แผ่นดินอันรื่นรมย์
ผมเขียนถึงนวนิยายตะวันตกที่พรรณนาถึงความงดงามรื่นรมย์ของแผ่นดิน ในวันที่หลายๆ คนหลงลืมคุณค่าของบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองผมขอไว้อาลัยให้กับทุกๆ ความรู้สึกแห่งการสูญเสีย
ผมเขียนถึงนวนิยายตะวันตกที่พรรณนาถึงความงดงามรื่นรมย์ของแผ่นดิน ในวันที่หลายๆ คนหลงลืมคุณค่าของบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองผมขอไว้อาลัยให้กับทุกๆ ความรู้สึกแห่งการสูญเสีย
โดย...ปราฎา เหมทิวากร
ผมยังคงนั่งฝันถึงแอฟริกา...ไม่ใช่เฉพาะช่วงเวลาที่กำลังจะมีเทศกาลฟุตบอลโลกอยู่รอมร่อเช่นนี้ แต่แอฟริกาครอบงำจิตใจมาหลายปีดีดัก
ถ้าถามว่ามีที่ใดในโลกที่อยากไปก่อนมลาย หนึ่งในนั้นคงต้องมีเมืองไนโรบี ประเทศเคนยา
ที่ฝักใฝ่อยากตะลอนไปนักหนา ก็เพราะหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งยังคงเกี่ยวรัดความประทับใจไว้ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน จนกระทั่งบัดนี้ยังหยิบจับเอาบางช่วงบางตอนขึ้นมาอ่านไม่รู้เบื่อ
“Out of Africa” นวนิยายคลาสิกของไอแซค ไดนีเซน นักเขียนชาวเดนมาร์คก ออกตั้งแต่เมื่อปี 2480 และแปลเป็นไทยโดยคุณสุริยฉัตร ชัยมงคลเมื่อปี 2536 ชอบตั้งแต่บทแรกที่เป็น “ถ้อยความ” ที่สุริยฉัตรผู้แปล เขียนระลึกไว้ในหนังสือ
“ฟ้าที่นั่นกว้างกว่าฟ้า
ไอแดดอ้อมป่าเขาไว้ในฝัน
อาบสาบสิงห์ กลางทุ่งหญ้า ณ แดนนั้น
ฉันมีไร่ ที่นั่น และมีรัก”
เรื่องกึ่งจริงกึ่งฝันของ บารอนเนส คลาเรน บลิกเซน ที่ใช้ชีวิตในเขตคนขาว ทางแอฟริกาตะวันออก เมื่อ 80 ปีก่อน ในวันที่แอฟริกายังเป็นดินแดนดิบเถื่อนแต่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพสำหรับคนแปลกหน้า
เนื้อที่ 6 พันเอเคอร์บนเทือกเขาง็องเป็นฉากหลังอันอลังการ ถูกแปรสภาพเป็นไร่กาแฟและโรงงานแปรรูปที่ใช้คนพื้นเมืองหลากหลายเผ่า
“.... ขึ้นมาอยู่ในอากาศสูงเช่นนี้ คุณจะหายใจอย่างง่ายดาย สูดเอาชีวิตที่หนักแน่นและความโปร่งเบาของหัวใจเข้าไป ในแผ่นดินสูง คุณจะตื่นขึ้นมาในยามเช้าแล้วคิดว่าฉันอยู่ที่นี่ ที่ซึ่งฉันควรจะอยู่”
.....มวลเมฆซึ่งจรมากับสายลม จะปะทะกับเนินเขา และจับตัวอยู่บริเวณนั้น หรือไม่ก็ถูกดักไว้ตรงยอดเขา แล้วสลายตัวกลายเป็นสายฝน แต่พวกที่เหินมาสูงกว่า และเลื่อนลอยข้ามขอบผาไปได้ ก็จะมลายหายไปกับเวิ้งฟ้าตะวันตก เหนือท้องทะเลทรายอันแผดเผาแห่งริฟท์ วัลลีย์ หลายครั้งฉันเดินออกจากบ้าน เพื่อติดตามดูกระบวนการอันทรงอานุภาพดำเนินไป และรู้สึกอัศจรรย์ใจที่ได้เห็นมวลสารที่ล่องลอยอย่างสง่าทระนง เมื่อข้ามพ้นเทือกเขา ได้มลายลับกับอากาศสีน้ำเงินและดับสูญไป”
Out of Africa เล่าช่วงเวลาอันน่าหลงใหลของ คลาเรน บลิกเซน ในแผ่นดินสูง ที่ผูกพันกับชาวพื้นเมืองอย่างแนบแน่น
...เด็กๆ ที่นั่งรอนาฬิกานกคุกคูแผดเสียงร้องในตอนเที่ยงวัน
ความยากจนข้นแค้นของเหล่านักรบมาไซและชายชราที่ต้องการเต้นรำครั้งสุดท้ายบนแผ่นดินที่ถูกยึดครอง
ภาพของระบบศักดินาที่ตัดกับฉากชีวิตของคนพื้นเมือง และความหาญกล้าของผู้คนในสงครามโลกที่แผ่ขยายความตึงเครียดมายังทวีปแห่งนี้
