อากรศรี ตัณมานะศิริ อยากได้ของดีต้องลงมือทำ
ถือคติอยากกินชาบูอร่อยๆ ของสดจริง ไม่มีผงชูรส ต้องทำกินเอง งานนี้ด้วยความชอบในชาบูเป็นทุนเดิม ออย-อากรศรี ตัณมานะศิริ
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
ถือคติอยากกินชาบูอร่อยๆ ของสดจริง ไม่มีผงชูรส ต้องทำกินเอง งานนี้ด้วยความชอบในชาบูเป็นทุนเดิม ออย-อากรศรี ตัณมานะศิริ จึงไม่รอช้า ลงขันกับเพื่อนสนิทเปิดร้านชาบูคอนเซ็ปต์เก๋ “ยูคาริ” ที่คอมมูนิตี้มอลล์ เดอะ คิส (The Qiss) ประเดิมอีกบทบาทใหม่ของชีวิต ด้วยการเป็นเจ้าของและนักบริหารในเวลาเดียวกัน ออย บอกว่า นอกจากร้านยูคาริที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปี ออยยังมีอีกหลายบทบาท ทั้งการเป็นดีเจที่คลื่นเอฟเอ็มวัน พิธีกรภาคสนามของรายการดาวกระจาย พิธีกรในงานอีเวนต์ และเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ของตัวเองด้วย
“ใครที่ตามไอจีออยจะรู้เลยว่าออยเป็นขากิน โดยเฉพาะชาบู แต่บางครั้งเจอร้านไม่ถูกใจ เลยคิดว่าอยากทำร้านเอง จึงตัดสินใจหุ้นกับเพื่อนอีกคน สาเหตุที่มีหุ้นเดียวเพราะออยคิดว่าเวลาคุยงานกันจะได้ไม่ยุ่งยาก แค่เราสองคนจบ บางทีไม่มีเวลาเจอกัน แค่คุยทางโทรศัพท์ก็ได้ ไม่ต้องจัดประชุมอะไร อีกเหตุผลคือ ออยว่าคนเราเวลาจะเริ่มทำธุรกิจอะไรต้องเริ่มจากใจรักจริงๆ ไม่อย่างนั้นมาทำก็ไม่อิน ซึ่งตัวออยชอบกินชาบูมาก เพราะฉะนั้นเรื่องของสด น้ำจิ้ม น้ำซุป ออยให้ความสำคัญมาก”
“ยูคาริ” ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า มิตรภาพ ออย บอกว่า ตั้งใจสื่อถึงมิตรภาพของออยและหุ้นส่วนที่เป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปี และเราตั้งใจทำร้านเพื่อสร้างมิตรภาพ ใช้ของดีในร้านให้ลูกค้าเพื่อสร้างมิตรภาพต่อไป สำหรับไฮไลต์ของชาบูที่นี่ ออยยกให้น้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ได้เชฟที่รู้จักกันคิดให้ และออยมาดัดแปลงสูตรให้มีรสแซ่บถูกปากของไทย เข้ากับคอนเซ็ปต์ร้านชาบูสุกี้สไตล์ญี่ปุ่นสัญชาติไทย ออยบอกว่า ทุกวันนี้ยังคุมคุณภาพเองด้วยการลงมือปรุงน้ำจิ้มเอง
“ออยว่า ถ้าเปรียบเทียบยูคาริเป็นคน เขายังเด็กมาก และออยคิดว่าถ้าเราไม่ทะนุถนอมเขาตั้งแต่ยังเด็ก ธุรกิจนี้คงโตยาก ออยว่าบางคนคิดผิดที่มีเงินทำธุรกิจแล้วปล่อยให้คนอื่นดูแล หลายธุรกิจพัง เพราะเจ้าของไม่ลงมาใส่ใจ ออยว่าการทุ่มเทเวลาในช่วงแรกให้ธุรกิจได้เติบโต เป็นสิ่งที่คุ้มค่า”
เจ้าของร้านคนสวยบอกว่า ตอนนี้เธอเน้นพัฒนางานระบบในร้าน ลงการเกิดของเสีย (Waste) ในร้านให้มากที่สุด จากนั้นค่อยเร่งทำการตลาด สร้างแบรนด์ ในฐานะที่ออยเคยทำงานด้านประชาสัมพันธ์มาก่อน ออยเข้าใจว่าถ้าเราทำพีอาร์เยอะๆ แต่ระบบภายในเรายังไม่แข็งแรง ร้านก็ไปไม่ได้อยู่ดี
“คุณพ่อคุณแม่ออยสอนเสมอว่าจะเป็นเจ้านายคน ต้องเคยผ่านการเป็นลูกน้องมาก่อน เพราะฉะนั้นตอนทำร้านนี้ออยคุยเองหมด เข้าไปทำให้งานในครัวให้ลูกน้องดู เราก็ได้เรียนรู้ทุกอย่าง ได้เห็นปัญหาในร้านไปในตัว”
ถามถึงธุรกิจนาฬิกาที่บ้าน ออย บอกว่า โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่บังคับ ปล่อยให้ลูกเดินตามเส้นทางที่เลือก และธุรกิจที่บ้านมีพี่ชายช่วยดูแลเป็นหลักอยู่แล้ว ออย ยอมรับว่า ชีวิตช่วงนี้เพิ่งจัดสรรเวลาได้สมดุลขึ้น จากที่ก่อนทำงานประจำไปด้วยช่วงก่อนเปิดร้าน ทำให้แทบไม่มีเวลา ไม่ได้ดูแลตัวเองจนเริ่มป่วย พอถึงจุดหนึ่ง ออย จึงตัดสินใจทิ้งงานประจำมาทำธุรกิจของตัวเอง
“ออยโชคดีที่คุณแม่ช่วยดูแลสุขภาพตลอด ยกตัวอย่างพอเริ่มอ้วน แม่จะเริ่มกระทุ้งหรือหาคำพูดที่ทำให้เรานอยด์มากระตุ้นให้ดูแลหุ่นได้แล้ว หรือคุณแม่รู้ว่าออยชอบกินผัก อาหารรสจัด ก็จะทำเมนูสลัด อาหารเวียดนามให้ เช้าๆ ถ้าเวลาน้อยก็ทำสมูตตี้ผลไม้ให้ ออยเองหลังจากไม่ได้ออกกำลังกายมา 2 ปี ก็เริ่มหันมาวิ่ง ว่ายน้ำ หรือออกกำลังเองที่บ้าน พยายามเลิกหาข้ออ้าง ฝนตก รถติด ไม่ไปออกกำลังกาย”
สำหรับสไตล์การแต่งตัว ออย กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า เป็นพวกแต่งตัวขัดใจแม่ แม่อยากให้ลูกสาวเป็นสาวหวานเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ แต่ออยคิดว่าเราเป็นสาวเปรี้ยว เปรี้ยวแฝงเซ็กซี่ บางครั้งก็เปรี้ยวอมหวาน แต่ยังต้องมีความเซ็กซี่อยู่ เสื้อผ้าสีโปรดที่มีเป็นหลักในตู้เสื้อผ้าคือ ครีม ขาว ดำ แดง เพราะสามารถเอาไปมิกซ์แอนด์แมตช์ง่าย สำหรับแอกเซสซอรี่ชิ้นโปรด ที่ขาดไม่ได้ทุกวันคือ ตุ้มหูยาวๆ ระย้าๆ ออยบอกว่าเป็นความชอบส่วนตัว
แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นผู้หญิงรักสวยรักงามและมีหลักจะได้ของดีต้องทำเอง ออยเลยมีอีกหนึ่งธุรกิจที่ทำมาได้สักระยะ นั่นคือ แบรนด์สกินแคร์ของตัวเอง ออย บอกว่า ช่วงนี้เทเวลาให้กับร้าน เลยพักๆ แบรนด์ของตัวเองไปก่อน ออย บอกว่า ทุกวันนี้เธอไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมยี่ห้อไหน เพราะมีของตัวเอง แทบจะครบทั้งไลน์ ล่าสุดคือครีมกันแดด เพราะกิจกรรมโปรดของเธอคือ ดำน้ำ
“ออย ว่า การทาครีมก็เหมือนกินอาหาร อยากได้ของดีของอร่อยต้องทำเอง อย่างออยทำครีมเอง เรามีโรงงานที่ไว้ใจ อยากได้ส่วนผสมไหน สัดส่วนเท่าไรบอกเขาได้ ธุรกิจนี้ของออย ออยทำแบบไม่ซีเรียส เพราะในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดคือ ไม่ประสบความสำเร็จ ออยก็ยังใช้ของของออยได้ เพราะเราจริงใจกับลูกค้า ทำครีมที่เราเองก็ใช้ ใช้ดีก็บอกต่อ ปากต่อปากไป”
อย่างไรก็ตาม ถึงจะสวมหมวกหลายใบในเวลานี้ แต่ออยกล่าวทิ้งท้ายว่า เธอตั้งเป้ากับตัวเองว่า ใน 1 ปี จะไปเที่ยว 4 ทริป แบ่งเป็นทริปเที่ยวต่างประเทศ 2 ครั้ง ดำน้ำ 2 ครั้ง แต่ถ้ายุ่งจริงๆ ก็ตัดเหลือปีละ 2 ทริปก็ได้


