลัมพารมยาบริเวณจุดกวนหยวนประมาณ 510 นาที หรือใช้กลิ่นรมยาประมาณ 30-40 นาที เมื่อทำอย่างต่อเนื่องจะมีส่วนช่วยให้การไหลเวียนของเลือดลมดีขึ้น มีสรรพคุณบำรุงไตปกป้องร่างกายภายใน สามารถขับความร้อนชื้นที่สะสมอยู่ในช่วงล่างที่อาจก่อให้เกิดโรคในทางเดินปัสสาวะได้ รวมไปถึงโรคทางนารีเวช การรักษาสามารถทำได้วันเว้นวันติดต่อกันนาน 1 เดือน
ตำรับลูกเดือยเมล็ดถั่วแดงคือตำรับที่ดีที่สุดในการขจัดความชื้นในร่างกาย
ตำรับลูกเดือยเมล็ดถั่วแดงนั้นมีคุณสมบัติหลักในการขับความร้อนขจัดความชื้น โดยถั่วแดงซึ่งมีสีแดงนั้นสามารถบำรุงเลือด นอกจากนี้ในตำรับโบราณยังได้กล่าวว่า การรับประทานเมล็ดถั่วแดงเป็นเวลานานช่วยให้ผอมได้ ซึ่งหมายความว่า คนที่รับประทานเมล็ดถั่วแดงเป็นประจำมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้ ส่วนลูกเดือยนั้นมีฤทธิ์เย็น มีคุณสมบัติในการขับความร้อน ขับชื้น ซึ่งในช่วงฤดูร้อนนั้นเป็นช่วงที่มีไอแดดร้อนสะสม อีกทั้งยังก่อให้เกิดความชื้นขึ้นอีกด้วย ซึ่งเมื่อนำคุณสมบัติของตัวยาทั้งสองมารวมกัน จึงมีความสามารถในการขับความร้อนขจัดความชื้น บำรุงเลือด
1.เมื่อเข้าช่วงฤดูฝนในทุกๆ ปี สามารถนำมาต้มรับประทานได้ตามสะดวก
2.เมื่อรับประทานไปได้ 1-25 สัปดาห์ ขาจะเริ่มรู้สึกเบาขึ้น ขณะเดินจะรู้สึกเบาขึ้น สามารถบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบได้
3.ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ปัสสาวะบ่อย ไม่เหมาะสมในการรับประทาน
เสริมF การเปลี่ยนแปลงตำรับลูกเดือยเมล็ดถั่วแดง
ตำรับนี้เป็นตำรับบำรุงร่างกายทั่วไป ไม่มีผลข้างเคียงใดๆทั้งสิ้น แต่อาจมีความเหมาะสมในแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงต้องมีการปรับตำรับตัวยาให้เหมาะสมในแต่ละบุคคลดังนี้
1.ผู้ที่ร่างกายค่อนข้างเย็นสามารถเพิ่มยาที่มีฤทธิ์ช่วยเสริมสร้างความอบอุ่นได้ เช่น ลำไย พุทราจีน เป็นต้น
2.นอนไม่หลับ ภายในร่างกายมีความรู้สึกชื้นๆ แน่นๆ อย่างชัดเจน ควรเพิ่มเม็ดบัว ดอกลิลลี่เข้าไปด้วย
3.สำหรับสุภาพสตรีที่มีอาการปวดประจำเดือน สามารถนำลูกเดือยต้มเป็นซุปถั่วแดงแล้วใส่แผ่นขิง พุทราจีนน้ำตาลแดง เป็นต้น สามารถช่วยให้ท้องน้อยเกิดความอบอุ่นและลดอาการปวดประจำเดือนได้
4.อาการปวดข้อเข่าสามารถใส่ยาจีนจำพวกไป๋เสา ชะเอมเทศสดได้ เนื่องจากรสเปรี้ยวของยาสามารถเปลี่ยนสารหยินในร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงเลือด แก้ขัดข้อได้
5.ผู้ที่มักทำงานใช้ความคิด มีความเครียดสะสมเป็นประจำ อีกทั้งออกกำลังกายค่อนข้างน้อย มักจะมีสีหน้าที่ไม่มีเลือดฝาด ไม่ค่อยมีชีวิตชีวาอาจก่อให้เกิดอาการใจหวิว ง่วงตลอดเวลา รู้สึกหัวหนักๆ รู้สึกหัวใจโล่งๆ เหมือนเต้นไม่เป็นจังหวะ ซึ่งก็คืออาการของผู้ที่มีความชื้นภายในสะสมรวมเข้ากับอาการชี่ของหัวใจพร่องลง ดังนั้นจึงสามารถรับประทานตำรับลูกเดือยเมล็ดถั่วแดงรวมเข้ากับลำไยต้มเข้าด้วยกัน โดยลำไยมีฤทธิ์อุ่นหวานช่วยเสริมสร้างม้ามเพิ่มการทำงานกระเพาะอาหาร ทำให้จิตใจสงบบำรุงเลือด ช่วยควบคุมหยางของหัวใจ บำรุงชี่ของหัวใจได้ ส่งผลให้สภาพจิตดีขึ้น เสริมสร้างชี่ของร่างกายให้เต็มเปี่ยมได้ ซึ่งตำรับค่อนข้างเหมาะสมกับผู้ที่ตรากตรำทำงานหนัก และเหมาะสมกับวัยกลางคนจนถึงวัยชราอีกด้วย
6.ในวัยรุ่นที่เครียดง่ายนอนไม่หลับ มักมีสิวขึ้นบนใบหน้า ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับภาวะ อวัยวะแกนบนอย่างหัวใจกับปอดมีความร้อนสูง เกิดความร้อนชื้นสะสมภายใน สามารถใช้ตำรับลูกเดือยเมล็ดถั่วแดงทำความสะอาดใบหน้า หรือรับประทานโดยเพิ่มเข้ากับลิลลี่และเม็ดบัวได้ โดยลิลลี่มีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นปอด อีกทั้งลดไฟในหัวใจ ทำให้จิตใจสงบ ส่วนเม็ดบัวนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งกับการบำรุงหัวใจ ลดไฟในหัวใจ ขณะเดียวกันยังช่วยเสริมสร้างม้าม บำรุงไต โดยสามารถใส่น้ำตาลก้อนลงไปได้
7.ผู้ที่เป็นไข้หวัดภายในมีความเย็นสะสม มีอาการปวดท้องจากความเย็นสะสมภายใน ความอยากอาหารลดลง สามารถใช้ตำรับนี้รวมเข้ากับแผ่นขิง สามารถช่วยขจัดความเย็น ให้ความอบอุ่นร่างกาย บำรุงกระเพาะเสริมสร้างม้ามให้แข็งแรง อาจใส่น้ำตาลแดงซึ่งมีฤทธิ์อุ่นลงไปด้วยได้
8.ในสุภาพสตรีหลังคลอดบุตร ช่วงบำรุงร่างกายสามารถนำลูกเดือยออกจากตำรับ แล้วใส่พุทราจีนลงไปแทนได้ เนื่องจากพุทราจีนมีฤทธิ์อุ่น ช่วยบำรุงเลือดและเสริมความแข็งแรงให้ม้าม
9.ผู้ที่มีภาวะไตอ่อนแออาจเพิ่มถั่วดำลงเข้าไปในตำรับ เพราะสีดำมีคุณสมบัติวิ่งเข้าสู่เส้นลมปราณไต อีกทั้งรูปร่างของตัวถั่วดำก็คล้ายคลึงกับอวัยวะไต จึงมีความเชื่อในการบำรุงอวัยวะไตได้ค่อนข้างดี
10.หากมีอาการไอสามารถนำสาลี่มาปลอกเปลือก นำเมล็ดออกแล้วหั่นเป็นแผ่นเล็กๆ ใส่ลงไปในตำรับด้วยได้ มีส่วนช่วยให้ปอดชุ่มชื้น ละลายเสมหะ ลดอาการไอได้
11.เมื่อมีอาการหรือโรคของกลากเกลื้อนบริเวณเท้า แสดงว่ามีความร้อนชื้นสะสมอยู่ สามารถเพิ่มถั่วเหลืองบดต้มออกมาแล้วนำมาแช่เท้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นตำหรับสำคัญในการรักษาโรคกลากเกลื้อนที่เกิดจากเชื้อราบริเวณเท้าได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ : เอกสารนี้เป็นลิขสิทธิ์และทรัพท์สินทางปัญญาของหัวเฉียวแพทย์จีน ใช้เผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานความรู้แก่ประชาชน ห้ามมิให้คัดลอกในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตทุกกรณี


