posttoday

งามอย่างสถาปัตยกรรมไทย เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี

20 สิงหาคม 2557

โดย...โจลิฟวิ่ง / ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

โดย...โจลิฟวิ่ง / ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

“อย่าทิ้งสถาปัตยกรรมไทยที่เป็นรากเหง้าวัฒนธรรมของไทย ไม่มีใครทำได้ดีมากกว่าคนไทย และถ้าไม่หวงแหนสร้างผลงานสืบต่อจากบรรพบุรุษ ก็ไม่ควรเกิดเป็นคนไทย”

คำพูดหนักแน่นนี้ หลุดมาจากปากของศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรมไทย) ปี 2553 “เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี” ในค่ำวันหนึ่งขณะอาจารย์พาเราเดินชมนิทรรศการ “๑๗ l ๘๐ จาก l เส้น l สู่ l สร้าง”

จัดเต็มพื้นที่ผนังโค้งตั้งแต่ชั้น 3 เรื่อยถึงชั้น 5 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ผลงานของ 17 ศิลปินบรมครูด้านสถาปัตยกรรม ถูกนำเสนอผ่านภาพถ่าย บางชิ้นจำลองจากขนาดจริง บางอย่างเป็นของใช้ส่วนตัวที่สถาปนิกใช้สมัยหนุ่มๆ อาทิ สมุดบันทึก สมุดภาพสเกตช์ ปากกาคอแร้ง

อาจารย์เผ่าชี้ชวนให้ชมบางส่วนของผลงานที่อาจารย์สร้างสรรค์ขึ้น อาจารย์ย้ำว่า การเรียนสถาปัตยกรรมต้องมีจิตวิญญาณความเป็นไทย มันจะไม่มีคุณค่าอะไรกับผลงานที่ทำหากปราศจากความเป็นไทย

“หลายคนเข้าใจผิดว่างานสถาปัตยกรรมไทยต้องมีช่อฟ้าใบระกา จริงๆ แค่มีจิตวิญญาณและออกแบบบนพื้นฐานความเป็นไทย ก็ใช่แล้ว ซึ่งคนไทยมีวิถีเรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติสภาพพื้นที่อย่างกลมกลืน ในการทำงานไม่จำเป็นต้องมีสัญลักษณ์โบราณทั้งหมด การออกแบบอาคารสถาปัตยกรรมไทยตามเหตุตามผล รักษาสัดส่วนและรายละเอียด รักษาเอกลักษณ์ไทยอย่างเหมาะสม เน้นประโยชน์ใช้สอยและประหยัดงบประมาณ

ตอนผมเริ่มเรียนกับอาจารย์ภิญโญ สุวรรณคีรี (ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ สถาปัตยกรรมไทย ปี 2537) ท่านก็สอนรูปแบบของโบราณก่อน พอเรียนรู้ของโบราณแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ นำมาประยุกต์กับการทำงานจริง ความรู้และความชำนาญที่มากขึ้นก็นำไปสู่การคิดหาวิธีทำงานสถาปัตยกรรมไทยที่เหมาะสมกับเทคโนโลยีและความทันสมัยในยุคปัจจุบัน โดยต้องไม่ลืมรูปแบบของเดิมว่าเป็นอย่างไร อะไรที่เป็นเอกลักษณ์และควรรักษาไว้ ก็ควรรักษา เช่น สัดส่วน รูปทรง ลวดลาย”

ผลงานสถาปัตยกรรมฝีมืออาจารย์เผ่าชิ้นเด่นๆ ได้แก่ อาคารคณะวิทยาศาสตร์ อาคารคณะอักษรศาสตร์ ตึกจักรพงษ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาลาอเนกประสงค์ ศาลาการเปรียญ หอกลอง หอระฆัง วัดราษฎร์บำรุง กรุงเทพฯ เจดีย์พิพิธภัณฑ์อัฐบริขาร หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม

วิหารพระพุทธโลกนารถบพิตร วัดพระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ พระอุโบสถ วัดหลักสาม กรุงเทพฯ อาคารบรรจุอัฐิและรูปหล่อท้าวสุรนารี วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ศาลาไทยหน้าหอประชุมกองทัพเรือ กรุงเทพฯ วิหารรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศาลาประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ อาคารธรรมสถาน มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อ.ศาลายา จ.นครปฐม

“ในอดีตบ้านเรามีไม้เยอะ ไม้ก็เลยเป็นวัสดุชั้นดีที่ใช้กันมาก มายุคหลังไม้เหลือน้อย ไม่ว่าใครก็จะไปยึดวัสดุเดิมไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนมาเป็นเหล็ก อย่างศาลาไทยหน้าหอประชุมกองทัพเรือ ตอนนั้นมีเวลาค่อนข้างจำกัด เพื่อให้ทันการประชุมเอเปก ก็ใช้เหล็กหมดครับ ที่เห็นหน้าตาแบบเนี้ย ข้างในเป็นโครงเหล็กหมด แล้วผมก็เอาไม้ที่มีความหนาไม่มากหุ้มปิดไว้ ความเป็นไม้ก็เหลือให้เห็น แต่ข้างในกลวง

งานสถาปัตยกรรมยุคใหม่สามารถออกแบบในราคาไม่แพงได้ด้วยการประยุกต์ใช้วัสดุที่เหมาะสมกับยุคสมัย โดยไม่ทิ้งความเป็นไทยไป รูปร่าง สัดส่วน หน้าตา ก็ยังคงความเป็นไทยอยู่ เพียงแต่ผู้ออกแบบและผู้สร้างต้องเรียนรู้ที่จะเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม คนทั่วไปมักจะคิดว่างานสถาปัตยกรรมไทยเป็นของแพง ต้องสร้างด้วยงบสูงๆ แต่ผมกลับคิดว่าไม่ใช่ทั้งหมด ผมจะเน้นย้ำเสมอว่าไม่จำเป็นต้องแพงก็ได้”

สัมผัสความงามอย่างสถาปัตยกรรมไทยได้ในนิทรรศการ “๑๗ l ๘๐ จาก l เส้น l สู่ l สร้าง” เปิดแสดงให้ชมจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ โทร. 02-214-6630-8

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell