ภัสสริน ลิมปนวงศ์แสน นักการตลาดต้องเป็นเทรนด์เซตเตอร์
นักบริหารวางแผนการตลาดสาวบุคลิกคล่องแคล่ว ภัสสริน ลิมปนวงศ์แสน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท คอมเมอร์เชียล มาร์เก็ตติ้ง
โดย...วราภรณ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช
นักบริหารวางแผนการตลาดสาวบุคลิกคล่องแคล่ว ภัสสริน ลิมปนวงศ์แสน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท คอมเมอร์เชียล มาร์เก็ตติ้ง ผู้แทนจำหน่ายหนึ่งเดียวของโมเลสกิน (Moleskine) ในประเทศไทย แบรนด์กระดาษชื่อดังสัญชาติอิตาลีที่เหล่าศิลปิน นักคิดนักเขียน นักสร้างสรรค์ชื่นชอบและรู้จักเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นตัวแทนนำเข้า จัดจำหน่ายเครื่องเขียน กรอบรูป สินค้าตกแต่งบ้าน ฯลฯ ในฐานะสะใภ้ถึงเวลาที่เจเนอเรชั่นที่ 2 จะมาสานต่อธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่ของสามีที่ทำมาประมาณ 12 ปีแล้ว โดยคิดต่อยอดนำเข้าสินค้าที่เป็นไลฟ์สไตล์ของคนมากขึ้น โดยเธอมองว่าผู้นำเข้าสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็ควรมีรสนิยม มีวิสัยทัศน์หูตากว้างไกลเพื่อเป็นเทรนด์เซตเตอร์ที่ดี
“ตอนนี้ดิฉันกับสามีช่วยกันดูแลธุรกิจของที่บ้านคือ บริษัท คอมเมอร์เชียล มาร์เก็ตติ้ง ดูแลในด้านการคัดสรรแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์นำเข้าใหม่ๆ เพื่อเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และรับผิดชอบในส่วนกิจกรรมฝ่ายขายและการตลาดของแบรนด์นำเข้าทั้งหมด รวมถึง Henry Cats & Friends จากไต้หวัน และ Moleskine จากอิตาลีด้วย จากที่เรานำเข้ากรอบรูป อัลบั้มรูปจากฮ่องกง ตอนนี้เราก็เพิ่มนำเข้าสินค้าในหมวดไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่น ของตกแต่งบ้าน กระเป๋า ผ้าพันคอ ซึ่งแบรนด์ดั้งเดิมอย่างเฮนรี่ฯ สินค้าสำหรับไลฟ์สไตล์คนรักสัตว์ เป็นสินค้าที่มีคาแรกเตอร์เพื่อคนรักแมวและสุนัข เป็นสินค้าที่น่าสนใจมากๆ เพราะตรงกับกลุ่มลูกค้าที่รักสินค้าที่มากับคาแรกเตอร์ อีกทั้งคนไทยยังรักงานออกแบบและพิถีพิถันในการเลือกซื้อมากขึ้น”
ล่าสุดแบรนด์สินค้าที่เธอภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายคือ โมเลสกิน ความน่าสนใจของแบรนด์นี้คือ ความน่าค้นหา และมีเรื่องราวของแบรนด์ที่พัฒนาสินค้าที่วันนี้ไม่ใช่แค่สมุดโน้ต แต่เจ้าของโปรดักต์ยังศึกษาไปถึงไลฟ์สไตล์ของคนใช้ผลิตภัณฑ์ว่ามีการใช้ชีวิตอย่างไร เขาจึงออกแบบสมุดโน้ต ซองไอแพดที่มีซองใส่โทรศัพท์มือถือด้วย ซึ่งเจ้าของโปรดักต์มีแนวความคิดพัฒนาสินค้าจากแค่สมุดโน้ตได้น่าสนใจมากๆ
หลักในการเลือกสินค้ามาจำหน่ายในเมืองไทย ภัสสริน นักบริหารรุ่นใหม่มีแนวคิดคือ มองไลฟ์สไตล์คนเอเชียเป็นหลัก คือศึกษาให้ลึกว่าคนเอเชียมีการใช้ชีวิตอย่างไร และต้องการอะไร
“เทรนด์การช็อปปิ้งของคนเอเชียคือ ต้องการสินค้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ที่บ่งบอกถึงรสนิยม อิงแฟชั่น ซึ่งการเลือกเครื่องเขียนก็บ่งบอกคาแรกเตอร์ของผู้ใช้ได้ เพราะเราเลือกใช้ก็ต้องชอบด้วย อย่างแรกหากเราชอบข้าวของเครื่องใช้ของเรา เราจะใช้เขาอย่างสนุกและทำงานได้เต็มที่ อีกทั้งของใช้ยังเป็นตัวบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้ แม้ราคาจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แต่คนจะเลือกที่แบรนด์ว่าสื่อสารอะไร ถ้าแบรนด์ถูกใจ ราคาจะเป็นเรื่องรอง เพราะเราก็อยากมีตัวตน
อย่างโมเลสกินเป็นแบรนด์ของศิลปินเพราะศิลปินส่วนใหญ่เลือกใช้ มีการแชร์รูปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการทำแคมเปญงานศิลปะบนสมุดโน้ตของแบรนด์เผยแพร่ไปทั่วโลก อีกทั้งแบรนด์ยังมีการทำคอลเลกชั่นร่วมกับศิลปินก็ยิ่งทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แบรนด์ยังพัฒนาตนเองไปทำงานพัฒนาสังคมด้วย ซึ่งแบรนด์นี้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองคือ ดิฉันชอบงานศิลปะ ชอบไปดูชีวิตผู้คนทั่วมุมโลก เพื่อให้เห็นมุมมองแนวคิด เขาใช้ชีวิตกันอย่างไร ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับการทำงานได้ด้วย เพราะเราทำงานกับไลฟ์สไตล์ของคน”
ภัสสรินบอกอีกว่า การทำงานด้านการตลาดเป็นเรื่องสนุก เพราะตลาดเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาไปเรื่อยๆ เนื่องจากตลาดเปลี่ยนแปลงทุกวัน จุดขายบางจุดมียอดขายแตกต่างกัน เช่น จุดขายในห้างสรรพสินค้าว่าขายดีแล้ว แต่ในอีเวนต์ขายดีมากกว่า
“เราวางแผนว่าเราต้องนำแบรนด์เข้ามาไปขยายฐานลูกค้ากลุ่มอื่น เพราะคนเราก็มีไลฟ์สไตล์มากขึ้น แม้อัลบั้มรูปราคาเท่ากันแต่ดีไซน์ต่างกัน เราต้องเลือกให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า เราจึงต้องทำงานหนักกว่าเดิม ทั้งการคัดกรองเหมือนเทรนด์เซตเตอร์ มองตลาดต้องการอะไร เพราะหากผู้บริโภคไม่ชอบก็คือไม่ชอบ”
การทำงานด้านการตลาด ภัสสรินบอกว่ามีปัญหาค่อนข้างเยอะ เช่น สมมติสินค้าชิ้นนี้ทำไมขายไม่ดีแสดงว่าเราสื่อสารผิด หรือหากไม่ผิดก็ต้องมองที่ราคาแล้วว่าไม่น่าดึงดูดใจลูกค้า นอกจากนี้ยังต้องดูไปถึงพนักงานขาย ต้องมีใจที่อยากจะขายของ ดังนั้นจึงต้องมีการเทรนนิ่งอยู่เสมอๆ
“ในฐานะที่เราเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 เราพยายามพัฒนาบริษัทด้วยการนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ ซึ่งเราไม่ได้มองตลาดอย่างเดียว เรามองไปที่องค์กรด้วย คือเรามีทีมงานเป็นชาวต่างชาติ แต่สิ่งที่เราเน้นหนักเลยคือ เราต้องพัฒนาเรื่องทรัพยากรมนุษย์ แม้ตอนนี้การแข่งขันสูง เราจึงต้องหาคนเก่งมาร่วมงานในระดับผู้บริหาร เช่น เซลส์แมเนเจอร์ เพื่อมาช่วยบริหารจัดการสินค้า เพราะเราเป็นสินค้าแฟชั่น สินค้าอยู่กับเรานานไม่ดี อีกทั้งการนำแบรนด์อื่นๆ เข้ามาจะทำให้สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น”