ช่วงท้ายของ Out of Africa พูดถึงความรักที่ก่อกำเนิดขึ้นในหัวใจของ คลาเรน บลิกเซน กับนักซาฟารีแห่งเถื่อนถิ่น “เด็นนิส ฟินช์ แฮทตัน” ผู้ย่ำเหยียบไปเกือบทุกตารางนิ้วของป่าในแอฟริกา ...แวะหาของกำนัลที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
เครื่องบินเล็กๆ นำทั้งคู่แล่นผ่านป่าเขาและหนองน้ำที่นกฟลามิงโกใช้เป็นที่พักพิงระหว่างการเดินทาง เป็นภาพที่คลาสสิกสำหรับนักแสวงหาโลกใหม่
“ทัศนียภาพนั้นไพศาลยิ่งนักเมื่อขึ้นไปล่องลอยอยู่เหนือแผ่นดินสูงแอฟริกัน สรรพสี ผสานและแปรเปลี่ยนอย่างน่าอัศจรรย์ สีรุ้งบนแผ่นดินเขียวขจีอร่ามแสงตะวัน
...ภาษานั้นขาดแคลนด้วยถ้อยคำที่จะบรรยายประสบการณ์การบิน และจะต้องคิดค้นคำใหม่ๆ ขึ้นมาใช้เมื่อเวลาล่วงไป เมื่อโบยบินอยู่เหนือริฟท์ วัลลีย์ และปล่องภูเขาไฟซัสวา กับลองโกน็อท คุณได้เดินทางมาแสนไกล เหมือนมาถึงแผ่นดินอีกฟากหนึ่งของดวงจันทร์ บางครั้งบินต่ำพอจะเห็นเหล่าสัตว์บนทุ่งราบและรู้สึกต่อพวกมันดังที่องค์พระเป็นเจ้าทรงรู้สึก เมื่อเพิ่งนฤมิตมันขึ้นมา ก่อนที่จะมอบหมายให้อะดัมเป็นผู้ตั้งพระนาม”
หนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของ Out of Africa คือบทอำลา เมื่อเกิดไฟไหม้โรงงานกาแฟของบลิกเซน และถึงจุดที่ต้องร่ำลาเพื่อกลับสู่แผ่นดินแม่
เด็นนิส เสียชีวิตระหว่างขับเครื่องบินกลับจากการออกซาฟารีเพื่อมาเทือกเขาง็อง ปิดตำนานสามัญชนคนขาวบนแผ่นดินดิบ และพรานอันเป็นที่รักของพวกมาไซ
ด้วยความรัก... บลิกเซน ฝังศพของเด็นนิสไว้บนเทือกเขาแห่งหนึ่ง ที่ที่มองลงมาเห็นทัศนียภาพอันไพศาล และเทือกเขาง็อง เต็มไปด้วยหมอกในยามรุ่งอรุณและสดกระจ่างในตอนกลางวัน
ในช่วงท้ายของชีวิตที่ไนโรบี เธอมักขับรถไปยังสุสานของเด็นนิสและพบว่ามีแขกเหรื่ออันลี้ลับมากมาย เดินทางมาคารวะผู้ที่จากไปชั่วนิรันดร์
“พวกมาไซ..รายงานต่อข้าหลวงแขวงที่ง็องว่า หลายครั้งยามอรุณและอัสดง พวกเขาเห็นสิงโตบนสุสานของฟินช์-แฮทตัน ในเทือกเขา สิงห์ตัวหนึ่งกับคู่ของมันได้ไปที่นั่น จะยืนหรือเหยียดกายนอนบนหลุมศพเป็นเวลานาน.. จากที่นั่นพวกมันสามารถมองเห็นได้ทั่วท้องทุ่ง เห็นทั้งฝูงปศุสัตว์และสัตว์อื่นๆ ในนั้น”
ความงดงามของนวนิยายเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกันมีโรเบิร์ต เรดฟอร์ดและเมอริล สตรีฟ แสดงนำเมื่อ 25 ปีก่อน
ภาพที่ถ่ายทอดออกมาโดยผู้กำกับซิดนีย์ พอลแลค งดงามไม่ต่างจากบทกวี ในหนังสือของไอแซค ไดนีเซน ซึ่งยังสามารถหาชมได้จากดีวีดี แม้จะหายากสักหน่อยก็เหอะ
ผมเขียนถึง Out of Africa ในวาระที่เดือน พ.ค.ปีนี้ ครบรอบ 12 ปี แห่งการจากไปของ สุริยฉัตร ชัยมงคล นักแปลและนักเขียนผู้ฝากลำนำอันงดงามไว้ในแผ่นดิน
และผมเขียนถึงหนังสือเล่มเก่าๆ เผื่อบอกว่าวันใดที่คุณรู้สึกเซ็งกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่
ก็น่าจะหยิบ จับ ปัดเป่า สิ่งที่เคยสร้างความสุขให้กับคุณมานานแต่ถูกทิ้งร้างไว้ในลังเก่าๆ ขึ้นมาลูบไล้ดูบ้าง
และผมเขียนถึงนวนิยายตะวันตกที่พรรณนาถึงความงดงามรื่นรมย์ของแผ่นดิน ในวันที่หลายๆ คนหลงลืมคุณค่าของบ้านเกิดเมืองนอนตัวเอง
ผมขอไว้อาลัยให้กับทุกๆ ความรู้สึกแห่งการสูญเสีย และต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก


